“ประยุทธ์” ดับฝันเพื่อไทยแลนด์สไลด์ คว่ำสูตรหาร 100 ส่งซิกพรรคร่วมฯ-ส.ว.กลับลำโหวตร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้งวาระ 2 ใช้สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 เรียกแกนนำไล่ถาม รมต.เรียงตัว “บิ๊กป้อม” ทำขึงขังเอาหาร 100 สุดท้ายเสียงอ่อยยอมตาม “เฉลิมชัย” แจง ปชป.เสียงแตกปล่อยฟรีโหวต แต่ส่วนใหญ่เทใจหาร 500 ฝ่ายค้านรู้ชะตากรรมแพ้ยับ จ่อยื่นศาล รธน.ตีความขัด รธน.ม.91 “สมชัย” แฉ “บิ๊กตู่” ผวา พท.ยึด ส.ส. 265 ที่นั่งเกินครึ่งสภาฯ “สมคิด” จวก “บิ๊กตู่” ดิ้น สืบทอดอำนาจ ถกกฎหมายลูกวันแรกวุ่น กมธ.ไม่ใส่ คำแปรญัตติเสียงข้างน้อยขอใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศในรายงาน พ.ร.บ.ตำรวจ ผ่านฉลุย 490 ต่อ 40 “โรม” ฉะยับชะลอใช้ ก.ม. 180 วัน ตั้งตั๋วช้างวางไข่อสูร
หลังจากมีประเด็นถกเถียงกันว่า ในการพิจารณา ร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า จะใช้สูตรคิด คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 100 หรือหาร 500 ในที่สุดฝ่ายรัฐบาลก็พลิกเกมกลับไปล็อบบี้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.ให้โหวตลงมติในวาระ 2-3 ให้หาร 500 เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
“บิ๊กป้อม” บอก ก.ม.ลูกเอาตามวิป รบ.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้า พรรค พปชร.กล่าวถึงประเด็นถกเถียงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระหว่างหารด้วย 100 กับหาร 500 พรรค พปชร.มีท่าทีอย่างไรว่า ให้สัมภาษณ์ไปแล้วเรื่องนี้ แล้วแต่วิปรัฐบาล หารือออกมาอย่างไร กมธ.พิจารณากฎหมายลูก ออกมาแล้วสื่อจะมาถามอย่างไรเรื่องนี้ พปชร.ไม่ต้องให้ทิศทางอะไร เมื่อถามว่าจะยึดตามความเห็นของ กมธ.เลยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กมธ.รวมถึงประธานวิปรัฐบาล เมื่อประชุมอย่างไรว่าไปตามนั้น เมื่อถามว่า หากลงมติในที่ประชุม รัฐสภาแล้วเกิดมีความเห็นตาม กมธ.เสียงข้างน้อยยึดหาร 500 พรรค พปชร.จะว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตร ตอบว่า จะไปทราบได้อย่างไร เพราะเป็นเหตุการณ์ข้างหน้า เมื่อถามว่า พปชร.จะปล่อยฟรีโหวต พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม
ทำขึงขังไม่ปล่อย พปชร.ฟรีโหวต
ต่อมา เวลา 13.30 น. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ อีกครั้งถึงความชัดเจนของสมาชิกพรรค พปชร.ในการ สนับสนุนสูตรหาร 100 หรือ 500 ว่า ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการพิจารณา การลงมติแล้วแต่สมาชิก พรรคว่าจะคุยกันอย่างไร แต่ไม่สามารถปล่อยฟรีโหวต ต้องให้ประธาน กมธ.กับวิปรัฐบาลคุยกันว่าจะเอาอย่างไร สูตร 100 หรือ 500 เห็นว่าดีทั้งคู่ ไม่ได้มองที่ประโยชน์ ของพรรค แต่มองที่ประโยชน์ของประชาชน เมื่อถามว่า สมาชิกพรรคอยากได้ความชัดเจนเป็นแนวทางตัดสินใจลงมติ พล.อ.ประวิตรย้อนถามนักข่าวว่า สมาชิกคนไหนให้ไปเรียกมา เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน คนไหนจะมาเรียกร้องเอาจากตนให้ไปเรียกมา เมื่อถามว่า ถ้าใช้สูตรหาร 100 จะส่งผลให้พรรค พท.ชนะแลนด์สไลด์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ เพราะเป็นเหตุการณ์ข้างหน้า เมื่อถามว่า พร้อมสู้ทุกสูตรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกคนทุกพรรค ทำเพื่อประชาชนทั้งนั้น หวังจะเข้ามาทำงานให้ประชาชนอย่างไรก็ได้
“สันติ” ได้แต่ยิ้มอุบไต๋ไม่ตอบ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะใช้สูตรหาร 100 หรือ 500 นายกฯ ได้พูดคุยเรื่องนี้อย่างไรว่า “กำลังดูอยู่” เมื่อถามว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร นายสันติปฏิเสธตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า จะโหวตวันที่ 6 ก.ค. ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะตัดสินใจใช่หรือไม่ นายสันติได้แต่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบ คำถาม แล้วปิดประตูรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล
