วอลล์ สตรีท เจอร์นัล เปิดเผยว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก (Facebook) มีความสามารถในการจัดการประทุษวาจาได้เพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เฟซบุ๊ก ออกโรงโต้ ที่จริงแล้วสามารถจัดการได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์
สำนักข่าววอลล์ สตรีท เจอร์นัล ตีพิมพ์บทความชิ้นใหม่ โดยจับเฟซบุ๊กมาขึงพืดอีกครั้งหนึ่ง โดยหลักใหญ่ใจความในบทความชิ้นดังกล่าว เป็นการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ที่เฟซบุ๊กพัฒนาขึ้นว่า ถึงที่สุดแล้วสามารถจัดการกับประทุษวาจา หรือเฮทสปีช (Hate speech) ได้น้อยมาก
ปัญญาประดิษฐ์ที่เฟซบุ๊กสามารถตรวจจับได้ เมื่อนำมาเทียบเคียงกับเอกสารที่ฟรานเซส เฮาเกน อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ที่นำเรื่องออกมาเปิดเผย ก็พบว่า ปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก สามารถจัดการเนื้อหาประเภทที่แสดงถึงความเกลียดชังได้เพียงแค่ 3-5 เปอร์เซ็นต์ และถ้าเป็นเนื้อหาที่แสดงถึงความรุนแรงกลับยิ่งทำได้แย่กว่านั้น โดยสามารถจับได้เพียงแค่ 0.6 เปอร์เซ็นต์
วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานต่อไปว่า อันที่จริงแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก ไม่สามารถระบุคอนเทนต์ที่มีความเหยียดเชื้อชาติได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีปัญหาไม่สามารถแยกแยะคอนเทนต์อย่างการชนไก่และอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้
อย่างไรก็ดี ทางเฟซบุ๊ก นำโดยกาย โรเซน รองประธานด้านจริยธรรมของเฟซบุ๊ก ได้เขียนบล็อกในหัวข้อที่มีชื่อว่า Hate Speech Prevalence Has Dropped by Almost 50% on Facebook ซึ่งเนื้อหาภายในบล็อกก็เป็นการตอบโต้การรายงานของวอลล์ สตรีท เจอร์นัล พร้อมกับอ้างว่า ที่จริงแล้วเฟซบุ๊กสามารถลดการนำเสนอข้อมูลที่แสดงถึงความเกลียดชังบนแพลตฟอร์มได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 3 ไตรมาสหลังสุด
กาย โรเซน กล่าวต่อไปว่า จากเอกสารที่หลุดออกมาสู่สาธารณชน เป็นความพยายามในการที่จะทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า ปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก มีประสิทธิภาพในการจัดการประทุษวาจาต่ำ และยังได้เน้นย้ำด้วยว่า เฟซบุ๊ก ไม่ต้องการเห็นข้อความเกลียดชังบนแพลตฟอร์มแห่งนี้ รวมถึงผู้ใช้งาน และลูกค้าที่มาลงโฆษณา และเฟซบุ๊กก็มีความโปร่งใสที่จะลบเนื้อหาเหล่านั้นออกไป