สรุปมติ ศบค.ชุดใหญ่ เรื่องแผน “เปิดประเทศ” เบื้องต้นยังเป็น 5 ประเทศ ที่เข้าไทยได้แบบไม่กักตัว พร้อมทั้งเห็นชอบให้ยกเลิกการกำหนดประเทศที่เป็นความเสี่ยง โควิด-19 ออกจากลิสต์
วันที่ 14 ต.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวถึงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุม ว่า แผนรองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ ที่จะมีการเปิดรับประเทศที่เสี่ยงต่ำอย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐอเมริกา นั้น ในที่ประชุม ได้มีการพูดคุย ให้ยกเลิกการกำหนดประเทศที่เป็นความเสี่ยง โควิด-19 เนื่องจากเป็นเรื่องเดิม ต่างประเทศก็มีการยกเลิกเช่นเดียวกัน อีกทั้งเกณฑ์ต่างๆ เหล่านั้นไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังให้กำหนดเกณฑ์มาตรการส่วนบุคคล กำหนดการเข้าราชอาณาจักร เช่น การได้รับวัคซีน การตรวจ RT-PCR การกักกัน และเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆ เป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่า ส่วนแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการเข้าประเทศแบบไม่กักตัว ไม่จำกัดพื้นที่นั้น แผนการดำเนินงาน จะต้องมีเรื่อง การฟื้นฟูประเทศ สร้างความเชื่อมั่น และสร้างเสริมวัฒนธรรม ประกอบด้วย
โดยในเรื่อง แผนเปิดประเทศอย่างปลอดภัย หรือ Smart Entry ได้ดำเนินความสำคัญคือ การปรับแผนมาตรการของผู้เข้าประเทศ ลดการกักตัว ปรับการตรวจหาเชื้อ ค่าประกัน (รายละเอียดจะหารือกันอีกครั้ง) รวมถึงการเฝ้าระวัง การลักลอบเข้าประเทศ จัดระบบแรงงานเข้าประเทศ ซึ่งทางมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมจะเป็นผู้ดูแลและดำเนินการ
นอกจากนี้ ในแผนเปิดประเทศ ยังให้เตรียมแผนเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบาง เตรียมแผนด้านสาธารณสุข พัฒนาฐานข้อมูล และการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยในที่ประชุมได้สั่งให้ไปทำแผน ซึ่งภายใน 2 เดือนที่เหลือ ให้ ศบค. อนุมัติแผนดังกล่าวแล้วถ่ายทอดไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้จัดทำแผนและดำเนินการ โดยให้วันที่ 1-31 พ.ย. นี้ เป็นระยะที่ 1 จากนั้นจะมีการประเมินและดำเนินการในระยะที่ 2 ส่วนระยะที่ 3 คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป
นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวในตอนท้ายเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมวันนี้ สรุปแล้วมีการเห็นชอบ คือ
1.ให้เข้าประเทศแบบไม่กักตัว ไม่จำกัดพื้นที่ แต่ยังไม่มีการแจ้งประเทศเพิ่มเติม
2.ยกเลิกการกำหนดประเทศที่เป็นความเสี่ยง โควิด-19
3.เห็นชอบแผนการรองรับเปิดประเทศ และแผนเร่งรัดในการเปิดประเทศ
โดยรายละเอียด ที่ประชุม ศปก.ศบค. จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.