“เสี่ยหนู–เสี่ยโอ๋” ยังสงวนท่าที
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว. สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. เดินทางมายังตึกบัญชาการ 1 ขึ้นห้องทำงานก่อนประชุม ครม. ตั้งแต่เวลา 08.50 น. สื่อมวลชนสอบถามท่าทีพรรค ภท.ในการโหวตร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง ที่ถกเถียงกันถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 กับ หาร 500 นายอนุทินปฏิเสธตอบคำถามยกมือจับที่คอสื่อว่าเจ็บคอ โยนให้ไปถามนายศักดิ์สยามที่ตอบเลี่ยงว่า ภท.ฟังหัวหน้าคนเดียว
“บิ๊กตู่” ถกแกนนำเคลียร์สูตรคิด ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ช่วงพักเบรกประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้เรียก รมต. แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเข้าหารือสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า จะใช้สูตรหาร 100 หรือหาร 500 ยกเว้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ใช้วิธีที่ประชุม ครม.ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากกระทรวงพาณิชย์
ไล่ถามเรียงตัวเปลี่ยนใช้สูตรหาร 500
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ไล่สอบถามความเห็นรายบุคคลว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสูตรคำนวณ โดย พล.อ.ประวิตรตอบยืนยันว่า “เอาหาร 100” ส่วนนายอนุทินตอบว่า “เอาหาร 500” ขณะที่นายเฉลิมชัยแจ้งว่า “ส่วนตัวเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 แต่ในพรรคบางส่วนยังเห็นแตกต่างกัน พรรคอาจต้องฟรีโหวต” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ส่วนตัวเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะออกเป็นสูตรไหน เราก็ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ตีความอยู่ดี ขอให้คุยกันมาแล้วกัน” เมื่อแนวโน้มของการหารือส่วนใหญ่เอนเอียงไปที่สูตรหาร 500 ทำให้ พล.อ.ประวิตรมีท่าทีอ่อนลง พร้อมตอบกลับทำนองว่า จะเอาอย่างไรก็ว่ากัน ช่วงเวลาเดียวกันรัฐมนตรีหลายคนได้จับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แนวโน้มส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าควรใช้สูตรหาร 500 และประเมินเสียงโหวต ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลว่า ถึงอย่างไรเชื่อว่าสูตรหาร 500 จะชนะสูตรหาร 100 และภายหลังประชุม ครม.เสร็จสิ้น รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.หลายคนเดินทางเข้ารัฐสภาร่วมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้เดินทางเข้าสภาฯพร้อมส่งสัญญาณกับ ส.ส.ว่า สูตรหาร 500 จะเป็นประโยชน์กับพรรคมากกว่า
ส่งซิกพรรคร่วมฯ–ส.ว.คว่ำหาร 100
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงการพิจารณาวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะใช้สูตรหารด้วย 100 หรือ 500 ที่มีคะแนนเสียงก้ำกึ่งเบียดกันมาก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่าช่วงบ่ายวันที่ 5 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร.เรียบร้อยแล้ว เพื่อตกลงให้ใช้สูตร 500 หารคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ส่งสัญญาณถึงแกนนำขั้วพรรคร่วมรัฐบาล และกลุ่ม ส.ว.รับทราบ ทำให้ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะสนับสนุนการใช้สูตร 500 หาร คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยพรรค พปชร.จะให้เป็นฟรีโหวต แต่ทิศทางทุกคนจะสนับสนุนการใช้ 500 หาร พรรค ปชป.เสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม แต่เสียงส่วนใหญ่ 40 คน เอาด้วย หาร 500 ส่วนพรรค ภท. พรรคเล็กและ ส.ว.จะเทเสียงให้กับการหาร 500 ทั้งหมด คาดว่าโหวตลงมติประเด็นดังกล่าวในมาตรา 23 ในวันที่ 6 ก.ค.
