“ยุทธพงศ์” ขยี้รัฐบาลไม่ไยดีชาวนา ปล่อยราคาข้าวดิ่ง แจกเงินประกันแก้ไม่ตรงจุด คาใจดองเงินกู้ 9 หมื่นล้านไม่นำมากระตุ้นเศรษฐกิจ เครือข่ายรัฐบาลค้านยกเลิกมาตรา 112 “แรมโบ้” ขู่ล่าชื่อขับไล่ “ธนาธร-ปิยบุตร” ด้าน “ทิพานัน” หวดกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 6 “กลุ่มไทยรักษา” ตั้งโต๊ะเชิญล้านชื่อร่วมต่อต้าน “ศรีสุวรรณ” แจง กกต.หอบหลักฐานมัดผิด “ทักษิณ” ครอบงำ ร้องฟันซ้ำชี้นำสั่งเบรกแก้กฎหมายป้องสถาบัน “เรืองไกร” เล่นทุกทางยุบ พท. ชง กกต.สอบ “หมอเลี้ยบ” เคยต้องโทษจำคุกมาตรา 157 นั่ง ผอ.พรรคเข้าข่ายคนนอกแทรกแซง “โหรวันชัย” ทำนายผู้มีอำนาจกับอริแค่สงบศึกชั่วคราว 3 เดือนส่อฟัดกันวงแตกอาจเลือกตั้งใหม่ “นิด้า” ถามใจคนกรุง “ชัชชาติ” นำโด่งนั่งผู้ว่าฯ กทม. ทิ้งขาด “อัศวิน-สุชัชวีร์”
จากกรณีปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างนำมาวิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้กัน โดยพรรคเพื่อไทยตอกย้ำโจมตีรัฐบาลไม่สนใจไยดีแก้ปัญหาให้ชาวนาอย่างจริงจัง แม้รัฐบาลจะยืนยันจะเริ่มโอนเงินค่าชดเชยตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรส่งตรงถึงชาวนาวันที่ 9 พ.ย.นี้
“โจ้” ขยี้ รบ.ไม่ไยดีชาวนาจนข้าวดิ่ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ชาวนาเดือดร้อนอย่างหนักว่าราคาข้าวตกต่ำอย่างมาก มาม่าห่อเดียวยังแพงกว่าราคาข้าว 1 กิโลกรัม พรรคเพื่อไทยเคยเรียกร้องให้รีบแก้ไขปัญหามานานแล้ว แต่รัฐบาลไม่ยอมเร่งแก้ไข บอกแค่ถ้าราคาข้าวตกต่ำจะให้เงินประกันราคาช่วยเหลือ แต่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ เพราะไปเช่าพื้นที่คนอื่นทำนา ไม่ได้มีที่นาเป็นของตัวเอง จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขได้รับการช่วยเหลือในการประกันราคา วันนี้รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ชาวนาเลย ให้แค่รอเงินประกัน ทั้งที่คนได้ประโยชน์เป็นแค่คนส่วนน้อย ชาวนาไม่ได้อยากได้เงินประกัน แต่อยากให้ราคาข้าวสูงเหมือนสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่ราคาข้าวหอมมะลิสูงถึงกิโลกรัมละ 20 บาท
คาใจดองเค็มเงินกู้ 9 หมื่นล้าน
นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท มีการกู้เงินมาเพื่อนำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 9.17 หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้การใช้งบฯปี 65 ผ่านมา 1 เดือน 1 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีรายการเงินกู้ดังกล่าวถูกนำมาใช้ลงทุนตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แถลงต่อสภาฯ ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ส่งผลกระทบต่อการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ถ้าแถลงแล้วไม่ทำความน่าเชื่อถืออยู่ตรงไหน ในฐานะอดีต กมธ.พิจารณางบฯจะยื่นหนังสือสอบถามนายกฯและ รมว.คลัง เหตุใดไม่ยอมทำตามสิ่งที่แถลงต่อสภาฯไว้ หรือเป็นเพราะรัฐบาลถังแตก ไม่สามารถกู้เงินได้อีกแล้ว
แฉ สตช.ล็อกสเปกซื้อวิทยุสื่อสาร
