ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวหลังดิ่งหนักเมื่อวันจันทร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สู่ค่าสูงสุดในรอบ 7 ปี ด้านราคาทองคำลดลงปานกลาง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 5 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 311.75 จุด หรือราว 0.92% ปิดที่ 34.314.67 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวกเพิ่ม 45.26 จุด หรือราว 1.05% ปิดที่ 4,345.72 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก พุ่งขึ้น 178.35 จุด หรือราว 1.25% ปิดที่ 14,4333.83 จุด
วอลล์สตรีทฟื้นตัวหลังจากร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหนึ่งในแรงฉุดหลัก เป็นกลุ่มที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยที่ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ดำเนินมานานหลายเดือน ไม่อาจหยุดให้นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้นที่ราคาตกลงได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน จากการขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลก
ด้านราคาน้ำมันดิบขยับเพิ่มขึ้นอีกในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนต่อเนื่องจากการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัส ที่ยืนยันจะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั่วโลก ทำให้เกิดความกังวลว่า ปริมาณดังกล่าวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 1.7% ไปอยู่ที่ 78.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงท่าสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 1.6% ไปอยู่ที่ 83.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปี
ขณะที่ราคาทองคำ ลดลงปานกลางในวันอังคาร หลังบวกต่อเนื่องมา 3 วันติด หลังจากค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาสหรัฐฯ ระยะเวลา 10% เพิ่มขึ้นไปยู่ที่ 1.525% โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ขยับลง 6.70 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.4% ปิดที่ 1,760.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.