ฝ่ายค้านจ่อยื่นตีความขัด รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแนวโน้มว่าฝ่ายรัฐบาลจะได้รับเสียงโหวตท่วมท้นชนะฝ่ายค้านที่มีเพียงพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักสนับสนุนสูตรการใช้ 100 หาร อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในขั้วรัฐบาลแล้วว่าสูตรการหาร 100 จะแพ้โหวตในการลงมติแน่นอน จึงเตรียมขั้นตอนต่อไปคือหาช่องทางร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการใช้ 500 หารขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ขณะเดียวกัน มีความเป็นไปได้ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหันกลับไปใช้สูตรเดิมคือ การแตกแบงก์ หากมีการใช้สูตร 500 หาร เพื่อผนึกกำลังเพื่อให้ได้รับ ชัยชนะอย่างถล่มทลาย ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
“สมชัย” แฉ “บิ๊กตู่” ผวา พท.เกินครึ่งสภา
วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า รู้ละทำไมประยุทธ์ ปอดสูตรหาร 100 ลองเอาสถิติเลือกตั้ง ปี 54 มากาง(ไม่ใช้ของปี 2562 เนื่องจากปี 62 เป็นบัตรใบเดียว และเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 238 เขตจาก 350 เขต) สถิติเลือกตั้งปี 54 พรรคเพื่อไทยได้คะแนน 15.7 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 48.41 มีตัวเลข ส.ส. ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อรวม 265 ที่จาก 500 ที่คิดเป็นร้อยละ 53 ของจำนวน ส.ส.ทั้งสภา หากคิดในระบบหาร 500 และจัดสรรปันส่วนผสม จากคะแนนที่ได้รับในบัตรใบที่สองคือร้อยละ 48.41 จำนวน ส.ส.พึงมีของพรรคเพื่อไทยจะเป็น 240 คน จาก 500 คน หรือหายไป 25 เสียง สูตรหาร 500 ได้ 240 หาร 100 ได้ 265 เสียง เกินครึ่งสภาแล้วไม่ให้ลุงปอดได้อย่างไร
ปชป.ถกซ้ำ “ชินวรณ์” ยันยึดใช้ 100 หาร
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ชั้น 3 มีการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หารือถึงแนวทางโหวตประเด็นสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเลือกใช้สูตรหาร 100 หรือสูตรหาร 500 มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.เป็นประธานการประชุม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปพรรค ชี้แจงย้ำหลักการของคณะ กมธ.ที่ยึดสูตรหาร 100 ว่าพรรค ปชป.ได้เสนอญัตติขอแก้ไขร่างกฎหมายฉบับนี้ ชูต่อสังคมว่าจะเอาสูตรหาร 100 เพราะใช้สูตรหาร 500 ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 และ 91 ที่สำคัญพรรคเป็นผู้เสนอขอแก้ไขประเด็นนี้เอง ต้องยึดหลักการตรงนี้ไว้ และวิปรัฐบาลยึดตามแนวทางของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยึดสูตรหาร 100 จากนั้นนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ชี้แจงว่าที่สงวนคำแปรญัตติเรื่องนี้ไว้เพราะมองว่าสูตรหาร 500 เหมาะสมกว่า ต้องคำนึงถึงคำว่า “ส.ส.พึงมี” หากใช้สูตรหาร 100 อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และ 94 ที่สำคัญรักษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและเป็นประชาธิปไตยมากกว่า ที่สำคัญ ส.ส.พรรคส่วนใหญ่ เท่าที่พูดคุยกันต่างเห็นด้วยกับสูตรหาร 500
แกนนำชิ่งคุยไม่จบปล่อยฟรีโหวต
หลังหารือได้ 30 นาที ที่ประชุมร่วมรัฐสภาเรียกสมาชิกรัฐสภาไปโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยก่อนออกจากห้องประชุม พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา ถามนายองอาจว่าแล้วสูตรไหนจะดีที่สุดสำหรับพรรค ปชป. นายองอาจตอบว่าจะไปรู้ได้อย่างไร ขณะที่ น.ส.บุญธิดา แนนสมชัย ส.ส.อุบลราชธานี ได้ตะโกนขึ้นมาว่าประเด็นนี้เราพูดคุยมา 2 วันแล้ว ถ้ายังไม่จบก็ปล่อยให้ฟรีโหวตแล้วกัน ทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้อง ก่อนจะแยกย้ายลงมาโหวตร่างกฎหมายในที่ประชุมใหญ่ หลังกลับมาประชุมอีกครั้งทำให้จำนวน ส.ส.มาไม่ครบ จึงแจ้งว่าเมื่อสมาชิกเห็นต่างเช่นนี้ พรรคจะให้ฟรีโหวต ขึ้นอยู่กับ ส.ส.แต่ละคนจะเลือกโหวตสูตรไหน เป็นที่น่าสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รวมถึงรัฐมนตรีของพรรค ไม่ได้เข้าร่วมแม้แต่คนเดียว