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ได้รับข้อมูลความไม่โปร่งใสของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในโครงการจัดหาและติดตั้งวิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ 1-3 วงเงิน 13,262 ล้านบาทผิดปกติส่อไม่โปร่งใสหลายเรื่อง ได้แก่ 1.การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ไม่ผ่านการประมูลแบบอีบิดดิ้ง 2.การส่งมอบงานและอุปกรณ์ไม่ตรงตามที่กำหนดในทีโออาร์ 3.ล็อกสเปกอุปกรณ์ขยายโครงข่ายระบุใช้ยี่ห้อจากจีนเท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมโยงกับเสาสัญญาณยี่ห้ออื่นได้ ทำให้ต้องลงทุนสูง 4.สัญญาณเสียงและการรับส่งข้อมูลมีคุณภาพต่ำ 5.อุปกรณ์วิทยุพกพา ราคาสูงเกินจริงอยู่ที่เครื่องละ 73,000 บาทแพงกว่าไอโฟนรุ่นใหม่เครื่องละ 63,000 บาท จึงมีปัญหาค่าใช้จ่ายรายเดือน สตช.แบกภาระไม่ไหว เช่น ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่สามารถลงทุนต่อไปได้ จึงเตรียมโอนโครงการระยะที่ 3 ไปให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที ดำเนินการแทนแต่ทำไม่ได้ เพราะเอ็นทีเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ สตช.เป็นหน่วยราชการ โอนภารกิจให้กันไม่ได้การใช้งบฯ จึงไม่คุ้มค่า จะยื่นเรื่องให้นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ติดตาการใช้งบฯสภาฯ ตรวจสอบความไม่โปร่งใส ลงทุนมากแต่ใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า
เฉ่งขั้นตอนเข้าประเทศยุ่งยาก
น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาการเปิดประเทศว่า หลังเปิดประเทศได้รับการร้องเรียนอย่างมาก ถึงขั้นตอนความยุ่งยากต่างๆที่สนามบิน ทำให้เสียเวลามากถึง 3 ชั่วโมง ระบบการเดินทางเข้าไทยถูกตั้งคำถามอย่างมาก ระบบไทยแลนด์พลัสของกระทรวงต่างประเทศต้องยืนยันตัวตนซ้ำซ้อน ยุ่งยากแก่ผู้ปฏิบัติงานและนักท่องเที่ยว เหตุใดเมื่อตรวจโควิดตั้งแต่ประเทศต้นทางแล้ว พอมาถึงประเทศไทยต้องตรวจซ้ำอีกและต้องใช้แพลตฟอร์มต่างๆถึง 4 แพลตฟอร์ม ได้แก่ 1.กระทรวงต่างประเทศ 2.กระทรวงสาธารณสุข 3.กรมควบคุมโรค 4.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำไมไม่บูรณาการแพลตฟอร์มให้รวมอยู่ในแอปพลิเคชันเดียวกันเป็นวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ควรรีบปรับปรุงโดยเร่งด่วน
“แรมโบ้” ขู่ขับไล่ “ธนาธร-ปิยบุตร”
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคณะก้าวหน้ารณรงค์ให้ประชาชนลงชื่อในเว็บไซต์ เรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าคณะก้าวหน้านำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงออกชัดเจนขึ้นทุกวันว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน ทั้งที่ผลสำรวจชัดเจนคนไทยส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกหรือแก้ไข ขอเตือนหากคณะก้าวหน้ายังไม่หยุดพฤติกรรมแบบนี้ ประชาชนคนไทยคงไม่ทนอีกต่อไป คงจะได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อขับไล่คณะก้าวหน้า ให้พ้นประเทศไทย เพราะอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย มีแต่จะสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง ถ้ายังไม่หยุดเก็บเสื้อ เก็บผ้ารอได้เลย อีกไม่นานคนไทยจะออกมาลงชื่อขับไล่คนหนักแผ่นดิน คนที่ไม่รักบ้านรักเมือง
ซัดล่าชื่อเลิก ม.112 ขัด รธน.มาตรา 6
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯกล่าวว่า คณะก้าวหน้ารณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็นไปไม่ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย แปลกใจนายปิยบุตรอ้างเชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญจะขาดความรู้เรื่องนี้ อย่าทำตัวให้สังคมสงสัยว่ารู้ทั้งรู้กฎหมายเต็มอก แต่ต้องการโหนกระแสผู้กระทำผิดมาตรา 112 หาเสียงให้พรรคพวกช่วงจะเลือกตั้งท้องถิ่นหรือ เนื่องจากมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญปี 60 กำหนดว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” การยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว
