เค ร้อยล้าน ก่อวีรกรรมในผ้าเหลือง พระพยอมติงจิตวิปลาศ คนมีคดีความยังไม่สิ้นสุดยังไม่พ้นมลทินบวชพระไม่ได้ ไม่มีพระเอาเลเซอร์ไปยิงตาเด็ก ผิดศีล
จากกรณีที่นายกันตฐพงศ์ จักรภพมหาเดชา หรือฉายา เค ร้อยล้าน นักธุรกิจผู้มีวีรกรรมอื้อฉาวจนตกเป็นข่าวมาหลายครั้ง ปรากฎตัวห่มเหลืองบวชเป็นพระในสังกัดของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ก่อวีรกรรมในผ้าเหลืองอีกครั้งเมื่อได้ถูกรับเชิญจากพระด้วยกันให้ไปเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้กับเด็กนักเรียนของโรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์ โดยระหว่างเป็นวิทยากรบรรยายนั้น พระเค ร้อยล้าน ได้ตะคอกเด็กนักเรียนและใช้เลเซอร์ส่องไปที่ดวงตาของเด็กนักเรียนที่ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ จนทำให้เด็กนักเรียนนำเรื่องราวมาโพสต์ลงในโซเซียลกับพฤติกรรมของพระเคที่เกิดขึ้นในวันอบรมดังกล่าว จนกลายเป็นประเด็นทางสังคมนั้น
วันที่ 18 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามข้อสงสัยกับทางพระราชธรรมนิเทศน์ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว โดยพระพยอมแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า โดยปกติผู้ที่จะมาขอบวชเป็นพระได้นั้น โดยธรรมดาแล้วจะต้องอยู่บวชนาคซ้อมนาคเป็นเดือนเพื่อตรวจสอบภาวะจิตว่าเป็นคนปกติหรือไม่ปกติ เพราะถ้าไปรับคนบ้าๆ บอๆ แบบนี้มาบวชก็จะยุ่งกันตาย แล้วกรณีที่มีคดีความหรือวีรกรรมที่ยังไม่จบอยู่ในคดี พระอุปัชฌาชย์ไปรับบวชพระให้แบบนี้ถือว่าบกพร่อง แล้วยิ่งการนำพระแบบนี้ไปบรรยายเผยแพร่ พระที่พาไปก็ควรจะรู้ว่าพระแบบไหนควรพาไปด้วยหรือพระแบบไหนไม่ควรพาไป แล้วการที่ไปเอาเลเซอร์ไปส่องตาเด็กนักเรียนแบบนี้อีกพระสงฆ์ดีๆที่ไหนเขาทำกัน แทนที่จะทำให้เด็กๆเลื่อมใสในพระพุทธศาสนากลับกลายเป็นเด็กเกิดความเบื่อหน่ายกับการอบรมสั่งสอนแบบนี้ไป เรื่องนี้ทางเจ้าอาวาสและเจ้าคณะต่างๆ บกพร่องเพราะไม่ได้ตรวจสอบประวัติหรือพฤติกรรมของผู้ที่มาขอบวชพระให้ดี
พระพยอม กล่าวอีกว่า ในกรณีนี้ทราบว่ามีประวัติมีวีรกรรมมากมาย ทั้งขับรถไปจอดขวางกลางถนน ปล่อยงู เทน้ำแดงราดตัว จนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว เห็นได้ว่าจิตไม่ปกติแล้ว เพราะคนปกติคงไม่ทำ ศีลแปลว่าปกติ ถ้าไม่ปกติแล้วตะไปขอบวชเป็นพระก็ไม่ควรรับหรือบวชให้ ถือว่าพระอุปัชฌาชย์ไม่รอบคอบ ถ้าบวชให้ไปแล้วและยังไปก่อความเดือดร้อนวุ่นวายสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่นก็ต้องขับออกจากวัดไปหรือที่เรียกว่า อัปเปหิออกไป ถ้ายังดื้ออยู่ต่อไม่ไปก็ต้องถึงขั้นจับสึก การเอาเลเซอร์ไปนิงใส่ตาเด็กถือเป็นกาเบียดเบียนเด็ก ทำให้เด็กแสบตาเดือดร้อนรำคาญ ทำให้เด็กเป็นทุกข์ ไม่ใช่เรื่องหรือหน้าที่ของสมณะ สมณะต้องสร้างความสุข ความฉลาด สร้างปัญญาให้กับเด็ก ไม่ใช่ไปทำเรื่องโง่ๆแบบนี้
พระพยอม ยังกล่าวอีกว่า คนที่จะบวชพระได้นั้น ถ้ายังมีคดีความอยู่ยังไม่จบยังไม่พ้นมลทินหรือพ้นความผิดตามกฎหมายแล้ว เขาไม่ให้บวชเป็นพระ การจะบวชพระจะบวชได้กับพระอุปัชฌาชย์เท่านั้น ยกเว้นเสียแต่ตะแอบไปบวชเองกับต้นไม้ แล้วโกนหัวเองห่มผ้าเหลืองเอง ซึ่งก็จะไม่มีใบสุทธิที่พระอุปัชฌาชย์ผู้บวชให้ต้องออกให้กับผู้บวช ยิ่งในยุคนี้การจะบวชเป็นพระสงฆ์ได้นั้นจะต้องถูกตรวจสอบเข้มข้นจากเจ้ากน้าที่หลายหน่วยงานกว่าจะบวชพระได้ อาตมาจึงไม่แน่ใจว่ากรณีนี้หลุดไปบวชเป็นพระได้อย่างไร ขนาดที่วัดสวนแก้วเองมีคนมาขอบวชพระมากมาย อย่างมาขอบวชกัน 10 คน ถูกตรวจสอบตรวจประวัติดูว่าต้องคดีอะไร ร้ายแรงไหม ก็จะเหลือมาบวชเพียงไม่กี่คน ยิ่งถ้ากรณีจิตใจไม่ปกติแล้วมาบวชเป็นพระได้ถือว่า วิปลาศ