“เดชอิศม์” ส่งซิก “ระวี” เฮชนะแล้ว
ช่วงค่ำวันที่ 4 ก.ค. นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ได้โทร.ล็อบบี้ ส.ส.ภาคใต้ทุกคนว่าเลขาธิการพรรคได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้โหวตสูตรหาร 500 เช่นเดียวกับนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่โพสต์เฟซบุ๊กโชว์จุดยืนหนุนสูตรหาร 500 มี ส.ว.ร่วมสิบคนเดินมาจับมือแสดงความเห็นด้วย นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เดินมาจับมือก่อนประชุมร่วมรัฐสภาระบุว่า เราชนะแล้ว สูตร 500 มาแน่
แก้ ก.ม.ลูกวุ่นรายงานไม่สมบูรณ์
เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ประชุมรัฐสภา ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง วาระ 2-3 ตามที่ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญกำหนดวิธีเลือกตั้งเป็นบัตรสองใบเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้วิธีคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนำคะแนนบัญชีรายชื่อทั้งประเทศมารวมกันแล้วหารด้วย 100 เป็นคะแนนเฉลี่ยคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อ 1 คน ช่วงแรกยังคงราบรื่น จนถึงมาตรา 6/2 ที่ กมธ.เพิ่มขึ้นใหม่ เรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละหน่วยเลือกตั้ง เริ่มเกิดปัญหาเมื่อนายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายให้เพิ่มเติมมาตรา 6/3 การให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขตกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ควรเป็นหมายเลขเดียวกันทั่วประเทศ ให้ประชาชนจำง่าย ป้องกันความสับสน แต่มีผู้ขอหารือไม่สามารถอภิปรายประเด็นนี้ได้ เพราะเนื้อหาเรื่องบัตรสองใบ คนละเบอร์ไม่มีอยู่ในมาตราใดของรายงานฉบับนี้ จนสมาชิกต่างสับสน ในที่สุดนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ประธานที่ประชุม แจ้งว่าประธานกมธ.บอกว่ามีการทำรายงานมาไม่ครบถ้วน ไม่มีเนื้อหาเรื่องบัตร 2 ใบ คนละเบอร์อยู่ในรายงาน ทำให้คำแปรญัตติของ กมธ.เสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็นไว้ไม่สามารถอภิปรายได้ ขอพักประชุม 15 นาที ไปแก้รายงานมาใหม่
ขลุกขลักซ้ำองค์ประชุมหวิดล่มอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพักไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ให้ กมธ.ไปแก้ไขรายงานเสร็จแล้วก็กลับมา เปิดประชุมอีกรอบเวลา 17.25 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขึ้นเป็นประธานการประชุม แจ้งว่า ประเด็นที่ถกเถียงกันคือมาตรา 6/3 ที่ขอแปรญัตติ ไม่มีอยู่ในรายงานของ กมธ. ทั้งที่มีผู้ขอแปรญัตติถึง 4 กลุ่มไว้จริง วิธีแก้ปัญหาคือจะขอให้ลงมติมาตรา 6/2 ไปก่อน แล้วค่อยให้ผู้แปรญัตติมาอภิปรายในมาตรา 6/3 เรื่องบัตร 2 ใบ คนละเบอร์กันต่อไป จากนั้นนายชวนขอให้ลงมติมาตรา 6/2 แต่เกิดปัญหาขึ้นอีก เนื่องจากองค์ประชุมอยู่กันบางตา ส.ส.รัฐบาลอยู่ในห้องประชุมน้อย นายชวนกดออดเรียกหลายรอบนาน 15 นาที ยังไม่มีทีท่าจะครบองค์ประชุม จน ส.ส.ฝ่ายค้านรุมตำหนิองค์ประชุม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีบางฝ่ายไม่ยอมแสดงตน ฝ่ายข้างมากพยายามชะลอการบังคับใช้กฎหมายนี้ จะสูตร 500 หรือ 100 ฝ่ายค้านพร้อมสู้ ไม่ทราบว่าทำไมมีความพยายามไม่ให้กฎหมายนี้สำเร็จ ถ้ายังไม่ครบแบบนี้ ปิดประชุมไปเลย วันที่ 6 ก.ค.ที่จะประชุมวิป 3 ฝ่าย หารือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมประชุม ไม่ต้องมาคุยกันอีก
“วีระกร” อ้าง ส.ส.เข้าใจผิดกลับบ้าน
ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. กล่าวเสริมว่า ตอนพักประชุมบอกจะใช้เวลา 15 นาที แต่กลับกินเวลาไป 1.30 ชั่วโมง ทำให้ ส.ส.เข้าใจผิดกลับบ้านไปบางส่วน ขอให้ปิดประชุม แต่นายชวนขอร้องให้อดทนรอต่อไป หลังจากรออยู่เกือบ 30 นาที จึงให้ ส.ส.แสดงตน ปรากฏว่ามีองค์ประชุม 364 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจาก 363 เสียง แค่ 1 เสียง ทำให้ดำเนินการประชุมต่อไปได้