“ศรี” แจง กกต.ฟัน “ทักษิณ” ชี้นำ พท.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือเรียกไปให้ถ้อยคำวันที่ 8 พ.ย. เวลา 10.00 น. กรณีขอให้ไต่สวนเอาผิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำ หรือชี้นำพรรคเพื่อไทยที่วิดีโอคอลมาในงานเลี้ยง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อต้นเดือน ต.ค.64 มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารพรรค ส.ส.เพื่อไทยอยู่ในงานฟังนายทักษิณวิดีโอคอลจำนวนมาก มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยร้องขอนายทักษิณอนุญาตให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการคุยโวถ้าเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์ การพูดประเด็นการเมืองดังกล่าว เข้าข่ายครอบงำหรือชี้นำพรรคการเมือง ฝ่าฝืนมาตรา 28 และ 29 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 หรือไม่
ชงหลักฐานมัด ร้องซ้ำสั่งถอย ม.112
“จะนำหลักฐานไปเพิ่มเติมอีกมากมาย รวมถึงคำร้องเพิ่มเติมกรณีนายทักษิณพูดถึงการไม่เห็นด้วยการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย เป็นผลให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแนวทางขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวทันที ชี้ให้เห็นพรรคเพื่อไทยมีความเป็นอิสระดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่” นายศรีสุวรรณกล่าว
ไทยรักษาล่าล้านชื่อต้านยกเลิก ม.112
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน กลุ่มไทยรักษา ในเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นำโดยนายกิตติศักดิ์ ยานาบัว และนางวริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนคัดค้านการเสนอยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 รณรงค์ให้ผู้สนับสนุนสวมเสื้อสีขาวมาร่วมลงชื่อเป็นวันแรก มีผู้เห็นด้วยทยอยร่วมลงชื่อต่อเนื่องจนถึงเวลา 18.30 น.จึงยุติ นางวริษนันท์กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 112 ไม่ได้ทำร้ายหรือเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งใคร พวกเราฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำผิด มาตรา 112 เพราะในหลวงและพระราชินี ไม่สามารถออกมาฟ้องร้องได้เอง กล้ายืนยันว่าฟ้องร้องไปตามหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างเปิดเผย ไม่ใช่กลั่นแกล้งทางการเมืองเช่นที่บางพรรคบิดเบือน สร้างกระแสยกเลิกมาตรา 112
ด้านนายกิตติศักดิ์กล่าวว่า เปิดตัวแคมเปญรณรงค์เป็นทางการแล้ว จากนี้พวกเราจะไปเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อผ่านสื่อออนไลน์ มีเป้าหมายให้ได้ 1 ล้านรายชื่อเป็นพยานหลักฐาน ยืนยันว่าคนไทยไม่เห็นด้วย กับการยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายมาตรา 112
