ร่างผู้สูญหายทยอยลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ 6 ศพ เหลือยอดต้องเร่งค้นหาอีก 16 คน ทหารเรือกู้ศพนำส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์สถาบันนิติเวชวิทยา ผบ.ทรภ.1 ยอมรับพบร่างใกล้จุดเรือล่ม เตรียมปรับแผนค้นหาผู้สูญหายใกล้เรืออับปาง ขณะที่เป้ของผู้สูญหายอีกรายถูกคลื่นซัดเกยหาดเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี ขณะที่ญาติเฝ้ารอจนถอดใจเดินทางกลับบ้านพอได้ข่าวพบศพเพิ่ม ย้อนกลับมารอลุ้นผล
เข้าสู่วันที่ 6 ของภารกิจค้นหาร่างกำลังพล ร.ล.สุโขทัย ถูกคลื่นซัดอับปางห่างฝั่ง 19 ไมล์ทะเล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งญาติยังเฝ้ารอฟังผลอยู่ที่ศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย ที่ท่าเรือประจวบฯ ด้วยความหวังจะพบร่าง กระทั่งค่ำวันที่ 23 ธ.ค. พบร่างกำลังพล 1 นาย สภาพเน่าเฟะจำเค้าเดิมไม่ได้ลอยอยู่กลางทะเลใกล้จุดเรือล่ม ในตัวมีเอกสารระบุชื่อ พลฯวรพงษ์ บุญละคร 1 ในผู้สูญหาย ส่งไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ล่าสุดพบอีก 1 ร่างลอยกลางทะเลใกล้จุดเรือล่มเช่นเดียวกัน ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีร่างผู้สูญหายติดอยู่ในเรืออีกจำนวนหนึ่ง ส่วนการตรวจสอบหาสาเหตุเรืออับปางรวมถึงผู้รับผิดชอบสั่งการให้เรือออกไปปฏิบัติภารกิจท่ามกลางคลื่นลมแรงจนเกิดการสูญเสีย ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานต้นสังกัด
พบร่างลูกเรืออีก 1 ศพ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่ท่าเรือประจวบฯ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือนำร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย รับจาก ร.ล.กระบุรี กู้ศพขึ้นมาได้บริเวณเซคเตอร์ 4 หรือจุดเรืออับปาง มาส่งที่ท่าเรือ โดยมีรถกู้ภัยรับร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยังมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถานบางสะพาน เพื่อส่งไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ กรุงเทพฯ นับเป็นศพที่ 2 ที่ค้นพบหลังจาก ร.ล.บางระจัน พร้อมยาน “Sea Fox” เข้าไปสำรวจสภาพ ร.ล.สุโขทัยที่จมอยู่ใต้น้ำ โดยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค. พบศพกำลังพล 1 ราย ลอยกลางทะเลบริเวณเดียวกัน ในตัวมีเอกสารระบุชื่อ พลฯวรพงษ์ บุญละคร
ไม่ฟันธงลูกเรือสุโขทัยรอตรวจดีเอ็นเอ
พล.ร.ต.รังสรรค์ บัวเผือก เสธ.ทรภ.1 เปิดเผยถึงศพที่พบว่า เมื่อเวลา 08.40 น. ได้รับรายงานว่าอากาศยานดอร์เนียของทางกองทัพเรือมีการตรวจพบร่างลอยน้ำอยู่ในพื้นที่เซคเตอร์ 4 ด้านตอนบนของอ่าวไทย และได้แจ้งพิกัดให้ ร.ล.กระบุรี และ ร.ล.ตากสิน เข้าตรวจสอบ ส่วนของร่างผู้เสียชีวิตที่นำขึ้นมาเมื่อวาน ยังไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ว่าเป็นกำลังพลที่ประสบภัยจาก ร.ล.สุโขทัยหรือไม่ เราไม่สามารถใช้ป้ายชื่อ เครื่องหมาย เครื่องแต่งกายในการบ่งชี้ตัวบุคคล ต้องรอผลการยืนยันจากการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ทางดีเอ็นเอเท่านั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาด การตรวจพิสูจน์จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน
ขยายพื้นที่ค้นหาถึง อ.ไชยา สุราษฎร์