ส.ส.หายกว่าร้อยต้องสั่งปิดประชุม
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณามาตรา 6/3 เกี่ยวบัตรเลือกตั้งสองใบ คนละเบอร์ โดย กมธ.เสียงข้างน้อย อาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.นายสามารถ แก้วมีชัย และสมาชิกรัฐสภา อาทิ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อให้ใช้เบอร์เดียวกัน สะดวกต่อการจดจำ เป็นประโยชน์ต่อการหาเสียงและนำเสนอนโยบายพรรค แต่ กมธ.เสียงข้างมากยืนยันว่า ใช้บัตรสองใบคนละเบอร์ หากใช้บัตรใบเดียวกันจะซื้อเสียงได้ง่าย การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ประชาชนกาถูก บัตรเบอร์เดียวกันไม่ได้มีแต่ด้านบวก แต่มีด้านลบด้วย หลังอภิปรายเสร็จสิ้น นายชวน กดออดเรียกสมาชิกให้มาลงมตินานเกือบ 10 นาที แต่สมาชิกยังอยู่ในห้องประชุมบางตา จนนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เสนอว่าเวลาล่วงเลยมานานขอให้ปิดประชุม และพิจารณาต่อวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเวลาลงมติ ฝ่ายค้านพร้อมทำงาน ประธานให้แสดงตนนานแล้ว ให้แสดงผลเลย ถ้าไม่ครบก็ปิดประชุมและกลับบ้าน นายชวนจึงแจ้งว่า ยังขาดอีก 100 กว่าคนเท่านั้นเอง เมื่อสมาชิกปรารถนาให้ปิดประชุมก็ปิดประชุมในเวลา 19.25 น.
“สมคิด” เฉ่ง “บิ๊กตู่” ดิ้นสืบอำนาจ
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท.ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า กระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ส่งสัญญาณให้แกนนำขั้วพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่ม ส.ว.หนุนใช้สูตรหาร 500 ถ้าเป็นจริงเท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการสืบทอดอำนาจต่อ สืบเนื่องจากแก้ไขเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแล้ว รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กำหนด ไว้ชัดเจนว่าคะแนนที่เลือกพรรคการเมืองต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรง มาตรา 91 คือตัวต้นของสูตรหาร 100 เราไม่ได้คิดเอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ร่าง ก่อนให้ ครม.ใช้เป็นร่างหลักของรัฐบาล เป็นหลักการของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ต้องยึดถือตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา อย่าไปยึดถือว่าตัวเองจะมีอำนาจตลอดไป หรือให้กลุ่มพวกพ้องพรรคการเมืองที่ช่วยเหลือตัวเอง จะดับฝันแลนด์สไลด์ของพรรค พท.หรือไม่นั้น หากประชาชนเขาเลือกจะไปดับฝันเขาไม่ได้ ต่อให้ใช้วิธีการอะไร ประชาชนเขาก็เลือก ยิ่งไปใช้วิธีการที่ไม่ชอบพามากลประชาชนเขาก็รู้ทัน อย่าไปหลงทางกับพรรคที่สนับสนุนเลย หลักการต้องการ ให้พรรค การเมืองเข้มแข็ง ไม่ใช่มี 20 พรรคแล้วต้องมาเลี้ยงกล้วยกันแบบนี้ เสียภาพลักษณ์หมดเลย
นายกฯแกะลายเทียนพรรษา
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุม ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ได้เป็นประธานมอบเงินทดแทนการประกันชีวิตสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ เงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.นราธิวาส โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร.รับมอบเงินรวม 12 ล้านบาท จากนั้นไปที่โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ร่วมกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พ.ศ.2565 ได้ร่วมแกะลายเทียนติดบนต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ ร่วมกับนายสมคิด สอนอาจ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ประชาสัมพันธ์งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี “121 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา” ในวันที่ 11-17 ก.ค.