“เรืองไกร” เล่นทุกทางบี้ยุบเพื่อไทย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันที่ 8 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องให้ กกต.สอบกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ดำรงตำแหน่ง ผอ.พรรคเพื่อไทย ขัดต่อมาตรา 28 และ 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ กรณี ห้ามคนนอกเข้ามาแทรกแซงพรรคการเมือง เนื่องจากนพ.สุรพงษ์เคยต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีความผิด เกี่ยวกับหน้าที่ราชการ 2 คดี คดีแรก ลงวันที่ 4 ส.ค.63 ศาลพิพากษามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 1 ปี แต่รอลงอาญา 1 ปี ส่วนอีกคดี ลงวันที่ 25 ส.ค.59 ศาลพิพากษามีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 157 ให้จำคุก 1 ปี กรณีดังกล่าว สงสัยว่าจะทำให้ นพ.สุรพงษ์ดำรงตำแหน่ง ผอ.พรรคได้หรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 70 หัวหน้า พรรคตั้งสมาชิกเป็น ผอ.พรรคได้ โดยรายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ แต่ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 12 ระบุบุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิกพรรค เช่น บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปี หรือเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
“สุรพงษ์” ต้องโทษ ม.157 นั่ง ผอ.พรรค
“ดังนั้น นพ.สุรพงษ์น่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือ ผอ.พรรคเพื่อไทย การที่ นพ.สุรพงษ์ยังปรากฏตัวและปราศรัยนโยบายพรรคในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 28 ต.ค.64 และในวันที่ 3 พ.ย. เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยยังนำบทความนพ.สุรพงษ์มาลงไว้ จะเข้าข่ายเป็นบุคคลอื่นที่มิใช่สมาชิกพรรคแทรกแซงพรรคการเมืองหรือไม่ ถ้าฝ่าฝืน จะถือเป็นเหตุยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดหรือไม่ จึงยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ” นายเรืองไกรกล่าว
จี้ “ชวน” แจง ส.ส.ยื่นถอด “นิพนธ์”
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ได้ส่งจดหมายอีเอ็มเอส ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ให้ชี้แจงทำความ เข้าใจกับ ส.ส.กรณีนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการ ประธานสภาฯ ระบุถึงการที่ ส.ส.ก้าวไกลยื่นหนังสือถึงนายชวนให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่นั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะนายนิพนธ์เป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ต้องไปยื่น เรื่องต่อ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ความเห็น นายสมบูรณ์คลาดเคลื่อน ตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ผิดพลาด ก่อนหน้านี้ ส.ส. เคยยื่นประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งไม่ใช่ ส.ส.มาแล้ว นายชวนควรแก้ไขชี้แจงให้ ส.ส.เข้าใจให้ถูกต้องโดยเร็ว ขอให้ชี้แจงต่อ ส.ส. ในที่ประชุมสภาวันที่ 10 พ.ย.
“บิ๊กป้อม” ส่ง “อนุมัติ” ร่วมทีมยึด ส.ส.ใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่าหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ จ.สงขลาเมื่อวันที่ 6 พ.ย. โดยนายอนุมัติ อาหมัด อดีต ส.ว. ที่เพิ่งลาออกเมื่อวันที่ 3 พ.ย. มาร่วมต้อนรับด้วย มีรายงานว่า นายอนุมัติจะมาเป็นกำลังสำคัญทำพื้นที่ เลือกตั้งภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง จ.พัทลุง สงขลา ปัตตานี สตูล ยะลา และ จ.นราธิวาส นายอนุมัติ ถือว่ามีฐานคะแนนมาก โดยเฉพาะ จ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เคยลงสมัครเลือกตั้ง ส.ว.สงขลา ปี 57 ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 นายอนุมัติได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนลาออกต้นเดือน มี.ค.62 มาช่วยงานเลือกตั้งภาคใต้ตอนล่าง กระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น ส.ว.เดือน พ.ค.62 และลาออก คาดว่านายอนุมัติเตรียมสมัครสมาชิกเป็นสมาชิกพปชร.เร็วๆนี้ ถือเป็นสายตรงของ พล.อ.ประวิตรในการเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า
