“พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” เปิดใจหมดเปลือกทั้งน้ำตากับสำนักข่าวอัลจาซีรา “เบื้องลึก” การสอบสวนคดีค้าชาวโรฮีนจา ที่มี “ความพยายามแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ” ทั้ง “บิ๊กการเมือง-บิ๊กสีกากี” กดดันจนทำให้ต้องลี้ภัยออกจากไทยในที่สุด
สถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ภาคภาษาอังกฤษ สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ออกอากาศในรายการ “101 อีสต์” (101 East) ในสัปดาห์นี้
พล.ต.ต.ปวีณ เปิดบ้านพักในเขตชานเมืองเมลเบิร์น เพื่อใช้เป็นสถานที่สัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ โดยบอกเล่าความเป็นอยู่ของตัวเองเล็กน้อย ว่าปัจจุบันทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับการประกอบเบาะรถยนต์ ที่โรงงานแห่งนี้ ซึ่งเจ้านายและเพื่อนร่วมงานไม่เคยทราบ ว่าเขาเคยทำอะไรมาก่อน เมื่อครั้งยังอยู่ที่ประเทศไทย
พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวในตอนหนึ่ง ว่าการสืบสวนสอบสวนศพชาวโรฮีนจาจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีผู้นำมาฝังไว้ในป่า ใกล้กับชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อปี 2558 เป็นคดีที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมารับผิดชอบ แต่เมื่อได้รับมอบหมายมาแล้ว ก็พอคาดเดาชะตากรรมของตัวเองได้ดี เนื่องจากเมื่อสืบสาวราวเรื่องลึกมากขึ้นเท่าไหร่ ตัวเองและทีมงานพบความเชื่อมโยงมากขึ้น ระหว่างขบวนการค้าชาวโรฮีนจา ทั้งจากไทย เมียนมา มาเลเซีย และบังกลาเทศ โยงใยไปถึงบุคคลมีอำนาจในหลากหลายวงการ
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณกล่าวว่า การเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมากข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจากความเกี่ยวข้องและความร่วมมือของ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แล้วกล่าวพาดพิงอย่างตรงไปตรงมา ถึง พล.ต.อ.นายหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งสูง ว่าพยายามแทรกแซงการทำงาน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปวีณ ยังกล่าวว่า บิ๊กนักการเมือง และ นายตำรวจระดับสูงอีกนาย ล้วนมีความเกี่ยวข้องในการพยายามปกปิดและบิดเบือนคดีนี้ ที่จำเลยคนสำคัญ คือ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ซึ่งเสียชีวิตระหว่างรับโทษอยู่ในเรือนจำเมื่อเดือน มิ.ย.2564 ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมในเวลานั้น ไม่พอใจอย่างหนัก
ในที่สุด พนักงานสอบสวนปิดคดีนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน ก.ย. 2558 หลังจากนั้นไม่นาน มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ให้ไปประจำการในภาคใต้ ต่อมา พล.ต.ต.ปวีณ ลาออกจากราชการ และเดินทางมาลี้ภัยที่ออสเตรเลียจนถึงปัจจุบัน.
เครดิตภาพ : Al Jazeera English