เพื่อไทย ยึดหลักการให้พรรคอันดับหนึ่งเป็นประธานสภา ส่วนรองควรเป็นพรรคอันดับ 2 ชี้ต้องคุยกันหลัง กกต.รับรอง ส.ส. ด้าน “ชลน่าน” บอกสัปดาห์นี้เก้าอี้ ปธ.สภา-รมต. ต้องเริ่มชัด เชื่อ ประมุขนิติบัญญัติไม่ใช่ชนวนขัดแย้งระหว่างเพื่อไทย-ก้าวไกล
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับกรณีการเลือกประธานสภาฯ ว่า เพื่อให้เรื่องดังกล่าวเดินหน้าไปด้วยดี พรรคเพื่อไทยจึงยึดหลักการ ว่า พรรคอันดับหนึ่งจะทำหน้าที่ที่ประธานสภาฯ
ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ สองตำแหน่งนั้น มองว่า เนื่องจากพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสอง มีจำนวนใกล้เคียงกัน จึงเห็นว่ารองประธานทั้งสองควรเป็นของพรรคลำดับที่สอง ซึ่งรายละเอียดการประสานของเรื่องนี้ ควรเป็นการพูดคุยกันเฉพาะคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง คือ พรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ซึ่งเมื่อ กกต.รับรอง ส.ส.ครบ 95% แล้ว คงได้หยิบยกเรื่องนี้มาคุยกันเพื่อหาข้อสรุปในที่สุด
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมหัวหน้า 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะประกาศรับรอง ส.ส. 95% ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ทางแกนนำทั้ง 8 พรรคจึงเห็นตรงกันว่าควรประชุมกันหลัง กกต.รับรอง ส.ส.แล้ว โดยเลื่อนการประชุมหัวหน้าพรรคไปเป็นวันที่ 22 มิ.ย.แทน ซึ่งวาระการพูดคุยคงจะต้องขยับการหารือเพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล
ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น คงจะไม่ได้นำมาหารือกันในวงประชุมของหัวหน้าพรรค แต่ควรไปหารือกันผ่านคณะเจรจาระหว่างพรรค โดยพรรคก้าวไกลจะเป็นแกนหลักในการพูดคุยร่วมในแต่ละพรรคการเมืองเพื่อหาข้อตกลง ทั้งนี้เมื่อทราบผลการรับรอง ส.ส.จาก กกต.แล้ว ส่วนตัวมองว่าการหารือกันในสัปดาห์นี้ต้องเริ่มมีความชัดเจนทั้งในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย เพราะเมื่อ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ครบ 95% และ ส.ส.ทยอยรายงานตัวที่สภาแล้ว ทางพรรคร่วมก็ต้องมีแนวทางและทิศทางในการโหวตตำแหน่งประธานสภาหลังเปิดการประชุม
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในส่วนของตำแหน่งประธานสภานั้น ทราบจากทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากที่ได้คุยไว้กับพรรคก้าวไกลไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าตำแหน่งประธานสภาฯควรเป็นของพรรคก้าวไกลเพื่อขับเคลื่อนงานในสภานั้น ความเห็นของบุคคลที่ไม่ใช่คณะเจรจา ก็ถือเป็นความประสงค์ของบุคคลนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องตำแหน่งประธานสภา จะไม่ใช่ชนวนขัดแย้งที่จะสร้างปัญหาหรือเป็นประเด็นในการทำร่วมกันระหว่างสองพรรค เพราะทุกอย่างต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล
เช่นเดียวกับทางด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่าจะต้องเป็นไปตามหลักการของพรรคเพื่อไทย คือ รอผลการรับรอง ส.ส.จาก กกต.อย่างเป็นทางการก่อน และพรรคที่ได้ส.ส.เป็นอันดับที่ 1 จะต้องได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนพรรคที่ได้อันดับที่ 2 ควรจะได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯทั้งสองคน เพรามีคะแนนห่างกันไม่มาก
ทั้งนี้ เมื่อ กกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว จะมีการหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล บนพื้นฐานในหลักการดังกล่าว จากนั้นจะแจ้งไปยังพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และแถลงต่อสาธารณชนให้รับทราบต่อไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะจบลงได้ด้วยดี
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าพรรคเพื่อไทยยอมถอยเรื่องนี้ แต่จะต้องรักษาหลักเกณฑ์เอาไว้ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยยังเป็นอันดับ 2 ก็ต้องยอมรับในหลักการ พร้อมย้ำจะต้องรอผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Nutcha Nilloung