“ทักษิณ” เย้ย “ประยุทธ์” รัฐบาลพลิกเกมอย่างไร ก็ได้ไม่เกิน 200 เสียง

“ทักษิณ” แนะ “บิ๊กตู่” เปลี่ยนทัศนคติว่า มาจากประชาชน แซะ “บิ๊กตู่” กลัวพรรคเล็กร่วมมือ “ธรรมนัส” เย้ย รัฐบาลพลิกเกมอย่างไร ได้ไม่เกิน 200 ชี้ หากได้เสียงถล่มทลายแบบ “ชัชชาติ” บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงง่าย 

วันที่ 6 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 5 ก.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดในรายการ แคร์ คิด เคลื่อนไทย ในหัวข้อ ผู้นำต้อง “ทำงาน” ไม่ใช่ผลาญแต่ภาษี มีเนื้อหาตอนหนึ่งถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุให้ทุกคนช่วยกันเข็นรถว่า มีคนพูดว่าจะให้เข็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา หรือจะให้เข็นรถลงเหว แต่สรุปแล้วทัศนคติของท่านสำคัญมาก เพราะท่านไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ท่านจึงมองประชาชนเป็นพลทหารอยู่ มีบางคนแนะนำให้ท่านเปลี่ยนชื่อเป็น พล.อ.ต่อเนื่อง ท่านจะอยู่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ปัญหาก็คือ ถ้าท่านมีทัศนคติแบบเป็น ผบ.ทบ. แบบเป็นผู้ปฏิวัติเข้ามา คิดว่ามีอำนาจมโหฬาร ถ้าท่านยังทำแบบเดิม คิดแบบเดิม ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาจ้างใครมาประชาสัมพันธ์แข่งกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เลย นายชัชชาติ ใช้เงินศูนย์บาท ใช้เฟซบุ๊ก ไลฟ์ทำงานให้ดูอย่างเดียว เปิดเผยข้อมูล สำหรับท่าน กรมประชาสัมพันธ์ อุตส่าห์เอา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ผอ.กรมประชาสัมพันธ์ เข้ามาช่วย ใช้งบปีละ 2,000 กว่าล้าน ยังโฆษณาไม่ขึ้น เพราะสินค้าที่จะโฆษณาขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์ดีพูดนิดเดียวก็ขายดี แต่ผลิตภัณฑ์ไม่ดี ปั่นเต็มที่ยังไงก็ขายไม่ได้ ดังนั้นท่านต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ สมมติว่า ตัวเองมาจากประชาชน ต้องทำงานด้วยใจ ต้องรักประชาชน ท่านใช้เงินภาษีของประชาชนต้องใช้ให้คุ้มค่า ไม่ใช่นึกอยู่ๆ อยากแจก แบบนี้ไม่มียุทธศาสตร์ แบบนี้เรียกว่า ผลาญ ถ้าผลาญแบบนี้เท่าไรก็หมด

นายทักษิณ ยังกล่าวถึง สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า “นายกฯ กลัวพรรคเล็ก เดิมที่วิปรัฐบาลตกลงแล้วจะใช้สูตร หาร 100 วันนี้กลัวพรรคเล็กไม่โหวตให้ กลัวไปร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่โหวตให้ ก็เลยเอาเป็น 500 ซึ่งตนเป็นกองเชียร์เพื่อไทยรู้สึกเฉยๆ”

เมื่อผู้ร่วมสนทนาถามว่า เมื่อพรรคร่วมรัฐบาล จะใช้สูตร หาร 500 พรรคเพื่อไทยจะปรับยุทธศาสตร์แตกแบงก์หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยประเมินว่า ได้กี่เสียง สมมติมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 30 ล้านคน ถ้าหาร 500 จะเท่ากับหาร 60,000 เสียง สมมติพรรคเพื่อไทยได้ 15 ล้านเสียง ซึ่งไม่น่าไกลเกินฝัน แต่ได้ส.ส.เขตมาแล้ว 200 เอา 60,000 หาร 15 ล้านเสียง จะได้ 250 เสียง จะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่ออีก 50 ก็ไม่ขี้ไก่ ไม่จำเป็นต้องแตกแบงก์ ไม่น่ามีปัญหา สมมติพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง พรรคก้าวไกลก็ได้มากขึ้น พรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันก็ได้ 300 อยู่ดี พลิกเกมไปเถอะ รวมกันแล้วเต็มที่ ฝ่ายรัฐบาลวันนี้ อยู่ที่ 200 เสียง และกลัวจะเป็นรูปแบบจะเหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้เสียงอย่างถล่มทลาย หากเป็นเช่นนั้น บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วง่ายดาย เรามองปัญหาเป็นการท้าทาย เราไม่เคยนั่งเศร้ากับปัญหาเพราะตนเติบโตมาจากการเป็นนักแก้ปัญหา