ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ออกประกาศเฝ้าระวังบุคคลแอบอ้างเป็นองค์หญิงกัมพูชา ขณะที่สหายคนสนิทองค์หญิงกัมพูชาตัวจริง ยืนยันไม่รู้จักบุคคลดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกหนังสือประกาศ ที่ สร 0017.3/ว1625 เรื่องการแอบอ้างเป็นสมาชิกราชวงศ์กัมพูชา ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 ถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ และนายอำเภอทุกอำเภอ
โดยภายในหนังสือมีใจความว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย ได้รับแจ้งจากกระทรวงต่างประเทศว่า สนง.ตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลเกี่ยวการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยของพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม สมาชิกพระราชวงศ์กัมพูชา ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2565
จากการตรวจสอบข้อมูลจากสถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงพนมเปญ พบว่า ไม่มีสมาชิกราชวงศ์กัมพูชาที่ทรงใช้พระนามว่าพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม
อีกทั้งบุคคลที่อ้างตนเป็นพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม ยังมีหน้าตาเหมือนกับบุคคลที่แอบอ้างตนเป็นพระองค์เจ้าสีสุวัตถ์ กุสุมานารีรัตนา ที่เดินทางมาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อปี พ.ศ.2560 โดยหนังสือเดินทางบุคคลดังกล่าว เป็นหนังสือเดินทางธรรมดา ระบุชื่อว่า Kosomaktevy Pich
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับคำขอ Thailand Pass เพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศยานของบุคคลดังกล่าว
จังหวัดสุรินทร์จึงขอให้ท่านเฝ้าระวังบุคคลดังกล่าว ไม่ให้แอบอ้างเพื่อให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ และให้ปฏิบัติตามแนวทางการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กำหนดโดยเคร่งครัด และติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ล่าสุด วันนี้ (30 มี.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้ประสานกับ นายเทวี ยิ้มชื่น ชาว จ.สุรินทร์ และเป็นสหายคนสนิทของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา พระราชนัดดาใน พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ราชวงศ์นโรดม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเป็นสหายคนสนิท เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเรื่องการเฝ้าระวังและมีบุคคลแอบอ้างกับเชื้อพระวงศ์ฝั่งกัมพูชา ที่มารับรางวัลในประเทศไทยในช่วงวันที่ 19-19 มี.ค.65 ที่ผ่านมานั้น
พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตนาฯ ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์จริง ทรงพำนักทั้งฝั่งกัมพูชาและขึ้นลงมาประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และอีสานใต้ เพื่อประกอบพระกรณียกิจส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง
และไม่ใช่พระองค์ที่ขึ้นป้ายรับรางวัลที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18-19 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ชื่อที่ขึ้นป้ายดังกล่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีเชื้อสายหรือเป็นองค์จริงทางกัมพูชาแน่ชัดหรือไม่อย่างไร และก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ขอยืนยันว่า พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตนา ซึ่งตอนนี้ท่านก็ทรงพำนักในพื้นที่ จ.สุรินทร์ มาหลายปีแล้ว และท่านก็เป็นรัชทายาททางฝั่งกัมพูชา ท่านจะประกอบกรณียกิจขึ้นลงทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาอยู่เป็นประจำ และท่านก็ไม่ได้ไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ ดังกล่าว และไม่เกี่ยวข้องกันกับงานดังกล่าวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากนายเทวี ยิ้มชื่น สหายคนสนิทของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตนา โดยพบว่าเป็นภาพป้ายประชาสัมพันธ์ของกิจกรรมหนึ่งของบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเชื้อราชวงศ์ของกัมพูชา โดยได้มีการส่งผ่านระบบไลน์ในมือถือให้ผู้สื่อข่าวดู
ซึ่งพบมีภาพบุคคลดังกล่าวและพิมพ์ระบุข้อความว่า องค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม จากประเทศกัมพูชา กาล่าดินเนอร์ปาร์ตี้หมวกสวยการกุศล รับประทานอาหารบนโต๊ะเสวย เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ร่วมกับ (มีการปกปิดสงวนภาพบุคคลไว้ในกรอบวงกลมสีเหลือง และไม่ระบุชื่อ) วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2565 เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยราชครู จัดโดยสมาคม (ขอสงวนชื่อ) อีกด้วย
และยังมีภาพข้อความอีก 1 ชุดระบุข้อความว่า”ขอเชิญเฝ้ารับเสด็จ องค์หญิง โกโสมะ เตวี นโรดม สมาคมสตรีไทยสากลและพสกนิกรชาวไทย ขอต้อนรับ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ในงานสตรีไทย สานสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2565 ณ สโมสร (ขอสงวนชื่อ) ถนนวิภาวดี”
