จับยากูซ่า! ลอบตั้งบริษัทถุงมือยางเถื่อนส่งนอก เสียหายกว่า 286 ล้าน เผยประวัติเป็นสมาชิกแก๊ง “ซุมิโยชิ”

จับยากูซ่า ลอบตั้งบริษัทถุงมือยางเถื่อนส่งนอก มีทั้งคนไทยต่างชาติ ถูกหลอก เสียหายกว่า 286 ล้าน เผยประวัติเป็นสามชิกแก๊งซุมิโยชิ เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ย.2564 ที่บก.ป. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. แถลงจับกุม นายซูอิชิ โอซาวา อายุ 42 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาหมายจับคดี ร่วมกันผลิตเครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี เข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งในต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบกล่องบรรจุถุงมือยางทางการแพทย์ กว่า 10,000 กล่อง และพบถุงมือยางที่รอบรรจุ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ จึงได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ นายซูอิชิ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทฯและเจ้าของโกดังดังกล่าว ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 350/2564 ลง 6 พ.ย.2464 ข้อหา

“ร่วมกันผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้จดทะเบียนสถานประกอบการและผลิตเครื่องมือแพทย์ปลอม”
ต่อมาวันที่ 11 พ.ย.เจ้าหน้าที่สามารถตามจับกุมตัวนายซูอิชินำตัวส่งสภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินคดี และยังตามจับกุม น.ส.ศุภนิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ภรรยาของนายซูอิชิ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ในคดีฉ้อโกง หลังพบพฤติกรรมหลอกขายถุงมือยางไม่ได้คุณภาพ และจัดส่งไม่ครบตามจำนวน ความเสียหายเกือบ 4 ล้านบาท ก่อนนำตัวส่งสน.พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวด้วยว่า ต่อมาในวันที่ 12 พ.ย.เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 6 ตู้ ที่ลานฝากตู้คอนเทนเนอร์ ย่าน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบถุงมือยางปลอมรวมกว่า 10 ล้านชิ้น ซึ่งก็พบว่าเป็นของนายซูอิชิ ด้วยเช่นกัน สำหรับนายซูอิชิ ผู้ต้องหารายนี้ พบประวัติเป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่า “ซุมิโยชิ” พบมีพฤติการณ์หลอกขายถุงมือยางทางการแพทย์ให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เท่าที่ตรวจสอบเคยก่อเหตุหลอกถุงมือยางให้บริษัทที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความเสียหายกว่า 180 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกหลอกเสียหายไปอีก 88 ล้านบาท ซึ่งมีการแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ. และศาลได้ขออนุมัติหมายจับไว้แล้วด้วย

พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่นายซูอิชิได้ประกันตัวในคดีที่ถูกจับไปก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. จึงติดตามจับกุมนายซูอิชิ ตามหมายจับของบก.ปอศ. ได้อีกครั้งที่ซอยจอมเทียน 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนขยายผล พบว่า ผู้ต้องหามีบัญชีเงินฝากที่มีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้กับคนใกล้ชิด และยังมีการครอบครองรถยนต์หรูไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนพฤติการณ์ก่อเหตุ ผู้ต้องหาก็มักจะกระทำผิดลักษณะเดียวกันหลายครั้ง โดยฉวยโอกาสช่วงขาดแคลนถุงมือยางในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้หลายคดี รวมมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 286 ล้านบาท

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายซูอิชิ ให้การภาคเสธ ว่า ตนเองก็ถูกฉ้อโกงมาเช่นกัน และยอมรับว่เคยเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะเข้ามาสอนภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่นในจังหวัดทางภาคอีสาน ได้ประมาณ 3 ปี จนช่วงโควิด-19 โรงเรียนภาษาปิดตัวลงไป จนทำให้ต้องหันมาผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อออกจำหน่าย จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว