นายกฯ ไม่สนโซเชียลฯ วิจารณ์คำถ้อยแถลง คล้าย “บารัค โอบามา” ระบุ ผู้นำก็คิดเหมือนกันได้ ไม่แปลก ยัน ไม่แก้ ม.112 มันจบไปแล้ว จ่อหารือกับหัวหน้า พปชร. ตั้งประธานวิปรัฐบาล แทน “วิรัช”
วันที่ 3 พ.ย. 2564 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังเดินทางกลับจากภารกิจการร่วมประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UNFCCC : COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ว่าตลอดเวลาที่เข้าร่วมประชุม ได้ติดตามและเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศไทยตลอด 3 วัน โดยเฉพาะการเปิดประเทศ 1 พ.ย. ซึ่งก็ได้รับรายงานว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็ขอขอบคุณประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ให้ความร่วมมือครั้งนี้ จากรายงานมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมากถึงสามเท่าแล้ว ระหว่างที่ประชุมก็ได้เล่าการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผู้นำหลายประเทศทุกคนก็ชื่นชมประเทศไทยที่สามารถจัดการระบบได้ดีจนเปิดประเทศได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ถือว่าได้เอาศักดิ์ศรีของประเทศไทยไปด้วย ทั้งการเตรียมตัวและเข้าร่วมประชุม โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเตรียมข้อมูลรวมถึงคำกล่าวและถ้อยแถลงที่เป็นประเด็นในโซเชียลมีเดีย ว่า มีประโยคคล้ายกับผู้นำสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบามา ก็ไม่ได้สนใจว่าจะเหมือนใครเพราะผู้นำจะคิดเหมือนกันก็ได้ และตนเองก็จำไม่ได้ว่าใครพูดอะไรไปบ้าง และสิ่งที่อยู่ในถ้อยแถลงก็ได้ถามกระทรวงการต่างประเทศแล้วถึงการใช้คำ Pland B Pland A เพราะการจะพูดหรือทำอะไรก็ต้องมีการวางกรอบและขั้นตอน แต่สิ่งที่ตัวเองเน้นย้ำ คือ โลกเรามีแค่ใบเดียว และไม่มีโลกใบใหม่อีกแล้ว ที่ให้ลูกหลานได้อยู่ต่อไปหากทำให้โลกใบนี้เสียหาย และจากการเข้าร่วมประชุมก็จะเอาข้อแนะนำและแผนการปฏิบัติงานเรื่องการแก้ปัญหาสภาพพูมิอากาศและโลกร้อนปรับใช้ในประเทศไทยมาร่วมบูรณาการในทุกกระทรวงกับประชาชน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ได้ชื่นชมไทย เพราะมีความคุ้นเคยกับประเทศไทย และได้มีโอกาสพูดคุยกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งก็เข้าใจสถานการณ์หลายอย่างของประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้ถือโอกาสเชิญมาร่วมประชุมเอเปกปีหน้าที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ
ส่วนกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ถูกศาลสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ส่งผลให้พ้นความเป็นประธานวิปรัฐบาลนั้น ก็เตรียมจะหาประธานวิปรัฐบาลคนใหม่มาแทนนายวิรัช รัตนเศรษฐ หรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องหารือร่วมกับพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง แต่เบื้องต้นมีบุคคลที่เสนอชื่อมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะต้องไปหารือกัน เพราะตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลเป็นตำแหน่งที่สำคัญในรัฐสภา
ส่วนกรณี ข้อเสนอและข้อเรียกร้องของคณะราษฎร ยกเลิกมาตรา 112 นั้น พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ยืนยันไม่มีการให้เสนอแก้ ม.112 เพราะการแก้รัฐธรรมนูญจบไปแล้วในวาระ 1 และเรื่องนี้จบไปแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลหลายคนก็คงเห็นเหมือนกันพร้อมระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศไทย เราอย่าทำลายสิ่งที่เคารพนับถือของคนไทยทั้งประเทศ แต่มีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แต่วันหน้าก็คงจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งตนเองก็หวังอย่างนั้น ทุกประเทศล้วนมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรม ประเพณีที่ยาวนาน และไม่มีใครจะทำเรื่องที่จะล้มล้าง และทำเรื่องที่ไม่มีกฎกติกา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้.