ชีวิตยิ่งกว่าละคร! เศรษฐีวัย 67 ร้องสื่อ ถูกลูกชาย-สะใภ้รวมหัววางยา จัดฉากฆ่าเมียฮุบสมบัติ 65 ล้าน

สุดรันทด เศรษฐี วัย 67 ปี ร้องสื่อถูกลูกชาย-สะใภ้ พร้อมพวกกักขังกรอกยาสลบหมูนานกว่า 2 ปี จัดฉากให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนแม่ โอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท สุดช้ำเมียผูกคอดับคาห้องหลังถูกจับแยกห้อง เชื่อโดนจัดฉากฆาตกรรม

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้พาเฮียเอ ( นามสมมุติ ) อายุ 67 ปี มหาเศรษฐี เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อม พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และ ร.ต.อ.วรทัต เรืองฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยผู้เสียหายกล่าวพร้อมกับมีการโชว์บาดแผล ซึ่งมีร่องรอยแผลเป็นตามแขนและขา อ้างว่าเกิดจากถูกลูกชายและลูกสะใภ้ รวมถึงพ่อและแม่ฝั่งของสะใภ้ ทุบตีทำร้ายร่างกาย โดยใช้ไม้เมตรตี กระทั่งเกิดแผลแต่ก็ไม่ได้รับการรักษา ปล่อยให้แผลแห้งจนหายและสมานกันเอง จนเกิดเป็นแผลเป็นตามแขนขา

เฮียเอ มหาเศรษฐี เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลูกชายแท้ๆ จะทำกับพ่อแม่แบบนี้ เพราะปกติตนเองก็เคยเห็นแต่ในทีวีหรือในละคร แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว ตัวตนเองถูกลูกชายและลูกสะใภ้ใส่ยาในอาหารและน้ำให้กินโดย ช่วงนั้นตนและภรรยาได้อาศัยอยู่ที่บ้านของตนในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งช่วงประมาณปี 2563 จากนั้นผ่านมาไม่นานตนและภรรยาล้มป่วยลงเนื่องจากกินยาที่ถูกผสมในอาหารมาช่วงระยะหนึ่ง และถูกกักขังอยู่ภายในห้องมีการเปลี่ยนลูกบิดที่ไม่สามารถเปิดได้จากข้างใน โดยช่วงนั้นหลานที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงได้พยายามที่จะหาทางเข้ามาหาแต่ก็ถูกกีดกันโดยตลอด และมีอยู่วันหนึ่งลูกชายและลูกสะใภ้ไม่อยู่ หลานตนได้แอบขึ้นมายังห้องที่ตนถูกกักขังและมาให้การช่วยเหลือพาส่งยังโรงพยาบาล

หลังจากที่หลานพาตนและภรรยาเข้าไปยังโรงพยาบาลในช่วงกลางดึกยังไม่ทันได้พบหมอ ลูกชายได้อ้างสิทธิในการนำตัวตนและภรรยาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนพาไปกักขังเอาไว้ที่บ้านของพ่อแม่ของสะใภ้ ในพื้นที่เขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยขังเอาไว้ตั้งแต่ปี 2563-2565 หลังจากนั้นเมื่อช่วงเดือน พ.ค.65 ตนเองจึงหนีออกมาได้

ตอนที่ถูกกักขังช่วงแรกมีการขังเอาไว้ภายในห้องขนาด 4 คูณ 8 เมตร มีการปิดประตูหน้าต่างใช้สังกะสีตอกปิด ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ตอนแรกก็ยังมีทีวีให้ดู แต่ช่วงหลังก็ยกทีวีออกไป ขังตนเองอยู่กับภรรยาอยู่ภายในห้องดังกล่าว หน้าต่างทำเป็นลูกกรง คล้ายห้องขัง ทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมพื้นผ้าสำหรับส่งถาดข้าวและขวดน้ำ ซึ่งกับข้าวส่วนใหญ่ก็เป็นมาม่าและปลากระป๋อง น้ำดื่มเป็นน้ำที่กรอกมาจากน้ำประปา ส่วนข้าวของเครื่องใช้มีเพียงแค่ผ้า 1 ผืน และหมอน 1 ใบ ถูกกักขังอยู่อย่างนั้นตลอดระยะเวลา 2 ปี ได้อาบน้ำ 3 เดือนครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที ที่สำคัญภายในห้องไม่ได้มีห้องน้ำสำหรับทำธุระ ต้องใช้เก้าอี้ 4 ขา เอาถุงดำใส่เข้าไปแล้วนั่งขับถ่าย หลังจากที่ทำธุระเสร็จก็จะมัดปากถุงและกองเอาไว้ในห้อง ซึ่งจะมีแม่บ้านใส่ชุดพีพีอี มาเก็บเดือนละ 1 ครั้ง บางทีก็กองเต็มห้องส่งกลิ่นคลุ้ง

วันนี้หนีออกมาได้จึงได้มาดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบุคคลที่กระทำตนและภรรยา สำหรับภรรยาตนนั้นได้เสียชีวิตลงในห้องโดยตนเพิ่งมารับรู้เมื่อตอนที่ได้ออกมาเป็นอิสระแล้วถึงทราบเรื่อง ว่าภรรยาผูกคอเสียชีวิตคาห้อง แต่ตนไม่เชื่อซึ่งติดใจในการเสียชีวิตของภรรยา และคาดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมจัดฉากอำพรางมากกว่า เพราะตนและภรรยาได้สัญญากันว่าจะไม่มีใครฆ่าตัวตายหนีความทุกข์นี้ ซึ่งตนมีข้อสงสัยเนื่องจากก่อนที่ภรรยาตนจะเสียชีวิตนั้น ได้ถูกจับให้ย้ายห้องแยกกันอยู่คนละห้อง จากนั้นในวันที่สามของการย้ายห้องได้ยินเสียงภรรยาตนเรียกให้ช่วยด้วยประมาณ 2—3 ครั้ง และเงียบไป จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงภรรยาอีกเลยจนมาทราบอีกทีคือ ภรรยาตนเสียชีวิตไปแล้ว

“ลูกชายพร้อมสะใภ้ และพวกกักขังกรอกยาสลบหมูนานกว่า 2 ปี จัดฉากให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนยื่นศาลจังหวัดฉะเชิงเทราขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนแม่ ซึ่งเป็นภรรยาตนเอง ก่อนโอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท ที่ช้ำใจสุดทำให้ภรรยาตนต้องเสียชีวิต จากการผูกคอดับคาห้อง หลังถูกจับแยกห้องกักขัง แต่ตนติดใจเชื่อว่าภรรยาต้องโดนฆาตกรรมจัดฉาก” เฮียเอ กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.นเรวิช ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีพร้อมสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป