ความหวังใหม่ผู้ป่วยมะเร็ง! รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เสนอวิธี “ฝังแร่รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก” ชี้จุดดีผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ไร้เสี่ยงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและปัสสาวะรั่ว แพทย์แนะนำชายวัย 50 ปี ขึ้นไปหมั่นตรวจคัดกรอง หากพบเร็วรักษาไว รักษาให้หายขาดได้
“มะเร็ง” ภัยร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยและทั่วโลกเป็นอันดับหนึ่ง แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ทั่วโลกกว่า 7.6 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี มากกว่าโควิด-19 หลายเท่าตัว ที่ผ่านมาทั่วโลกให้ความสำคัญกับโรค “มะเร็ง” เป็นอย่างมาก โดยองค์การอนามัยโลกและสมาคมต่อต้านมะเร็งสากลกำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งโลก” (World Cancer Day) เพื่อบรรเทาปัญหาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
สำหรับประเทศไทยจากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบผู้ชายป่วยเป็น “มะเร็ง” เฉลี่ย 169.3 คนต่อประชากร 1 แสนคน โดย “มะเร็ง” ที่พบบ่อยในผู้ชาย 5 อันดับแรก คือ
1.มะเร็งตับและท่อน้ำดี
2.มะเร็งปอด
3.มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
4.มะเร็งต่อมลูกหมาก
5.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
จากเทคโนโลยีปัจจุบัน กว่าร้อยละ 40 ของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยอยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถหาทางป้องกันและรักษาได้ และเป็นข่าวดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ป่วยเป็น “มะเร็งต่อมลูกหมาก” เมื่อ รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ และ กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG ได้นำเสนอแนวทางการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการ “ฝังแร่” ซึ่งมีข้อดีคือ “สามารถฟื้นตัวได้เร็ว”
นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งของต่อมลูกหมาก จากศูนย์รักษามะเร็งด้วยรังสีคริสเตียน่าแคร์และเฮเลนแกรมแคนเซอร์เซ็นเตอร์ มลรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เผยว่า การ “ฝังแร่รักษามะเร็ง” ไม่ทำให้กระทบ “สมรรถภาพ” เท่าการผ่าตัด โดยแนะนำชายไทยวัย 50 ขึ้นไป ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย PSA หมั่นดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้ดี ลดโอกาสเสี่ยงให้ชีวิตห่างไกลมะเร็งต่อมลูกหมาก ภัยเงียบชายสูงวัย
นายแพทย์วิรุณ ระบุว่า ปัจจุบันแนวโน้มการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ด้วยลักษณะโรคที่เติบโตอย่างช้า ๆ ไม่มีอาการบ่งชี้ชัดเจน ส่วนใหญ่พบในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการในระยะเริ่มแรก อาจจะปัสสาวะกะปริดกะปรอย , ปัสสาวะบ่อย , กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ , ปัสสาวะไม่สุด หรืออาจเกี่ยวข้องกับขนาดของต่อมลูกหมาก หรือต่อมลูกหมากอักเสบ จึงทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการทั่วไปของคนสูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะโตแล้วไปกดท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดลักษณะอาการคล้าย ๆ กันกับมะเร็งต่อมลูกหมากได้
มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากการเจริญเติบโตและแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ต่อมลูกหมากจนกลายเป็นมะเร็ง ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ สันนิษฐานว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม โดยเฉพาะผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งเต้านมจะมีความเสี่ยงสูง หรือพฤติกรรมการกินอาหาร , น้ำหนักเกิน , เบาหวาน , มีความเครียดและสูบบุหรี่จัด ก็อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
ซึ่งในการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์จะซักประวัติสุขภาพ ตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ เพื่อคลำต่อมลูกหมากว่ามีความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ , การเจาะเลือดเพื่อหาโปรตีนบ่งชี้มะเร็งในต่อมลูกหมาก หรือ PSA (PROSTATIC SPECIFIC Antigen) เพื่อนำมาวิเคราะห์หาโปรตีนตัวนี้ในกระแสเลือด ซึ่งระดับค่าของโปรตีน PSA ที่สูงกว่าปกติอาจจะบ่งบอกถึงการติดเชื้อ , การอักเสบ , ขนาดของต่อมลูกหมาก รวมถึงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากนำไปตรวจทางพยาธิวิทยาจะช่วยวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือสาเหตุอื่น
