คนใกล้ชิดแฉยับ พยาบาลสาวถูกหัวหน้างานกลั่นแกล้ง คนใน รพ. ข่มขู่คุกคาม ฟางเส้นสุดท้ายคือ ผอ. สั่งให้กลับไปขึ้นเวรดึก
ความคืบหน้ากรณีพยาบาลสาว ที่เขียนจดหมายลาตาย พร้อมข้อความตัดพ้อ ก่อนที่จะพยายามตัดสินใจจบชีวิตตนเองแต่มีผู้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน และหลังจากที่วานนี้ทางผู้บริหาร และหัวหน้างานของพยาบาลสาวได้ชี้แจงผ่านทางสื่อมวลชนออกมาว่ารับปากจะดูแลและช่วยเหลือน้องอย่างเต็มที่ทั้งสภาพจิตใจ และด้านการทำงานหลังจากนี้
ล่าสุดในคืนที่ผ่านมา มีชายคนหนึ่งได้โพสต์คลิปใน TikTok จำนวน 3 คลิป เป็นการแฉเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีพยาบาลสาวที่ถูกกลั่นแกล้ง กดดัน จนทำให้คิดสั้นดังกล่าว โดยเริ่มต้นว่าไม่ต้องตั้งคำถามว่าตนเองรู้จักน้องพยาบาลได้อย่างไร เอาเป็นว่าเป็นคนที่รู้จักสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องของการบูลลี่เรื่องหน้าตาชาติพันธุ์ เป็นเรื่องเก่านานแล้วที่มีการทำความเข้าใจกันแล้วในที่ทำงาน และไม่ใช่เหตุหลักในการที่น้องตัดสินใจครั้งนี้
โดยสาเหตุหลักมาจากการถูกลั่นแกล้งในที่ทำงานจากหัวหน้างาน และคนในโรงพยาบาล ซึ่งจากการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องความขัดแย้งจริงๆ ซึ่งน้องมีความขัดแย้งกับหัวหน้าแผนกห้องคลอด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาส่วนตัวของกลุ่มคนในที่ทำงานก็จะมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากัน แต่ที่สำคัญได้ยกบุคคลคนหนึ่งเป็นตำแห่งหัวหน้าพัสดุ แฟนมีพฤติกรรมเวลาดื่มเหล้าเมาจะกร่างสามารถเข้าออกโรงพยาบาลได้ และยังทำงานที่สรรพสามิตเชียงใหม่ จึงได้ให้แฟนแกล้งน้องด้วยการขนรถจักรยานยนต์ อ้างจะเอาไปตรวจสอบ เนื่องจากเห็นว่าจอดไว้เป็นเวลานาน จนเป็นที่มาของการเข้าไปแจ้งความว่าน้องรถหาย
นอกจากนี้น้องยังพยายามขอความช่วยเหลือจากทางผู้บริหาร แม้แต่จะขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายที่ขโมยรถไป แต่กลับอ้างว่าไม่มีภาพ ภาพวงจรปิดที่ได้มานั้นก็ไปได้จากกล้องวงจรปิดบ้านพักของพนักงานในโรงพยาบา ที่น้องต้องไปขอเอง หลังจากนั้นน้องเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ถูกคุกคาม จึงไปขอร้องผู้บริหารอีกครั้ง ซึ่งได้รับการดูแลโดยให้มาเข้าเวรและทำงานในตอนกลางวันแทนกลางคืน เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน แต่ได้เพียง 1 เดือน ตอนนี้น้องต้องกลับมาทำงานและเข้าเวรกลางคืนอีกครั้งคราวนี้น้องจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือปกป้อง และหวาดกลัวที่จะถูกคุกคามอีกครั้ง จนน้องคิดมากเป็นสาเหตุที่ต้องคิดสั้น
ส่วนคลิปที่ 2 ได้ย้อนกลับไปพุดถึงเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่นำรถไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 แต่จนถึงขณะจะเข้าเดือนมีนาคมอยู่แล้ว กว่า 3 เดือนนี้ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในคดี ไม่มีหมายเรียกออกมาสักฉบับ ตำรวจทำงานช้ามากจนน้องรู้สึกว่าตำรวจ มีนอกมีในหรือไม่กับคดีนี้ โดยคนโพสต์ยังอ้างว่าทนายความที่ตนเองส่งไปช่วยดูแลคดีให้น้องพยาบาล ยังได้รับการประสานงานจากตำรวจ ว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้ ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่มาถามทางฝั่งผู้เสียหาย ซึ่งตำรวจได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายไปพูดคุยกัน
ขณะที่ ผอ.รพ. เองก่อนหน้านี้ ที่ตนเองได้พูดคุยก็รับปากจะให้น้องทำงานกลางวัน แต่กลับมีคำสั่งให้น้องกลับมาทำงานกลางคืนอีกครั้งทั้งๆ ที่น้องยังรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงได้ทวงถามไปยัง ผอ.อีกท่าน (เจ้าตัวอ้างว่าเป็นผู้ชาย) ว่าทำไมจึงเปลี่ยนให้น้องกลับไปทำงานกลางคืนอีกครั้ง ซึ่งผอ.ผู้ชายท่านนี้ เป็นคนที่พูดจากับลูกน้องแบบหนักหน่วง จึงยืนยันว่านี่เป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พยาบาลสาวคนนี้คิดสั้น
ส่วนคลิปที่ 3 เป็นคลิปสรุป โดยตั้งคำถามไปยัง ผอ.รพ.ทั้ง 2 ท่าน ว่าน้องไม่สบายใจในแผนกเดิม จากแผนกห้องคลอดไปแผนกฝากครรภ์ ถึง 3 ครั้ง มีหนังสือไปแต่ถูกปัดตกไปทั้ง 3 ครั้งนั้นจริงหรือไม่
พอเกิดเรื่องขึ้นมา ผอ.ผู้หญิงบอกจะให้น้อง ขึ้นเวรกลางวัน แต่ ผอ.ผู้ชายอีกคนกลับมีคำสั่งให้น้องกลับมาเข้าเวรกลางคืนทั้งๆ ที่น้องยังรู้สึกไม่ปลอดภัย สองคำถามนี้จึงเป็นข้อสงสัยว่ากลั่นแกล้งน้องหรือไม่ และฝากถามหัวหน้าห้องคลอดว่าไม่กินเส้นกับน้องพยาบาลหรือไม่
ขณะเดียวกันฝากถามหัวหน้าแผนกพัสดุว่า ให้สามีจอมปัญหาที่ทำตัวกร่าง เวลาทะเลาะกันทำให้คนเดือดร้อนรำคาญ แต่โรงพยาบาลปล่อยให้คนอย่างนี้อยู่ในโรงพยาบาลได้อย่างไร และให้สามี ไปยกรถน้องไปตรวจสอบนั้น จงใจกลั่นแกล้งหรือไม่ และให้สามีขับรถประกบติดน้องนั้นเป็นการจงใจข่มขู่คุกคามน้องหรือไม่ ส่วนทางตำรวจภูธรเชียงใหม่เองก็เจอตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงใช้เวลานานในการทำคดี จนเข้าเดือนที่ 4 ยังไม่มีความคืบหน้า อยากให้ทั้งหมดตอบคำถามเหล่านี้เพื่อให้ประชาชนได้รับฟัง