นำ ครม.ฉีดวัคซีนหวัดใหญ่
ต่อมานางสายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศ ไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เข้าพบประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี “6 ทศวรรษ พัฒนาดาวน์” และจำหน่ายดอกบานชื่น ในโอกาสวันที่ 14 ก.ค.ของทุกปี ขณะที่ก่อนการประชุม ครม.ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี นายกฯ นำ ครม.เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ที่สถาบันบำราศนราดูร สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่มาให้บริการรวมถึงเปิดให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน เข้ารับวัคซีนด้วย พร้อมกันนี้ยังได้นำวัคซีนป้องกันโควิด-19มาให้บริการด้วย
ยันมุ่งหวังทำทุกวิถีทางช่วย ปชช.
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายกฯกล่าวตอนหนึ่งช่วงแถลงข่าวการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและพลังงานว่า เรายังมีปัญหาหลายอย่างที่จำเป็นต้องร่วมมือแก้ไข ในฐานะรัฐบาลพยายามเต็มที่เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของพี่น้องจากวิกฤติพลังงานของโลกที่เกิดขึ้น เข้าใจดี ทุกคนเข้าใจ ครม.เข้าใจถึงความลำบากของประชาชนในยามนี้ ขอให้พี่น้องมั่นใจว่าประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์เพื่อรองรับสถานการณ์ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า มุ่งหวังทำอย่างไรจะคลี่คลายความโศกเศร้า ความทุกข์ตรมต่างๆของประชาชนให้ได้มากที่สุด ขอความร่วมมือและความเข้าใจกัน ช่วงเดินมาจุดสัมภาษณ์นายกฯได้ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ถามสื่อมวลชนว่ากินข้าวกันหรือยัง
“ดอน” รอหนังสือเมียนมาชี้แจง
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับนายวันนะ หม่อง ลวิน รมว.ต่างประเทศเมียนมา ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ว่า พูดคุยหลายเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเครื่องบินเมียนมาบินรุกล้ำน่านฟ้าไทย ฝ่ายเมียนมาแสดงความเสียใจ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาถือเป็นอุบัติเหตุ ฝ่ายเมียนมาแจ้งว่าจะทำหนังสือมาถึงฝ่ายไทย ยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ตอนนั้นฝ่ายไทยแจ้งไปเขาก็ดูแลไม่ให้เกิดอีก เมื่อถามว่าให้คำมั่นสัญญาหรือไม่จะไม่ให้เกิดเหตุอีกครั้ง นายดอนพยักหน้ารับ
ครม.ไม่ติดใจจะซักฟอกกี่วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม. นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้ประสานงานวิปรัฐบาลได้รายงาน ครม.ว่า ฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 วัน ลงมติวันที่ 6 โดยที่ประชุมไม่ได้มีความเห็นใดๆ และไม่ติดขัดหากต้องลงมติในวันที่ 23 ก.ค. หรือ 24 ก.ค. ให้เป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลไปหารือกับวิปฝ่ายค้านให้ได้ข้อสรุปวันที่ 6 ก.ค. นอกจากนั้นยังได้รายงานวาระการพิจารณาของรัฐสภา
“ท็อป” การันตีไม่มีเสียงแตก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีนายกฯกำชับพรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันเตรียมข้อมูลชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตามประเพณีพรรคต้องประชุมก่อนลงคะแนน หารือแนวทางลงคะแนนให้ผู้ที่ถูกไม่ไว้วางใจ จะลงคะแนนกัน
วันเสาร์ที่ 23 ก.ค. ทำงานร่วมกับรัฐบาลมา 3 ปีกว่าอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาใดๆ เชื่อว่าเสียงไม่แตกแน่นอน ไม่น่าจะแตกไปไหน คงไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค
“สุรสิทธิ์” หอบลูกซบอก ชทพ.