นายแพทย์วิรุณ กล่าวว่า ในการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากนำไปตรวจทางพยาธิวิทยา จะไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการตัดชิ้นเนื้อผ่านทางทวารหนักเพราะจะช่วยลดการติดเชื้อ แต่จะใช้วิธีตัดชิ้นเนื้อ ด้วยเข็มแทงผ่านฝีเย็บ (ผิวหนังระหว่างลูกอัณฑะและทวารหนัก) เข้าไปในต่อมลูกหมาก เพื่อตัดชิ้นเนื้อตัวอย่างออกมาจากต่อมลูกหมาก ร่วมกับการใช้อัลตราซาวด์ขนาดเล็กสอดเข้าทางช่องทวารหนัก เพื่อให้เห็นภาพต่อมลูกหมากและช่วยบ่งตำแหน่งในการตัดชิ้นเนื้อ แล้วนำชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา หาเซลล์มะเร็งและความเร็วในการเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ถ้าจำเป็นคนไข้จะถูกส่งไปทำ CT scan, Bone scan และ/หรือ MRI และแม้แต่ PET Scan เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถจัดแบ่งระยะของมะเร็ง ซึ่งจะเป็นไปได้รวม 4 ระยะ โอกาสที่การรักษาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดคือ ระยะที่ 1 ต่ำสุดคือระยะที่ 4 แพทย์ผู้รักษาจะอธิบายให้คนไข้และครอบครัวเข้าใจถึงขั้นตอนของการวินิจฉัย การรักษา ผลการรักษา และผลข้างเคียงของการรักษาที่ต้องใช้และความสำเร็จที่จะเป็นไปได้สำหรับคนไข้แต่ละคน
ในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากมีวิธีการรักษาหลายวิธี ได้แก่ การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด โดยจะยังไม่มีการรักษาจนกว่าผู้ป่วยมีอาการ หรือผลการตรวจผิดปกติเท่านั้น , การรักษาด้วยฮอร์โมน เป็นการใช้ยาเพื่อลดระดับการผลิต หรือบล็อกการใช้ฮอร์โมนเพศชาย , การผ่าตัด , การรักษาด้วยเคมีบำบัดและการฝังแร่กัมมันตภาพรังสีเข้าไปในต่อมลูกหมาก ถึงแม้การผ่าตัดของเซลล์มะเร็งหรือการฉายรังสี จะสามารถทำให้โรคมะเร็งต่อมลูกหมากหายขาด แต่ก็มีผลข้างเคียงต่อการใช้ชีวิต เช่น กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกและหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ดังนั้นการรักษาด้วยการฝังแร่ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะและได้รับความสนใจจากคนไข้มากขึ้นเรื่อย ๆ
นายแพทย์วิรุณ กล่าวอีกว่า การฝังแร่มะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์จะวัดขนาดและหาตำแหน่งของก้อนมะเร็ง เพื่อกำหนดตำแหน่งฝังแร่รังสีและตำแหน่งเข็ม โดยใช้อัลตร้าซาวด์ซาวด์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พิเศษเฉพาะการฝังแร่ ขณะที่คนไข้จะนอนหลับไปประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นจะใช้เข็ม แทงผ่านฝีเย็บ เข้าไปในต่อมลูกหมาก พร้อมใช้เครื่องมือยิงแร่ผ่านเข็มเข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการฝังเเร่รังสีตามที่แพทย์ต้องการ โดยคอมพิวเตอร์จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก โดยใช้เวลาไม่นานและไม่มีแผล
หลังจากฝังแร่ไปแล้ว 3-6 เดือน เซลล์มะเร็งส่วนใหญ่ในต่อมลูกหมากจะตายไป และแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ โดยการเจาะเลือดหาค่า PSA ซึ่งค่าจะต้องต่ำลงไปเรื่อย ๆ หลังได้รับการฝังแร่ ซึ่งในท้ายที่สุดค่า PSA จะลงเหลือประมาณ 0.2 หรือ 0.1 หรือต่ำกว่านั้น ค่า PSA ปกติจะไม่เกิน 4 ng/mL ถ้าเกิน 4 ก็ควรตรวจ PSA บ่อยขึ้น เพราะอาจจะสูงจากต่อมอักเสบ ต่อมโต หรือมีมะเร็งอยู่ในต่อมก็เป็นได้
สำหรับเม็ดแร่ที่ใช้ฝังเข้าไปในต่อมลูกหมากเพื่อรักษามะเร็ง ในประเทศไทยเป็นเม็ดแร่ไอโอดีน-125 เปลือกภายนอกทำจากโลหะไทเทเนียม เม็ดแร่ I-125 ที่มีค่าครึ่งชีวิต (Half – Life) ประมาณ 60 วัน และส่งรังสีที่เรียกว่า Gamma Ray ออกมาในระยะสั้น ๆ จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่ออวัยวะรอบ ๆ ต่อมลูกหมาก หรือบุคคลอื่น ๆ รอบ ๆ ผู้ป่วย ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบควรจะระมัดระวังบ้าง ซึ่งแพทย์จะอธิบายให้ทราบ ส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่ฝังแร่ไปแล้วจะสามารถดำรงชีวิตได้เป็นปกติภายในวันสองวันหลังจากฝังแร่ไป โดยรังสีจะหมดไปและวัดไม่ได้หลังจาก 1 ปี ทั้งนี้เม็ดแร่ใช้เป็นเม็ดแร่ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา
“มะเร็งต่อมลูกหมาก สามารถพบได้ตั้งแต่เริ่มแรกที่ยังไม่มีอาการและรักษาให้หายขาดได้ โดยผู้ชายยุคใหม่ ทีมีปัจจัยเสี่ยง ขอให้ตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากเมื่ออายุ 40 ปี แต่หากไม่มีปัจจัยเสี่ยงผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำ หมั่นใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อุดมด้วยพืช ผัก ผลไม้ ลดอาหารมันและควบคุมคอเลสเตอรอล รวมทั้งมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะหากมีการดูแลสุขภาพร่างกาย จิตใจให้ดี ก็จะลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ภัยเงียบใกล้ตัวของผู้ชายที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก” นายแพทย์วิรุณ กล่าว