“ช้างศึก” ชิงทองซีเกมส์วันนี้ (16 พ.ค.) เจอ “อินโดนีเซีย” โดย “โค้ชหระ” เชื่อมั่น ลงล็อกกว่าเดิมแน่นอน ยกคู่แข่งไม่ธรรมดา ทั้งคล่อง ทั้งฟิต แต่ไทยต้องโฟกัสที่ตัวเอง ถ้าทำได้ตามมาตรฐานก็ไม่มีพลาด จัดทัพใหญ่ลงดวลแข้ง ถ้าชนะ ได้โบนัสแน่ๆ เกือบ 9 ล้านบาท
“ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย จะดวล “การูด้า” อินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชาย กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงพนมเปญ ในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 19.30 น. โดยผลงานรอบรองชนะเลิศ ไทย ชนะ เมียนมา 3-0 ส่วน อินโดนีเซีย โค่นแชมป์เก่า เวียดนาม 3-2
วันสุกดิบก่อนดวลแข้ง วันที่ 15 พ.ค. ทีมชาติไทย ลงซ้อมในช่วงเช้า ที่อีดีซี สเตเดี้ยม เป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้าย ก่อนล่าเหรียญทอง สมัย 17 การฝึกซ้อมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกาย และการแก้ไขข้อผิดพลาด รวมถึงลงแทคติกเพิ่มเติมบางจุด
“โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้ทีมดีขึ้นตามลำดับ และรอเช็กหลังจากซ้อมเช้านี้ รวมทั้งรอดูสภาพช่วงเย็นอีกครั้ง แน่นอนว่านัดชิงชนะเลิศ เป็นอีกนัดที่ยากเสมอ และอินโดนีเซีย เป็นทีมที่มีความคล่องตัว สภาพความฟิตก็ดี ตรงนี้ต้องทำการบ้าน และทำการเตรียมพร้อมให้ดี ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ต้องอาศัยคนที่มีความพร้อม ในเรื่องฝีมือ คิดว่าทุกคนใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้ร่างกายใครฟื้นฟูร่างกายได้ดีกว่ากัน คนนั้นก็จะมีโอกาสได้ลง เรื่อง 11 ตัวจริง มีโอกาสเปลี่ยน ต้องดูสภาพร่างกาย ซึ่งแต่ละคนก็ดีขึ้นตามลำดับ
“เราพยายามเน้นคอนเซปต์ วิธีการของเรา ให้เวิร์กขึ้น นัดที่แล้วอาจดูติดขัด แต่นัดนี้น่าจะดีขึ้นจากเดิม ให้ทุกคนพยายามเน้นตอนนี้ คู่ต่อสู้เราก็ดูประมาณหนึ่ง แต่ต้องโฟกัสที่ตัวเอง ถ้าเราทำได้ดี ผมเชื่อว่าเราผ่านได้” โค้ชหระ กล่าว
ด้าน อชิตพล คีรีรมย์ กองหน้า ทีมชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้พร้อมมาก ได้พักมาอย่างเต็มที่ 2 วัน แล้วก็ได้ฟื้นฟูร่างกายเต็มที่ เท่าที่ได้ศึกษา อินโดนีเซีย เป็นทีมที่แข็งแกร่ง และมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ต้องสู้เต็มที่และโฟกัสกับทีม แม้อาจต้องยื้อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วนตนเอง และทุกคนต่างทำเพื่อทีมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนยิง หรือคนส่ง หรือลงมาเล่นเกมรับ ตนต้องทำทุกอย่างเพื่อทีม ในฐานะกองหน้า อยากยิงทุกเกมอยู่แล้ว แต่ถ้าในเกมเป็นเกมที่สูสี และต้องเล่นเกมรับมากกว่าเกมรุก ก็พร้อมช่วยเสมอ
จัดทัพใหญ่ยิง “อินโด”
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ขุนพลช้างศึก จะจัดระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตู โสภณวิชญ์ รักญาติ, เซ็นเตอร์แบ๊ก ทรงชัย ทองฉ่ำ, โจนาธาร เข็มดี, แบ๊กขวา พงศกร ตรีศาสตร์, แบ๊กซ้าย ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, กองกลาง อิรฟาน ดอเลาะ (กัปตันทีม), ลีออน พิชญ เจมส์, เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์, กองหน้า ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย
ด้านอินโดนีเซีย จะไม่มีตัวทีเด็ด ปราตามา อาร์ฮาน วิงแบ๊กที่ติดโทษแบนจากการโดนใบแดงในรอบรองชนะเลิศ นำโดย ฟาจาร์ ราห์มาน ปีกที่ทำไปแล้ว 4 ประตู
ส่วนสถิติทีมชาติไทย กับ อินโดนีเซีย ในซีเกมส์ เจอกัน 23 ครั้ง ไทยชนะ 16 ครั้ง เสมอกัน 2 และอินโดนีเซีย ชนะ 5 แต่ถ้านับเฉพาะในเวลา 90 นาที อินโดนีเซียสามารถชนะไทย ได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น อีก 3 ครั้ง เป็นการเอาชนะจุดโทษได้ทั้งหมด ล่าสุดเจอในรอบรองชนะเลิศซีเกมส์ล่าสุด ที่เวียดนาม ไทย ชนะช่วงต่อเวลาพิเศษ
คว้าทองรับแน่ๆ 8.6 ล้านบาท
ส่วนเงินรางวัลที่ทีมชาติไทย จะได้หากคว้าเหรียญทองนั้น จาก นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีม เปิดเผยไว้ว่า ในรอบแรกถ้าชนะจะได้นัดละ 200,000 บาท ยกเว้นนัดมาเลเซีย ที่จะให้พิเศษเป็น 300,000 บาท ส่วนผลเสมอจะได้ 100,00 บาท ทำให้ตอนนี้ได้แล้ว 1.6 ล้านบาท ซึ่งถ้าคว้าเหรียญทองมาครองได้ ก็จะได้อีก 1 ล้านบาท รวมเป็น 2.6 ล้านบาท
ขณะที่เงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ส่วนของนักเตะจะได้รับเหรียญทองละ 300,000 บาทต่อคน รวมเป็น 6 ล้านบาท เท่ากับว่านักเตะทีมชาติไทยชุดนี้ ถ้าได้เหรียญทอง จะได้รับเงินรางวัลรวมถึง 8.6 ล้านบาท