“จุรินทร์” ลุย กทม.ดูบ้านมั่นคง
เมื่อเวลา 10.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ลงพื้นที่ชุมชนริมคลองบางบัว เขตหลักสี่ กทม. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคดูแลภาค กทม. ผู้สมัคร ส.ก. และคณะมอบถุงน้ำใจ ปชป.และติดตามโครงการบ้านมั่นคงพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองที่ก่อสร้างเสร็จเพิ่มเติม
นายจุรินทร์กล่าวว่า ขอให้ประชาชนช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้สวยงาม สะอาด เมื่อบ้านเสร็จจะมีทางเดินริมคลอง ภาครัฐจะเข้ามาช่วยให้คลองใส ชุมชนบ้านมั่นคงจะเป็นจุดท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวนั่งเรือเที่ยวเหมือนในหลายประเทศ เป็นนโยบายหนึ่งที่พรรคจะสนับสนุน ส่วนการดูแลราคาสินค้า ผู้ใดค้ากำไรเกินควรจะให้ดำเนินคดีทุกรายโดยเคร่งครัด โทษสูงมากจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนราคาผักแพงขึ้นจริงช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากภาคกลางแหล่งผลิตใหญ่น้ำท่วมเสียหายมาก ระหว่างนี้จะจัดโมบายพาณิชย์ลดราคาผัก!ช่วยประชาชน เปิดตัวแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ย.
พลังชลอึดไม่ควบรวมพรรค
นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังชล กล่าวว่า พรรคเตรียมจัดประชุมใหญ่พรรคอีกไม่นาน จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรแล้วแต่ที่ประชุม ขอยืนยันไม่ไปควบรวมกับใคร จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคแน่นอน จะกี่เขตกี่คนต้องรอความชัดเจนการแบ่งเขตเลือกตั้ง การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น เราเปิดกว้างให้ผู้สนใจมาร่วมงานการเมือง ยังยึดมั่นอุดมการณ์เหมือนเดิม อดีต ส.ส.บางคนที่ไปร่วมงานกับพรรคอื่นเป็นสิทธิ หากไปแล้วประสบความสำเร็จยินดีด้วย แต่บางครั้งออกไปแล้วไปวิจารณ์ทำให้คนอื่นเสียหายไม่สมควร ชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้ดี ใครเป็นอะไรอย่างไร ไม่จำเป็นต้องไปสร้างภาพทำให้ตัวเองดูดี ความจริงคือความจริงปฏิเสธไม่ได้
“วันชัย” ทาย 3 เดือนเลือกตั้งใหม่
วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองจากดวงดาวระบุว่า ตามหลักโหราศาสตร์ วันจันทร์ที่ 8 พ.ย. ดาวพฤหัสเคลื่อนตัวออกจากราศีมังกรไปอยู่ราศีกุมภ์ มีดาวเสาร์จรมาอยู่ในราศีมังกร ทำให้ดาวเสาร์และดาวพฤหัสแยกออกจากกัน เป็นปฐมบทอย่างสำคัญในบ้านเมือง เรื่องของผู้มีอำนาจกับผู้จ้องล้มรัฐบาลก็ยืนกันคนละมุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด “ดาวพฤหัสอยู่มุมหนึ่ง ดาวเสาร์อยู่อีกมุมหนึ่ง นับแต่วันที่ 8 พ.ย. ตามดวงดาวจะแยกฐานที่มั่นกันชัดเจน ต่างฝ่ายต่างจองกฐินกันไว้ จะสงบสยบกันอยู่สักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่เกิน 1 พรรษา แต่ละฐานเมื่อตั้งมั่นแล้วจะไม่มีใครยอมใคร อาจถึงขั้นทางใครทางมัน สรรพกำลังของทุกฐานต้องกลับไปอยู่ที่ตั้ง เพื่อวางกำลังกันใหม่ เพียงแต่ดาวเสาร์กับดาวพฤหัสใครจะแข็งแรงกว่ากัน แต่ยืนยันตามดวงดาวว่าทุกคนต้องกลับบ้านเก่า อาจถึงคราวเลือกตั้งใหม่เสียแล้วกระมัง จะยุบสภาหรือเปล่าดวงดาวไม่ได้บอกไว้” นายวันชัยกล่าว
“ชัชชาติ” นำโด่งชิงผู้ว่าฯ กทม.