ช่วงบ่าย ที่พรรคชาติไทยพัฒนามีการเปิดตัวนายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ อดีต ส.ส.เชียงราย เขต 2 หลายสมัย เคยอยู่พรรคเพื่อไทยแล้วย้ายไป เป็นประธานภาคเหนือพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) เมื่อเดือน เม.ย.65 พร้อมนายวันชัย เจียมวิจักษณ์ บุตรชาย สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ชทพ. โดยนายวราวุธสวมเสื้อแจ็กเกตพรรคต้อนรับสมาชิกใหม่ พร้อมกล่าวว่า ชทพ.จะค่อยๆเติบโต ผสมผสานคนรุ่นเก่ากับวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ มั่นใจว่าทั้ง 2 คนจะปักธงใน จ.เชียงราย ได้ พรรค พท.ประกาศแลนด์สไลด์เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย แต่คงจะเว้น 2 เขต ที่เชียงราย ตัวเลข ส.ส. เลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้าไว้จาก 12 เสียง เป็น 25 เสียงบวกลบ จะชูผลงานภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว ยังมั่นใจภาคกลางเป็นฐานสำคัญของพรรค ยังจะมีเบอร์ใหญ่อีกแน่นอน มีเวลาอีก 6-7 เดือนที่จะถึงเวลาเปลี่ยนแปลง
ด้านนายสุรสิทธิ์กล่าวว่า แยกตัวออกจากพรรค สอท.เพราะทำงานมา 2 เดือน ยังจูนกันไม่ติด ไม่มีปัญหาอะไรกัน ในอนาคตหากพรรค ชทพ.มีโอกาสเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำงานให้ประชาชนได้มากกว่า และมีบุตรชายคนเดียวตัดสินใจพามาสังกัดพรรค ชทพ.เอาอนาคตมาฝากที่นี่ เพราะมั่นใจเชื่อมั่นแนวทางของพรรค เชื่อมั่น 100% ว่าจะปักธงใน จ.เชียงรายได้ เบื้องต้นตั้งใจจะลงสมัครพื้นที่ อ.พาน บ้านเกิดเติบโตที่นั่น
รัฐสภาปิดจ๊อบ พ.ร.บ.ตำรวจฯ
เมื่อเวลา 10.03 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ วาระ 2 เป็นครั้งที่ 7 อีก 4 มาตรา ที่ยังถกเถียงกันในมาตรา 169/1 “เรื่องการคัดเลือกและแต่งตั้งผู้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น” ยืดเยื้อมาจากครั้งก่อน เนื่องจาก พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เสนอขอเพิ่มเติมข้อความที่ให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไป 180 วันที่ถูกวิจารณ์ว่า เอื้อประโยชน์ต่อบางคนให้มีอำนาจต่อ เนื่องจากต้องใช้หลักเกณฑ์การแต่งตั้งเดิมไปก่อน โดยที่ พล.ต.อ.ปิยะไม่ได้เป็นผู้แปรญัตติ หรือสงวนคำแปรญัตติ จนสมาชิกพากันทักท้วงว่า ผิดขั้นตอนข้อบังคับ ทำให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ส.ว.ในฐานะ กมธ.ฯ ต้องขอนำกลับไปพิจารณาแล้วมานำเสนอใหม่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.รวมถึงนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก พากันอภิปรายยืนยันว่า มติ กมธ.ให้เพิ่มข้อความใหม่ในมาตรา 169/1 เพื่อความเป็นธรรม
“ธีรัจชัย” ฟาดยัดไส้หน้างานช่วยใคร
หลังจาก กมธ.ชี้เเจงเสร็จสิ้น ที่ประชุมรัฐสภาเริ่มเกิดการตีรวน โต้คารมกันระหว่าง กมธ.ที่เป็น ส.ว. กับ ส.ส.พรรคก้าวไกล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่าฝ่าฝืนข้อบังคับ อาทิ ข้อบังคับที่ 47 และ 96 อาจขัดหลักนิติธรรม มาเสนอหน้างานแบบนี้กระบวนการจะมีปัญหา และมีผู้สงวนความเห็นแค่ 3 คน ไม่เกี่ยวกับกมธ.ฯ อย่างนายสมชายกับ พล.ต.อ.ปิยะทำให้นายสมชายประท้วง ด้านนายธีรัจชัยสวนขึ้นว่าประท้วงต้องอธิบาย อย่ากลัวความจริงทั้ง 2 ท่านไม่ใช่ผู้สงวนไว้ จะมาขอแก้อ้างมติ กมธ.ฯ แต่ไม่ได้ขอร่างถอนคืนไป ยังไม่ต้องพูดถึงเบื้องหลังมาตรา 196/1 ที่ข่าวออกมาชัดเจนว่า เจตจำนงจะช่วยให้คนบางคนได้มีอำนาจต่อ จากนั้นก็ปะทะคารมกันไปมา ช่วงหนึ่งนายธีรัจชัยโต้นายสมชายว่า “เอ้ยท่านมาชี้หน้า พฤติการณ์แบบนี้มันไม่สุภาพ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว” นายสมชายโต้กลับว่า “ก็เป็นผู้ใหญ่ไม่รบกับเด็กหรอก รักษากิริยาด้วย” จนนายชวน ต้องตัดบทว่ากระบวนการที่ทำอยู่ถือว่าถูกต้องแล้วเหตุการณ์จึงยุติ
