วงจรปิดจับภาพสาววัย 19 ปี ดิ่งชั้น 4 ดับ แม่กลับจากทำงาน เห็นคนมุงหน้าตึก แค่เห็นขากับกางเกงของร่างที่นอนแน่นิ่ง จำได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 22.00 น. พ.ต.ท.สมัย เจริญราช สารวัตรสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุผู้ตกที่สูงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในโครงการแห่งหนึ่ง ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 5 ชั้น บริเวณชั้นล่างหน้าทางขึ้นบันได พบร่าง นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี สภาพนอนจมกองเลือดหมดสติ หายใจรวยริน มีบาดแผลแตกบริเวณศีรษะ เจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลด้วยการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยยื้อชีวิต
โดยมี นางไสว อายุ 40 ปี ผู้เป็นแม่ นั่งร้องไห้ปานจะขาดใจรอคอยปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นกับลูกสาว จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่พยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถเรียกลูกสาวกลับคืนมาให้ผู้เป็นแม่ได้ น.ส.เอ สิ้นใจลงในที่สุด ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์
จากการสอบสวนพยานแวดล้อมและกล้องวงจรปิด ทราบว่า ผู้ตายอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ห้องพักบริเวณชั้น 1 ภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นผู้ตายเดินขึ้นไปบริเวณชั้น 4 ก่อนที่จะไปยืนเกาะราวที่กั้นอยู่บริเวณช่องทางเดินหน้าบันไดเพียงลำพัง ก่อนที่ผู้ตายปีนข้ามกำแพงกั้นร่างตกลงมาจากชั้น 4 ร่วงลงมากระแทงพื้นชั้นล่าง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว
จากการสอบถาม นางไสว แม่ของผู้ตาย ซึ่งยังอยู่ในอาการเสียใจ กล่าวว่า ผู้ตายกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ชั้นปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์
ก่อนหน้านี้ ตนเองกับลูกสาวยังพูดคุยกันตามปกติดีและไม่มีลางว่าจะเกิดเหตุ กระทั่งกลับมาจากทำงานมีคนมุงอยู่หน้าตึก จึงรีบไปดูแต่เมื่อเห็นเพียงขาและกางเกงตนเองก็จำได้ว่าร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่คือลูกสาว
นางไสว กล่าวอีกว่า สำหรับมูลเหตุตนเองก็ยังไม่ทราบว่ามาจากอะไรกันแน่ กระทั่งได้ติดต่อไปยังลูกสาวคนเล็ก จนทราบว่าพี่สาวทะเลาะกับแฟนหนุ่ม จึงอาจจะเป็นปมเหตุที่ทำให้ลูกสาวคิดสั้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยจะได้เชิญพ่อและแม่ของผู้ตายไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก และมอบศพผู้เสียชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป