เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน ระบุกองทัพรัสเซียได้ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ต่อเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนด้วยจรวดร่อน จุดที่ถูกโจมตีมีทั้งสถานีไฟฟ้าและระบบคมนาคมที่ถูกใช้ในการขนส่งอาวุธของชาติตะวันตก ขณะที่กองทัพยูเครนอ้างว่า กองทัพยิงสกัดกั้นจรวดได้ส่วนใหญ่และวิศวกรอยู่ระหว่างการซ่อมแซมระบบไฟฟ้า
ทั้งนี้ การโจมตีระลอกใหม่ของรัสเซียมีขึ้นหลังมีรายงานการใช้โดรนโจมตีฐานทัพรัสเซียในเขตซาราตอฟและเรียซาน ลึกในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งสื่อความมั่นคงรัสเซียรายงานด้วยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์รุ่นตูโปเลฟได้รับความเสียหายที่บริเวณหางและมีทหารรัสเซียเสียชีวิต 3 นาย
ต่อมา นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดี ยูเครน ซึ่งเดินทางเยือนภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของประเทศรอบใหม่ ได้กล่าวว่าประชาชนชาวยูเครนจะไม่มีทางยอมแพ้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ความมั่นคงตั้งคำถามว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของยูเครนสกัดกั้นจรวดของรัสเซียได้ดังอ้างหรือไม่ เนื่องจากบริษัทพลังงานของยูเครนประกาศเตือนประชาชนยูเครนในทุกจังหวัดให้เตรียมรับมือกับไฟดับสนิท และจะมีการตัดไฟเพื่อลดภาระของระบบ ขอให้ผู้คนชาร์จเพาเวอร์แบงก์และตุนน้ำประปาไว้ใช้ ทั้งมีรายงานว่า จังหวัดซูมีทางภาคเหนือไฟดับทั้งจังหวัด ก่อนหน้านี้ทางการยูเครนระบุว่าระบบไฟฟ้าของยูเครนเสียหายหรือถูกทำลายแล้วกว่า 50%
ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันต่อมาว่า ปฏิบัติการยิงถล่มยูเครนด้วยจรวดร่อนจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์มีเป้าหมายทำลายระบบพลังงานและความสามารถของยูเครนในการขนส่งอาวุธและกำลังพล ซึ่งเป้าหมาย 17 แห่งที่กองทัพวางไว้ถูกโจมตีทั้งหมด
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐฯ รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯว่า กองทัพสหรัฐฯได้ทำการตั้งค่าพิสัยของรถยิงจรวด “ไฮมาร์ส” ที่ส่งมอบให้กองทัพยูเครนไว้ ไม่ให้มีระยะยิงเกินกว่าที่กำหนด เพื่อป้องกันกรณียูเครนไปหาทางครอบครองหัวรบพิสัยไกลที่สามารถยิงโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย.