รัฐบาลจ่อเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว เพิ่มเติมในปลายปีนี้ หลังผลการเปิดประเทศออกมาดี ต่างชาติแห่เข้าไทยเกือบ 4 หมื่นคน ลงทะเบียน Thailand Pass QR Code กว่า 1.7 แสนคน ภาพรวมยอดติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไม่พุ่งมาก หนำซ้ำหลายจังหวัดคนป่วยลดลง คนทำมาหากินได้เพิ่มขึ้น ด้าน สธ.เร่งฉีดวัคซีนแรงงานต่างด้าวทุกกลุ่ม รับเปิดประเทศด้วยสูตรไขว้ “ซิโนแวค-แอสตราฯ” กรมอนามัยย้ำร้านอาหารย่านถนนข้าวสารไม่มีป้ายสัญลักษณ์ SHA/SHA Plus ต้องทำตามมาตรการโควิด ฟรี เซตติ้ง 3 ข้อ ถึงให้นั่งดื่มเหล้าเบียร์ในร้านได้
หลังไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ทำตามข้อกำหนดทางสาธารณสุข สามารถเข้าไทยไม่ต้องกักตัว รวมถึงเปิดให้คนไทยได้ทำกิจกรรม/กิจการต่างๆ มากขึ้น มาครบสองสัปดาห์ ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รัฐบาลอาจคลายล็อก-เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่ม
ติดเชื้อใหม่ลดต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,079 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,899 คน มาจากเรือนจำ 171 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 คน โดยมาจากเดนมาร์ก 1 คน มาในโครงการแซนด์บ็อกซ์ ภูเก็ต จากรัสเซีย 3 คน มาในโครงการแซนด์บ็อกซ์ ภูเก็ต จากสหราชอาณาจักร 1 คน อยู่ในโครงการ Test&Go ภูเก็ต มาจากออสเตรเลีย 1 คน อยู่ในโครงการ Test&Go กทม. และมาจากกัมพูชา 3 คน ผ่านช่องทางธรรมชาติและด่านพรมแดนทางบก ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 6,917 คน อยู่ระหว่างรักษา 95,528 คน อาการหนัก 1,808 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 425 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,018,410 คน มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,902,846
ดับทะลุ 2 หมื่นศพ
ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 47 คน เป็นชาย 27 คน หญิง 20 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 37 คน มีโรคเรื้อรัง 7 คน โดยเป็นเด็กอายุ 13 ปี 1 คน ที่ กทม.ส่วนจังหวัดที่พบผู้เสียชีวิตมากสุด 3 อันดับแรก คือ จ.นครศรีธรรมราช 6 คน ตามด้วย สงขลา 5 คน และ กทม.4 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีจำนวน 20,036 คน
ต่างชาติเข้าไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 6
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 694 คน สงขลา 460 คน ปัตตานี 371 คน เชียงใหม่ 357 คน นครศรีธรรมราช 349 คน นราธิวาส 339 คน สมุทรปราการ 250 คน สุราษฎร์ธานี 244 คน ยะลา 204 คน ชลบุรี 180 คน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุ กทม.นครศรีธรรมราช และนราธิวาส พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากวันวาน ส่วนจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1-13 พ.ย.2564 ผ่านทางท่าอากาศยานต่างๆ รวม 44,774 คน เพิ่มขึ้นจากเดิม 5,255 คน เป็นผู้ติดเชื้อโควิด 52 คน เพิ่มขึ้นจากเดิม 6 คน อัตราการติดเชื้อคงเดิมคือร้อยละ 0.12
ฉีดวัคซีนเพิ่ม 3.73 แสนโดส
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 373,166 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 84,467,731 โดส จำแนกเป็นเข็มแรก 45,204,553 ราย คิดเป็นร้อยละ 62.8 ของจำนวนประชากร เข็มสอง 36,504,141 ราย คิดเป็นร้อยละ 50.7 ของจำนวนประชากร และเข็มสาม 2,759,037 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.8 ของจำนวนประชากร
ย้ำฉีดให้ต่างด้าวทุกกลุ่ม
ต่อมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสมถึงปัจจุบัน 84,467,731 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 45,204,553 คน คิดเป็นร้อยละ 62.8 ของประชากร จะพยายามติดตามผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมารับการฉีดให้มากที่สุด โดยขยายการให้วัคซีนไปถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องและไม่ได้ขึ้นทะเบียนได้แก่ แรงงานต่างด้าวภาคประมงและคนประจำเรือไทยในจังหวัดชายทะเล 21 จังหวัด, แรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ/ บ้าน, แรงงานต่างด้าวตามเขตชายแดน รวมถึงกลุ่มที่หนีภัยสู้รบในศูนย์พักพิง จ.ราชบุรี กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอนและตาก ตลอดจนกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมด จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มที่อยู่ในประเทศ ช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกคนในประเทศสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย
