ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เผยพร้อมเบนเข็มส่งออกพลังงานไปเอเชีย หลังยุโรปตั้งเป้าลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่เตือนว่าชาติยุโรปต่างหากจะอยู่ไม่ได้ถ้าตัดการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียทันที
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวในการประชุมของคณะรัฐมนตรีเรื่องอุตสาหกรรมพลังงาน ที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า เราจำเป็นต้องปรับนโยบายการส่งออกพลังงานจากสถานการณ์ในอนาคตที่คาดการณ์ได้ว่า พลังงานที่ส่งออกไปชาติตะวันตกจะลดลง และรัสเซียควรเดินตามแนวทางที่เริ่มไว้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในการเปลี่ยนเป้าหมายการส่งออกอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทางตอนใต้และตะวันออกของโลก
ถ้อยแถลงของผู้นำรัสเซีย มีขึ้นหลังจากรัฐบาลชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรต่อภาคการเงินของรัสเซีย เพื่อตอบโต้การบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. และประกาศมาตรการห้ามนำเข้าหรือลดการนำเข้าน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินจากรัสเซีย แต่ปูตินเตือนว่าความพยายามของชาติตะวันตก ที่จะหันไปนำเข้าพลังงานจากแหล่งอื่นแทนรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยุโรปจะไม่สามารถนำเข้าก๊าซจากแหล่งอื่นแทนที่ก๊าซของรัสเซียได้ทั้งหมดในทันที
รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปริมาณเกือบ 1 ใน 10 ของทั้งโลก และผลิตก๊าซได้เกือบ 1 ใน 5 ของทั้งโลก และสหภาพยุโรปหรืออียูนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากถึงเกือบ 40% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด
นอกจากนี้ปูตินสั่งการให้รัฐบาลเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เส้นทางรถไฟ ท่อส่ง และท่าเรือ สำหรับการส่งออกน้ำมันและก๊าซไปยังตลาดที่น่าสนใจในโลกฝั่งตะวันออกและตอนใต้ โดยกำหนดให้เสนอแผนขยายโครงสร้างการขนส่งพลังงานไปยังประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก ภายในวันที่ 1 มิ.ย.
รัสเซียเพิ่งเริ่มการส่งออกก๊าซผ่านท่อส่งไปจีนเมื่อสิ้นปี 2562 และในเดือน ก.พ.ปีนี้ ตกลงทำสัญญาส่งออกก๊าซนาน 30 ปี ผ่านท่อส่งใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างอีกด้วย