ทั้งนี้ ยังทราบข้อมูลอีกว่า มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าวไปแล้วบางจุด ที่ กทม.อีกด้วย แต่งานกิจกรรมดังกล่าว ก็ถูกยกเลิกก่อนและไม่ได้ถูกจัดขึ้นแต่อย่างใด และมาทราบทีหลังว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ในหลายจุด ไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวข้ามแดนมาฝั่งไทย เพื่อเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าว
จึงเป็นที่มาของ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ที่ได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบ จนมีคำสั่งจาก ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ได้ออกหนังสือประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกอำเภอได้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้บุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกัมพูชา เพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตนา เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา เคยมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ กรณีที่มีผู้แอบอ้างว่าเป็น “พระมหากษัตริยานี พระสีสุวัต กุสุมะ มุนีรัตนา” มารดาแห่งสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งสวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรตที่ 70 ได้เข้ามาพำนักในประเทศไทย
เข้ามาประกอบทำกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนไทยอยู่บ่อยครั้งทีเดียว ทางการกัมพูชา จึงมีการประกาศ ขออย่าให้ชาวกัมพูชาอย่าได้หลงเชื่อคำแอบอ้างดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะพระองค์จริง ได้สวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรตที่ 70 ไปแล้ว
ขณะนั้นโลกโซเชียล ยังได้มีการนำภาพนิ่งของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี พระปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ไปประกอบข่าวการแอบอ้างจากกัมพูชาดังกล่าว
จึงยิ่งทำให้ประชาชนชาวไทย ที่เห็นและเกิดความเข้าใจผิดว่าทั้งสามพระองค์ ที่มาร่วมกิจกรรมทำบุญตามวัดวาอารามในพื้นที่จังหวัดชายแดนอีสานใต้อยู่บ่อยครั้งนั้น เป็นตัวปลอม และคราวนั้นพระองค์ก็ได้มีการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงไปแล้วตามที่เป็นข่าว
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี มีศักดิ์เป็นน้าของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และพระองค์ เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่พำนักใน จ.สุรินทร์ นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์กัมพูชา เชื้อสายพระวงศ์สกุล “สีสุวัต” จริง
ทั้งนี้ ยังทราบข้อมูลอีกว่า มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าวไปแล้วบางจุด ที่ กทม.อีกด้วย แต่งานกิจกรรมดังกล่าว ก็ถูกยกเลิกก่อนและไม่ได้ถูกจัดขึ้นแต่อย่างใด และมาทราบทีหลังว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ในหลายจุด ไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวข้ามแดนมาฝั่งไทย เพื่อเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าว
จึงเป็นที่มาของ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ที่ได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบ จนมีคำสั่งจาก ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ได้ออกหนังสือประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกอำเภอได้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้บุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกัมพูชา เพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตนา เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา เคยมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ กรณีที่มีผู้แอบอ้างว่าเป็น “พระมหากษัตริยานี พระสีสุวัต กุสุมะ มุนีรัตนา” มารดาแห่งสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งสวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรตที่ 70 ได้เข้ามาพำนักในประเทศไทย
เข้ามาประกอบทำกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนไทยอยู่บ่อยครั้งทีเดียว ทางการกัมพูชา จึงมีการประกาศ ขออย่าให้ชาวกัมพูชาอย่าได้หลงเชื่อคำแอบอ้างดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะพระองค์จริง ได้สวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรตที่ 70 ไปแล้ว
ขณะนั้นโลกโซเชียล ยังได้มีการนำภาพนิ่งของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี พระปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ไปประกอบข่าวการแอบอ้างจากกัมพูชาดังกล่าว
จึงยิ่งทำให้ประชาชนชาวไทย ที่เห็นและเกิดความเข้าใจผิดว่าทั้งสามพระองค์ ที่มาร่วมกิจกรรมทำบุญตามวัดวาอารามในพื้นที่จังหวัดชายแดนอีสานใต้อยู่บ่อยครั้งนั้น เป็นตัวปลอม และคราวนั้นพระองค์ก็ได้มีการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงไปแล้วตามที่เป็นข่าว
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี มีศักดิ์เป็นน้าของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และพระองค์ เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่พำนักใน จ.สุรินทร์ นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์กัมพูชา เชื้อสายพระวงศ์สกุล “สีสุวัต” จริง