ใช้สูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตราฯ
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า ในการดำเนินการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร จะร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละกลุ่มเป้าหมาย สำรวจและจัดทำทะเบียนรายชื่อส่งให้หน่วยบริการสาธารณสุขนัดหมายเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจมีการจัดบริการเคลื่อนที่ในบางพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เพื่อให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยจะใช้สูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตราเซเนกา ให้เกิดภูมิคุ้มกันในระยะเวลาที่รวดเร็ว พร้อมทั้งลงข้อมูลการฉีดวัคซีนในระบบ MOPH IC ส่วนผู้ที่ไม่มีเลขหมายประจำตัว จะใช้วิธีสร้างฐานข้อมูลตัวแปร (Generate Code) เพื่อให้บันทึกข้อมูลและออกเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนได้ด้วย ซึ่งวัคซีนขณะนี้มีเพียงพอไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนทั่วไป ดังนั้น ขอความร่วมมือให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวในปกครองที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนได้ที่หน่วยบริการฉีดวัคซีนในพื้นที่
ย้ำทำ 3 ข้อโควิดฟรีเซตติ้ง
ขณะที่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงมาตรฐาน SHA สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารย่านข้าวสารว่า ตามที่กรุงเทพมหานครออกประกาศผ่อนคลายให้ร้านอาหารในกรุงเทพมหานครสามารถจำหน่ายและนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ โดยระบุว่าร้านอาหารจะต้องผ่านการประเมินมาตรฐาน SHA/SHA Plus หรือผ่านมาตรการ Covid-19 free settings ที่จะมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ ไม่จำเป็นต้องมีป้ายสัญลักษณ์ SHA/SHA Plus นั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านจำนวนร้านอาหารที่ประเมิน SHA กับ SHA Plus ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่มีร้านจำนวนมากที่อยู่ในมาตรฐาน Thai Stop Covid-19 plus และประเมินตามมาตรการ Covid-19 free settings กว่า 2 พันร้านอยู่แล้ว จึงมีการออกข้อกำหนดใหม่ว่า ถ้าร้านผ่านการประเมิน Thai Stop Covid-19 และทำมาตรการ Covid-19 free settings ก็สามารถอยู่ในเงื่อนไขที่นั่งบริโภคแอลกอฮอล์ในร้านได้ ซึ่งวันที่ 1 ธ.ค.จะมีการดำเนินในส่วนนี้เต็มที่ ทั้งนี้ มาตรการ Covid-19 free settings จะต้องผ่านการประเมินใน 3 ส่วน คือ 1.สิ่งแวดล้อมต้องมีการประเมินใน Thai Stop Covid-19 มีระบบระบายอากาศดี 2.ผู้ให้บริการ ต้องฉีดวัคซีนครบโดสตามเกณฑ์ ตรวจคัดกรอง ATK ตามความเสี่ยง และ 3.ผู้เข้ารับบริการ ต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือตรวจ ATK แยกตามความเสี่ยงก่อนเข้าบริการ
“บิ๊กตู่” พอใจจ่อเปิดพื้นที่เพิ่ม
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว. กลาโหม พอใจผลการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอด 2 สัปดาห์ ทั้งรูปแบบเทสแอนด์โก แซนด์บ็อกซ์ รวมถึงกักตัว 7 และ 10 วัน มีผู้เดินทางเข้าประเทศสะสมเกือบ 40,000 คน สายการบินแสดงความจำนงเปิดเส้นทางการบินจากภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลางเข้าประเทศไทยเพิ่ม ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอรับ Thailand Pass QR Code ผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ตั้งแต่ 1-13 พ.ย. รวม 173,637 คน ได้รับการอนุมัติ 134,086 คน สะท้อนว่าต่างชาติมีความเชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพ มีมาตรการสาธารณสุขที่รัดกุม ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ ควบคู่ไปกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ ห่วงโซ่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาเปิดกิจการได้มากขึ้น นายกฯในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ยังให้แนวทางเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในปลายปีนี้และต้นปีหน้าอีกด้วย ส่วนการเปิดการเรียนการสอนที่จะมีเพิ่มนั้น รัฐบาลเพิ่มความพร้อม ความมั่นใจให้นักเรียน ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษา ด้วยการฉีดวัคซีน โดยมีนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,917,736 คน ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 3,423,581 คน หรือร้อยละ 87.39 และฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 640,731 คน หรือร้อยละ 16.35
โอนเงินช่วยแท็กซี่-วิน จยย.