ขณะที่การค้นหาผู้สูญหายยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ ร.ล.กระบุรี ค้นหาบริเวณที่ ร.ล.สุโขทัยอับปาง ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.นราธิวาส เรือ ต.114 และเรือ ต.270 ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ค้นหาในทะเลจากจุดที่เรืออับปางลงไปทางตอนใต้ ต่อเนื่องไปจนถึง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 2 และกำลังสนับสนุนจากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) และ ศรชล.ภาค 2 ที่ส่งเรือและเจ็ตสกี รวมทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งมูลนิธิกู้ภัยต่างๆ มาร่วมค้นหาตามแนวชายฝั่ง รวมถึงเดินเท้าตามเกาะต่างๆ โดยประสานเรือประมงพื้นบ้านผ่านทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยให้ช่วยสำรวจในพื้นที่ที่ทำประมง
นักทำลายใต้น้ำเสริมทีมจุดเรือจม
ส่วนการสำรวจสภาพพื้นที่ ร.ล.สุโขทัยอับปาง รวมถึงสภาพของตัวเรือ มีการปรับกำลังเพิ่มเติมจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ กองประดาน้ำและกองทำลายอมพันธ์เข้ามาช่วยปฏิบัติงานเพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อวาน ร.ล.บางระจัน ได้ใช้โซน่าร์สแกนเพื่อทราบข้อมูลเบื้องต้นในการวางตัวของ ร.ล.สุโขทัย มีความลึกประมาณ 40-50 เมตร โดยทีมประดาน้ำเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เช้า โดย พล.ร.ต.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล ผบ.กองเรือทุ่นระเบิด กล่าวว่า ร.ล.บางระจัน เข้าสำรวจข้อมูลโดยใช้ยานสำรวจใต้น้ำ Sea Fox ดำลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ ดูลักษณะการวางตัวของเรือ เพื่อนำมาใช้วางแผนกู้เรือ และดูรายละเอียดส่วนต่างๆ จนเกือบสมบูรณ์แล้ว ส่วนการกู้เรือต้องให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ ส่วนความคืบหน้าจะสรุปผลให้กองทัพเรือ เพื่อทราบภายหลัง
ร่างทยอยขึ้นสู่ผิวน้ำ 5 ศพ
ต่อมาเวลา 13.45 น. กองทัพเรือแจ้งทางทวิตเตอร์พบศพอีก 5 ราย เมื่อเวลา 11.37 น. ร.ล.ตากสิน พบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 9) เวลา 12.10 น. เรือ ต.113 พบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 10) เวลา 12.15 น. อากาศยาน ตรวจพบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 11) เวลา 13.15 น. อากาศยาน (เคสดำ 12) เวลา 13.20 น. ร.ล.กระบุรี พบผู้เสียชีวิต 1 นาย (เคสดำ 13) รายงานแจ้งอีกว่า ทั้ง 5 ศพที่พบลอยอยู่ในพื้นที่เซคเตอร์ 3-4 อยู่ทางทิศตะวันออกของจุด ร.ล.สุโขทัย จมอยู่ใต้ทะเล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำศพที่พบกลับขึ้นฝั่งแล้ว 2 ศพ ส่งต่อไปมูลนิธิสว่างราษฎร์ ศรัทธาธรรมสถาน บางสะพาน
เป้ผู้สูญหายเกยหาดเกาะเต่า
นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานนายวิจารณ์ จุนทวิจิตร นายอำเภอ เกาะพะงัน ว่าเมื่อเวลา 11.05 น. นาย Kenneth Lind Kvaerno นักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ พบกระเป๋าเป้สีน้ำตาลอ่อนของลูกเรือสุโขทัย ถูกคลื่นซัดเข้ามาติดชายหาดเทียน อยู่ทางทิศใต้ของเกาะเต่า ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.เกาะเต่า และอาสาสมัครกู้ภัยเกาะสมุย ตรวจสอบในกระเป๋าพบหลักฐานระบุชื่อ พลฯทวีศักดิ์ แซ่เซียว อายุ 23 ปี สังกัดกองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลนาวิกโยธิน พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของใช้ส่วนตัว รูปถ่ายอีก 9 รูป เงินจำนวนหนึ่ง รวบรวมไว้เพื่อส่งให้กองทัพเรือ นับเป็นข้าวของของลูกเรือสุโขทัย ถูกคลื่นซัดเข้ามาที่เกาะหลังจากเมื่อวานคนตกปลาพบเสื้อชูชีพหมายเลข 333 ลอยอยู่ในทะเล