“โรม” ฉะชะลอ 180 วันวางไข่อสูร
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่าความเป็นจริงมาตรา 169/1 ควรตัดทิ้งด้วยซ้ำไป นำไปสู่ตั๋วช้าง เรากำลังจะอนุมัติให้เกิดตั๋วช้างอีกรอบ กมธ.ฯที่มาจาก สตช.รู้ดีว่ากำลังช่วยใคร สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ไม่ใช่แค่การวางตัวคนที่จะไปเป็นรอง ผบ.ตร.เท่านั้น แต่ได้ยินมาว่า คนลำดับท้ายๆกำลังจะได้รับสิทธิข้ามหัวคนอื่นขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ตร. แล้วปีถัดไปจะเป็น ผบ.ตร. เหตุผลที่ กมธ.ฯ ต้องขอ 180 วันชะลอกฎหมายออกไป เพื่อที่จะได้วางไข่ วางทายาทอสูร ตั้งแต่รอง ผบ.ตร.ไปจนถึงตำรวจระดับชั้นที่น้อยที่สุด ท่านแค่ใช้โอกาสนี้ช่วยตำรวจบางคนเท่านั้น สภาฯ กำลังยอมให้เกิดระบบตั๋วเกิดขึ้นในวงการตำรวจ เราต้องหยุดยั้งจะปล่อยให้ตั๋วช้าง ตั๋วม้า ตั๋วแมว ตั๋วนก ตั๋วต่อ ตั๋วโต้ง ตั๋วอะไรก็แล้วแต่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปไม่ได้ หลังอภิปรายกัน 3 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 169/1 ด้วยคะแนน 344 ต่อ 181 คน งดออกเสียง 50 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน ขณะที่มาตรา 170-172 ที่ประชุมพิจารณาและโหวตผ่านไปได้อย่างราบรื่น ก่อนที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ 494 ต่อ 40 เสียง งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
“พิชัย” แนะ 8 ข้อแก้ ศก.-ปากท้อง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรค พท.ด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารสหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ จึงต้องเตรียมรับมือ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท.ขอเสนอ 8 แนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานและช่วยเหลือประชาชนที่ทำได้ทันที คือ 1.เก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าโรงงานปิโตรเคมี กก.ละ 5-8 บาท นำมาช่วยลดราคาก๊าซหุงต้ม 2.ปรับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้เท่ากับราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ไม่ต้องมีค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าระเหย 3.ลดราคาค่าไฟฟ้า 4.ออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชน รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี สำหรับผู้มีรายได้น้อยและต้องใช้อย่างประหยัด 5.ปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของไทย ปรับประเทศไทยเข้าสู่อนาคต ส่งเสริม การใช้รถพลังงาน ไฟฟ้า 6.ปรับโครงสร้างการผลิตและการใช้ไฟฟ้า เร่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน 7.เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 8.ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ในการเดินทางเพื่อประหยัดพลังงาน