นายธนกรกล่าวอีกว่า มาตรการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 และประกอบอาชีพขับรถอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าเงื่อนไข ยืนยันตัวตนตรวจสอบข้อมูล ยอดลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือ 10,789คน เป็นผู้ขับรถแท็กซี่ 5,921 คน และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ 4,868 คน ตรวจสอบแล้วมีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ 7,017 คน และรอผลตรวจสอบสิทธิ 3,772 คน กำหนดโอนเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิรอบแรกวันที่ 16 พ.ย.นี้ ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนกรณีเช่ารถแท็กซี่ขับกรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้เช่าก่อนพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่ และจะกำหนดวันสำหรับโอนรอบที่ 2 ต่อไป
โพลชี้คนพอใจที่เปิดประเทศ
วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่องความพอใจของประชาชน หลังเปิดประเทศ 2 สัปดาห์แรก จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,147 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย.2564 พบว่าร้อยละ 77.7 พอใจต่อการบริหารจัดการ การเร่งฉีดวัคซีนต่อเนื่องให้เกินร้อยละ 45 ตามแผนที่วางไว้ของรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 77.6 พอใจต่อภาพที่เห็นของการเปิดประเทศ การทำธุรกิจ การค้าการขายที่กลับมาคึกคักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ร้อยละ 77.2 พอใจต่อการเปิดประเทศและมาตรการต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจและการควบคุมโรคที่มีผู้ติดเชื้อต่ำกว่าการคาดการณ์ ร้อยละ 76.9 พอใจต่อความสามารถกลับมาประกอบอาชีพ ทำมาหากิน ได้ตามปกติ ร้านค้าต่างๆ เริ่มเปิดธุรกิจ มีเงิน มีเศรษฐกิจในครัวเรือนที่ดีขึ้น ร้อยละ 76.7 พอใจต่อการบริหารจัดการภายในประเทศ ที่ทำให้ตัว เลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 75.8 พอใจที่ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ผ่อนคลาย หลังจากกักตัวอยู่ที่บ้านยาวนาน ดีใจที่ได้กลับมาใช้ชีวิตวิถีใหม่ ควบคู่การควบคุมโรคเคร่งครัดไปพร้อมๆกับการมีสังคมพบปะกันมากขึ้น และร้อยละ 75.6 พอใจที่โรงเรียนและสถานศึกษาเปิดเทอมให้เด็ก นักเรียน นักศึกษาได้ไปเรียน
ให้จัดการพวกลอบเข้าไทย
ขณะที่ร้อยละ 85.5 ต้องการให้ป้องกันดูแลแนวชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำจากการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การจัดการแรงงานต่างด้าว หรือการส่งกลับและนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุจริตต่อหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกฎหมายสูงสุดที่อยู่ในกระบวนการการค้ามนุษย์ และจัดนำแรงงานผิดกฎหมายเข้าระบบให้ถูกต้องตามกฎหมายลดการทุจริต และร้อยละ 79.2 ต้องการให้เพิ่มและขยายพื้นที่การจัดแผนรองรับนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมากขึ้นในพื้นที่ที่ปลอดภัย
โควิดกระบี่แนวโน้มลดลง
วันเดียวกัน ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กระบี่ ว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 86 คน ผู้ติดเชื้อสะสม 8,800 คนเสียชีวิต 39 คน คิดเป็นร้อยละ 0.43 การระบาดเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.ถึงปลาย ต.ค. ขณะนี้แนวโน้มลดลง ช่วง 20 วันที่ผ่านมามีผู้ป่วยรายวันไม่เกิน100 คน สัดส่วนไม่เกิน 20 ต่อแสนประชากร การติดเชื้อช่วงหลังเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ส่วนผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีน โดยมีเพียง 3 คนที่รับวัคซีน โดยฉีดเข็มเดียว 2 คน และฉีดครบ 2 เข็ม 1 คน
ห่วงคลัสเตอร์ลอยกระทง
นายสาธิตกล่าวด้วยว่า การเปิดประเทศ กรณีนักท่องเที่ยวเข้ามาผ่านระบบพบติดเชื้อร้อยละ 0.08 ถือว่าน้อย เพราะตรวจจับได้ ที่ห่วงคือเมื่อเปิดประเทศมีการจ้างงานแรงงานต่างด้าวต้องระมัดระวัง รวมถึงคลัสเตอร์ใหม่ๆ ประชาชนผ่อนคลายจากการอัดอั้นมานาน โดยเฉพาะช่วง ลอยกระทงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จึงอยากสื่อสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าถ้าทำสำเร็จ การรักษาวินัย ฉีดวัคซีนครอบคลุม โฟกัสกลุ่มเสี่ยง คิดว่า 14 วันนี้ ถ้าเรากลั้นใจอดทน รักษามาตรการ 14 วันนี้เราจะผ่านไปได้ไม่สะดุด
