นักวิจัยสวีเดนเผยรายงานการศึกษาแอนติบอดี หรือภูมิต้านโควิด-19 ลดลงเร็วกว่าที่คิด หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์และแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ครบ 7 เดือน ชี้จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3 ให้กลุ่มคนสูงอายุโดยเร็ว
เมื่อ 29 ก.ย. 64 สำนักข่าวซินหัวรายงาน สถานีโทรทัศน์สวีดิช เทเลวิชัน (SVT) ของสวีเดน รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลการศึกษาโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลในกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงสวีเดน พบว่า ระดับแอนติบอดี หรือภูมิต้านทานโควิด-19 ในเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ครบ 2 เข็ม ลดลงรวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้
จากการศึกษาพบว่า ระดับแอนติบอดีในกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ และไม่มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 ก่อนรับวัคซีน ลดลงร้อยละ 85 หลังฉีดวัคซีนครบ 2 โดสเป็นระยะเวลา 7 เดือน ขณะที่ระดับแอนติบอดีในกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาลดลงรวดเร็วยิ่งกว่า
อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยของสวีเดนพบว่าระดับแอนติบอดีในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนรับวัคซีนจะลดลงช้ากว่าเป็นอย่างมาก
“ระดับแอนติบอดีจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเหมือนที่เราคาดกันไว้ แต่ฉันประหลาดใจที่มันลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มคนสุขภาพค่อนข้างดีและอายุน้อยแบบนี้” ชาร์ล็อตต์ ทาลิน ผู้นำการวิจัยเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ฯ
“แอนติบอดีที่ลดต่ำหมายความว่าเราอาจพบการแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นวงกว้างแม้ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อประชากรสูงอายุของเรา เราจึงต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้พวกเขาโดยเร็วที่สุด” ทาลิน กล่าวเสริม
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ในสวีเดนเผยว่าการศึกษาดังกล่าวสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมากกว่า 2,000 คน และผลการวิจัยล่าสุดอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่กลุ่มย่อยมากกว่า 460 คน