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 7” เมื่อวันที่ 1-3 พ.ย. จากผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพฯ 1,320 หน่วยตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 33.18 ระบุจะเลือกนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 16.59 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ร้อยละ 14.09 ระบุยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 6.74 ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล ร้อยละ 5.99 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 5.91 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ร้อยละ 4.09 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ร้อยละ 3.03 ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 2.42 ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 2.35 จะไปลงคะแนนไม่เลือกใคร (Vote NO) ร้อยละ 1.82 นายสกลธี ภัททิยกุล ร้อยละ 1.59 ผู้สมัครจากพรรคกล้า ร้อยละ 1.06 จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และร้อยละ 1.14 อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดีและผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย
“โครงการคนละครึ่ง” ฮิตโดนใจ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเสนอผลสำรวจ เรื่องนโยบายโดนใจ ช่วยประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,235 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 2-6 พ.ย. พบว่าความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายและมาตรการโดนใจ ช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติโควิด-19 และวิกฤติเศรษฐกิจคือร้อยละ 81.7 โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 71.4 การเปิดประเทศ ดึงรายได้เข้าประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เข้มไปกับมาตรการควบคุมโรคร้อยละ 53.7 โครงการธงฟ้าราคาประหยัด ลดราคาอาหาร ของกินของใช้ช่วยประชาชนลดภาระค่าใช้จ่าย โดยกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 52.2 มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 การจัดหาวัคซีนและตัวยาอื่นๆให้ประชาชนโดยกระทรวงสาธารณสุข และร้อยละ 50.2 โครงการประกันรายได้เกษตรกรพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ยางถ้วย ยางแผ่น มันสำปะหลัง ปาล์ม และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ
ภาพรวม รบ.สอบผ่านเฉียดฉิว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ปลื้มผลสำรวจนโยบายโดนใจช่วยประชาชนจากซูเปอร์โพลใน 5 อันดับแรก อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมต่อ นโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบความพึงพอใจของประชาชนอยู่ที่ 5.45 คะแนน
คาร์ม็อบจี้ตรึงดีเซล-ลดภาษีน้ำมัน
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่หน้ากระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) และกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก นำโดยน.ส.รสนา โตสิตระกูล จัดกิจกรรมคาร์ม็อบจากหน้ากระทรวงพลังงานไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 25 บาท ลดภาษีน้ำมัน 5 บาท โดยแจกริบบิ้นสีเขียวไปผูกติดรถที่สัญจรไปมา พร้อมติดป้ายข้อความ อาทิ ประชาชนไม่ใช่ตู้เอทีเอ็ม พร้อมป้ายเปรียบเทียบราคาน้ำมันระหว่างไทยและมาเลเซีย จากนั้นเคลื่อนขบวนรถ 5-6 คันไปตามเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธินและ สน.บางซื่ออำนวยความสะดวก ก่อนยุติกิจกรรมเวลา 12.30 น.
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธาน คปพ. กล่าวว่า ประชาชนเดือดร้อน เราเรียกร้องให้ลดภาษีน้ำมัน 5 บาท แต่รัฐบาลลด 5 สตางค์ ช่างกรุณาเหลือเกิน พี่น้องเดือดร้อนค่าครองชีพให้ร่วมกันติดริบบิ้น สติกเกอร์หรือผ้าสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ที่รถว่าคนทั่วประเทศเดือดร้อน ภาครัฐมีรายได้ภาษีน้ำมันปีละ 2 แสนกว่าล้าน ขอให้ลดลงมาเพื่อให้ชาวบ้านทำมาหากินได้