ญาติลุ้นพบร่างผู้สูญหายเพิ่ม
ที่ศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย ที่ท่าเรือประจวบฯ อ.บางสะพาน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ บ่ายวันเดียวกัน บรรดาญาติผู้สูญหายที่มาปักหลักรอฟังผลการค้นหาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด มีการติดตามข่าวสารจากสื่อโซเชียล และคนใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเมื่อช่วงเช้า หลังจากพบศพบริเวณจุดเรือล่มในเวลาใกล้เคียงกันถึง 6 ศพ โดยญาติของพลฯชัยชนะ ช่างวาด ผู้สูญหาย เปิดเผยว่า พวกตนมารอฟังข่าวอยู่ที่ศูนย์ประสานงานฯ ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. เมื่อช่วงเช้าเดินทางกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอฟังข่าวที่บ้าน แต่ไปได้ครึ่งทางได้ข่าวว่าพบร่างผู้สูญหายบางส่วน จึงย้อนกลับมาที่ศูนย์ประสานงานฯอีกครั้ง ยังหวังว่าจะได้รับข่าวดีบ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้ร่างหลานชายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด
ส่งทั้ง 6 ศพไปสถาบันนิติเวชฯ
ต่อมาเวลา 17.40 น. ที่ท่าเรือประจวบฯ เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ นำร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 ศพ ที่พบเมื่อมาลงที่ท่าเรือ ก่อนมอบศพให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยส่งไปเก็บไว้ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน บางสะพาน เพื่อให้พนักงานสอบสวนและแพทย์ทำเรื่องส่งไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่จะนำศพทั้ง 6 ศพที่กู้ขึ้นมาได้ส่งไปพร้อมกันในช่วงค่ำ ทำให้ยอดผู้สูญหายเหลืออยู่ 16 ราย ที่ยังต้องเร่งค้นหาต่อไป
ปรับแผน “ค้นใกล้จุดเรือล่ม”
พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.1 เปิดเผยว่า การปฏิบัติงานของชุดค้นหาผู้สูญหายในวันนี้ พบร่างรวมทั้งสิ้น 6 นาย จุดที่พบร่างทั้งหมดอยู่ในเซคเตอร์ 3 และ 4 คือจุดที่ใกล้กับจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางลง ในส่วนของร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด ยังไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ว่าเป็นใคร จะต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์จากทางนิติเวช รพ.ตำรวจเท่านั้น จากการที่มีการพบร่างใกล้จุดที่เรืออับปาง อาจจะต้องมีการปรับแผนการค้นหาสำหรับวันพรุ่งนี้ใหม่โดยจะจำกัดวงค้นหาให้แคบลงมาใกล้จุดที่เรืออับปาง ส่วนที่มีข่าวพบผู้สูญหายรอดชีวิตติดเกาะอยู่นั้น ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง
วันนี้รู้ผลตรวจอัตลักษณ์
ด้าน พล.ต.ต.อาชัยยนต์ ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงการชันสูตรศพทหารเรือรายที่ 7 ที่กู้ร่างขึ้นมาได้บริเวณจุด ร.ล.สุโขทัยล่ม เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค.ว่า ศพมาถึงสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ แล้ว แพทย์จะดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 54 หรือ DVI โดยจะมีการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ ฟัน และอื่นๆ ตามมาตรฐานของสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อป้องกันการรับศพผิดคน คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในวันนี้ แต่ไม่สามารถระบุเวลาได้ โดยจะแจ้งให้ญาติเข้ารับศพเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.)