6 จว.ใต้โควิดยังไม่นิ่ง
ขณะที่สถานการณ์ใน 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส สุราษฎร์ธานี และยะลา ยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากติดอันดับประเทศ โดย จ.สงขลา ข้อมูล ณ วันที่ 14 พ.ย. พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 463 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ศพ ส่วน จ.นครศรีธรรมราช ติดเชื้อเพิ่มพุ่งไปที่ 431 คน เสียชีวิตอีก 1 ศพ ขณะที่ จ.นราธิวาส ติดเชื้ออีก 186 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ อยู่ใน อ.เมือง สำหรับ จ.ปัตตานี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 267 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 ศพ ด้านจ.ยะลา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 204 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1ศพเป็นหญิง อายุ 60 ปี ชาว ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา ด้านนายสุชาติ อนันตะ รอง สสจ.ยะลา เปิดเผยว่าจากรถพระราชทานชีวภาพ ตรวจโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.-13 พ.ย.2564 จำนวน 2,861 คน พบผลบวก 410 คน ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ทันที พร้อมตรวจยืนยัน 127 คน ทั้งหมดเข้าระบบการรักษาเรียบร้อยแล้ว โอกาสเดียวกันบริการฉีดวัคซีนอีก 195 คน
งานบุญขึ้นบ้านใหม่พบป่วยพุ่ง
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.กาฬสินธุ์ ที่มีผู้ติดเชื้อหลายคลัสเตอร์นั้น นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่ากรณีคลัสเตอร์งานศพบ้านบัวขาว ม.12 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อเท่าเดิมคือ 92 คน รอผลตรวจกว่า 700 คน ส่วนคลัสเตอร์งานบุญกฐินสามัคคีวัดบ้านบึง อ.กมลาไสย พบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 20 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนโรคติดตามกลุ่มเสี่ยง นำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบรักษาพร้อมนำกลุ่มเสี่ยงเข้าสู่ระบบกักตัวเฝ้าระวัง ภาพรวมสามารถควบคุมโรคได้ทั้งหมดแล้ว แต่ในส่วนคลัสเตอร์งานบุญขึ้นบ้านใหม่ในชุมชนหนองผ้าอ้อม อ.สมเด็จ ซึ่งพบผู้ป่วยแล้ว 9 คน และใน อ.สหัสขันธ์ อีก 1 คน เป็นผู้มาร่วมงาน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 19 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้แล้ว 29 คน เจ้าหน้าที่ได้เร่งสอบสวนโรค ตรวจคัดกรอง และอยู่ระหว่างติดตามตัวกลุ่มเสี่ยง คาดว่าในอีก 2-3 วัน จะสามารถติดตามกลุ่มเสี่ยงได้ครบ
ติดเชื้อใน ร.ร.ทำกักตัวเพียบ
ส่วนบรรยากาศบ้านโนนสมบูรณ์ อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ตลอดวันที่ 14 พ.ย. มีแต่ความเงียบเหงา หลังโควิด-19 ระบาดในโรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์ มียอดผู้ป่วยทั้งนักเรียนและผู้ปกครองยืนยัน แล้ว 26 คน ชาวบ้านต้องกักตัวถึง 88 หลังคาเรือน ยอดรวมประมาณ 173 คน
อังกฤษปรับเวลาฉีดเข็ม 3
สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กลับมาลุกลามอย่างต่อเนื่องภูมิภาคยุโรป จากการระบาดระลอกใหม่ในหลายประเทศ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเปิดเมืองเต็มรูปแบบ ควบคู่กับอัตราการฉีดวัคซีนที่เริ่มชะลอตัว เนื่องด้วยความเชื่อว่าสถานการณ์ดีขึ้น การรับฟังข้อมูลจากกลุ่มการเมืองขวาจัดที่มีแนวคิดต่อต้านการฉีดวัคซีน ไปจนถึงความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล โดยที่เยอรมนี พบอัตราผู้ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และกลุ่มคนสูงอายุมากกว่า 60 ปี ที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่มีโรครุมเร้า ขณะที่อัตราติดเชื้อรายวันพุ่งเป็น 40,000-50,000 คนต่อวัน ซึ่งทางการออกมาตรการให้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ต้องยื่นหลักฐานการฉีดวัคซีนเวลาเข้าใช้บริการร้านอาหาร โรง ภาพยนตร์ ร้านเสริมสวย ส่วนรัฐบาลอังกฤษเปลี่ยนเงื่อนไขการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส จากเดิมอนุญาตให้ฉีดได้หลังได้รับเข็มที่ 2 ผ่านไป 6 เดือน ให้กลายเป็น 5 เดือนแทน เนื่องจากกังวลสถานการณ์ในยุโรป