“รวมไทยยูไนเต็ด” เสนอ “ปฏิรูปกฎหมาย-อายุความ” ป้องกันหนีคดี เปรียบ “คนจนขโมยพันบาทติดคุกหัวโต” ต่างจาก “คนรวยปล้นพันล้านบาทใช้ชีวิตไฮโซ”
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.65 ที่ผ่านมา นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเรื่อง “คนจนขโมยพันบาท ติดคุกหัวโต คนรวยปล้นพันล้านบาท ใช้ชีวิตไฮโซ” ระบุว่า “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เอ่ยปากจะกลับบ้านทีไร ก็สะเทือนทั้งแผ่นดิน อย่างเช่นอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่มหาเศรษฐีหนีคดีบางคนกลับเมืองไทยมาได้อย่างเงียบ และใช้ชีวิตสุขสบาย คนไทยเราคุ้นเคยกับ “บุคคลต่างแดน” ในคดีการเมืองทั้งหลายแหล่เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโดนข้อหาอะไร การดำเนินคดีควรเป็นไปภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมในระบบประชาธิปไตย ไม่ใช่กฎหมายที่บิดเบือนภายใต้กระบอกปืนของเหล่านายพล”
“แต่สิ่งที่เราไม่ค่อยพูดถึงกัน คือ การหนีไปต่างแดนของผู้ซึ่งต้องคดี “อาชญากรรมคอปกขาว” (white-collar crime) ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบัญชี ทําธุรกรรมทับซ้อน ฟอกเงิน หลอกลวงให้ลงทุน อื่นๆ และการกลับมาเมืองไทยใช้ชีวิตสุขสบาย เพราะคดีสิ้นอายุความ ซึ่งสะท้อนไปถึงความเหลื่อมล้ำของสังคม คนจนขโมยพันบาทติดคุกหัวโต คนรวยปล้นพันล้านใช้ชีวิตไฮโซ และสะท้อนถึงความ (ไม่) มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ เพราะระบบเศรษฐกิจของเราขาด “accountability” คือความรับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำ เฉกเช่นเหล่าบุคคลต่างแดน ผิดหรือไม่ผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมายที่เป็นธรรม แต่ถ้ากฏหมายมีช่องโหว่ เราควรแก้ไขที่กฏหมาย” นายวรนัยน์ ระบุ
นายวรนัยน์ ระบุต่อว่า “หลักการของอายุคดีความ คือ การให้ความเป็นธรรมต่อจำเลยด้วยการดำเนินคดีในระยะเวลาที่อันควร ไม่ใช่ลากยาวเหยียดเป็น 10 ปี ซึ่งจําเลยอาจไม่มีความผิดจริง แต่ต้องมาเสียเงิน เวลา และชื่อเสียง เพื่อสู่คดีความ ซึ่งหมายความว่า กระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ล่าช้า แต่ช่องโหว่ของกฎหมาย คือ คนจนไม่มีที่ไป แต่มหาเศรษฐีหนีไปใช้ชีวิตไฮโซที่อื่นได้ หมดอายุความก็กลับมาใช้ชีวิตไฮโซที่เมืองไทย อีกผลกระทบ คือ อนาคตเศรษฐกิจของประเทศ แบคกราวนด์ของตนคือนักข่าวนักวิจารณ์ภาคภาษาอังกฤษ มีนักลงทุนต่างชาติขอปรึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยตลอดเวลา พวกเขามีความกังวลอยู่ 3 ปัจจัยหลัก : อาชญากรรมคอปกเขียว (รัฐประหาร) ทุจริตคอรัปชั่น และความไม่มี accountability ซึ่งพวกเขาไม่ได้ห่วงโจรข้างตึกปล้นหลักพัน พวกเขาห่วงโจรใส่สูทปล้นหลักพันล้าน แต่ลอยนวลได้เพราะช่องโหว่ของกฎหมาย พวกเขาเป็นห่วงความเสี่ยงของเงินลงทุนของตัวเอง”
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทวีปที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น เงินทุนอยากหลั่งไหลเข้ามา แต่มีหลายเหตุผลที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน เหตุผลที่สำคัญอันหนึ่งคือ ความไม่มี accouability เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรครวมไทยยูไนเต็ดต้องการผลักดัน คือ อายุคดีความต้องไม่ครอบคลุมการหนีคดี เพราะการหนีคดีคือการโกงกระบวนการยุติธรรม และพรรครวมไทยยูไนเต็ด จะติดตามกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆที่รับผิดชอบเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะต้องมีการผลักดัน นี่คือ accountability การรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งกฎหมายและวัฒนธรรมของประเทศไทยควรมี” นายวรนัยน์ ระบุ