เคลื่อนศพ 2 ทหารเรือกลับบ้าน
ที่ฌาปนสถานกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดขบวนรถลำเลียงร่าง ร.ต.จักร์พงค์ พูลผล ช่างโซนาร์ และ จ.อ.อัครเดช โพธิ์บัติ พลเรือ ผู้เสียชีวิตจากเหตุ ร.ล.สุโขทัยอับปาง ไปขึ้นเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 1 ฟอกเกอร์ mk 400 หมายเลข 2111 ที่สนามบินอู่ตะเภา ไปยังสนามบินกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี ตามคำร้องขอของญาติเพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด โดยศพ ร.ต.จักร์พงค์ นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองครามประชาสรรค์ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ธ.ค. ส่วน จ.อ.อัครเดช นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสุธาฤดีวนาราม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 27 ธ.ค. โดยการเคลื่อนย้ายศพมีทหารกองเกียรติยศตั้งแถวส่งขบวนอย่างสมเกียรติ
ตั้งขบวนรับศพสมเกียรติ
ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี พล.ต.ทวนทอง ทองสุภา ผบ.มทบ.45 นำกำลังพล ข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชน จัดขบวนทหารกองเกียรติยศรับร่างทหารเรือทั้งสองนายอย่างสมเกียรตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองครามประชาสรรค์ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และวัดสุธาฤดีวนาราม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรม วงศานุวงศ์ ไปวางที่หน้าหีบศพนายทหารทั้ง 2 นายเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์และวงศ์ตระกูล
เงินช่วยเหลือ 9 แสน–1 ล้านเศษ
รายงานแจ้งว่าเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ญาติขอรับศพ น.ต.สมเกียรติ หมายชอบ สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 6 ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่เมรุบ้านราวนคร ในวันที่ 25 ธ.ค. ทำให้ผู้เสียชีวิตยังตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่ฌาปนสถานกองทัพเรือ 3 ศพ ประกอบด้วย พล.ร.ต.สามารถ แก้วผลึก สรั่งกล น.ต.อำนาจ พิมที พลขับรถ และน.ต.อัชชา แก้วสุพรรณ์ ช่างโซนาร์ มีกำหนดประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 26 ธ.ค. ส่วนเงินช่วยเหลือตามสิทธิต่างๆ ประกอบด้วยเงินกองทุนน้ำใจไทยฯ เงินตามระเบียบ สก.ทร. เงินชดเชยประกันภัยหมู่ “เฉพาะกิจ” ทร. และฌาปนกิจสงเคราะห์ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. จะมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต เวลา 10.30 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่ห้องรับรอง บก.ทร. โดยทายาท พล.ร.ต.สามารถ มีสิทธิได้รับเงินรวม 1,102,500 บาท ทายาท น.ต.อัชชา ได้รับ 1,102,000 บาท ทายาท น.ต.อำนาจ ได้รับ 1,102,000 บาท ทายาท น.ต.สมเกียรติ ได้รับ 902,200 บาท ทายาท ร.ต.จักร์พงค์ ได้รับ 1,102,000 บาท และทายาท จ.อ.อัครเดช ได้รับ 902,000 บาท
เปิดศูนย์ตรวจอัตลักษณ์ใหม่
ต่อมาเวลา 20.00 น. ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธา ธรรมสถานบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ปุณิกา เนตรสว่าง ปลัดอำเภอบางสะพาน เปิดเผยร่วมประชุมกับตำรวจ และทีมแพทย์ รพ.หัวหิน และเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ นานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สภ.บางสะพานสรุปว่าจะเปิดศูนย์อีกครั้ง โดยเชิญทีมแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ มาที่ศูนย์ฯ ในวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค. เพื่อชันสูตรศพและเก็บตัดกระดูกซี่โครงส่งเข้าห้องแล็บ ที่กรุงเทพฯ เพื่อยืนยันตัวบุคคล คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 วัน หลังทราบผลจะเชิญญาติมารับศพที่มูลนิธิฯนำไปบำเพ็ญกุศล
ร.ล.สุโขทัย “จอดนั่งแท่น” ใต้ทะเล
สำหรับการตรวจสำรวจสภาพเรือและพื้นที่ที่เรืออับปาง โดย ร.ล.บางระจัน ซึ่งใช้ยานสำรวจใต้น้ำ “Sea Fox” บันทึกภาพไว้ได้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนกู้เรือหลวงสุโขทัยพบว่า เรือยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แทบมองไม่เห็นความเสียหาย และจอดสงบนิ่งอยู่บนผืนทรายใต้ท้องทะเลในสภาพเรียบร้อย หรือที่เรียกกันว่า “จอดนั่งแท่น” เป็นแนวราบกับท้องทะเล
