ส่อง 5 เทรนด์หลักด้านเทคโนโลยีช่วง ปี 2022-2025 เทคโนโลยีไหนบ้างที่จะเข้ามามีอทธิพลกับธุรกิจทั้งของไทยและของโลกนับจากนี้
ปรากฏการณ์ “เต่าบิน” ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติฟีเวอร์ในกลุ่มคนเมือง “หุ่นยนต์ขายกาแฟ” ของคาเฟ่อเมซอนที่ใครๆ ก็อยากลองใช้ ตู้แคชเชียร์อัตโนมัติในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงกับพนักงานเข้าไปทุกที หรือแม้แต่ตู้เก็บค่าที่จอดรถอัตโนมัติให้ห้างสรรพสินค้าที่ช่วยให้การเก็บเงินค่าที่จอดรถสะดวกรวดเร็วแบบไม่ต้องใช้พนักงานสักคน
..สิ่งเหล่านี้กำลังจะบอกอะไร ?
แม้การใช้ “ระบบอัตโนมัติ” ในธุรกิจต่างๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งในไทยต่างประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับระบบอัตโนมัติในยุคนี้ คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยอมรับการใช้งานระบบเหล่านี้มากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต
รวมถึงโควิด-19 ที่เร่งให้คนหลีกเลี่ยงการใช้บริการที่มีการสัมผัสจากคนสู่คน ทำให้ระบบอัตโนมัติกำลังจะมีอิทธิพลในโลกของธุรกิจมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคตอันใกล้
เมื่อมองไปถึง “เมกะเทรนด์” ของธุรกิจช่วง ปี 2022-2025 ก็พบว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหนึ่งที่กำลังส่งสัญญาณว่าโลกธุรกิจกำลังหมุนตามเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และไม่ใช่แค่หยิบมาเป็นลูกเล่นให้กลุ่มเป้าหมายสนใจเท่านั้น แต่ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจทำได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น หรือพลิกธุรกิจที่เคยเป็นผู้ตามให้กลายเป็นผู้นำตลาดไปเลยก็ได้
สรุป 5 เทรนด์หลักที่จะกำหนด “ทิศทางธุรกิจ” นับตั้งแต่วินาทีนี้ที่จะมีโอกาสได้เห็นภายในปี 2025 ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อเตรียมพร้อมเพื่อรับมือไม่ให้ถูกสลัดตกเทรนด์ หรือเพื่อเตรียมตัวรับโอกาสจากเทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำก่อนใคร
1. ระบบอัตโนมัติ (Automation)
ปี 2025 เป็นต้นไป คาดการณ์ว่าในอนาคตจะเห็นการสิ้นสุดของงานบางงาน หรืออาชีพหลายอาชีพ โดย McKinsey, Oxford และบริษัทอื่นๆ คาดการณ์ว่าจะมีงาน 800 ล้านตำแหน่งที่จะหายไปเนื่องจากระบบอัตโนมัติภายในปี 2030
โดยจะเริ่มต้นเทรนด์นี้จาก “hybrid AI” หรือการใช้ AI (Artificial Intelligence) ผสมผสานกับการทำงานของมนุษย์ และจะมีแนวโน้มถูก AI แทนทั้งหมดในบางงาน บางอาชีพ เพราะในหลายเรื่องเครื่องจักรหรือปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดกว่ามนุษย์ และนั่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในต้นทุนที่ต่ำลง และทำให้มีงานแบบใหม่ๆ หรืออาชีพเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน
2. เมตาเวิร์ส (Metaverse)
นับตั้งแต่เข้าปี 2022 ก็เริ่มเห็นหลายธุรกิจทยอยเข้าไปในโลกของเมตาเวิร์ส เพราะมองเห็นความเป็นไปได้ของโอกาสทางธุรกิจ ที่อยู่สามารถสนับสนุนธุรกิจมิติใหม่ๆ ในอนาคตได้
เช่น ช้อปปิ้งในร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงด้วยอีคอมเมิร์ซราวเดินทางไปเอง การซื้อเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ สำหรับอวาตาร์ดิจิทัล การจัดซื้องานศิลปะดิจิทัล ทรัพย์สิน และของสะสมในรูปแบบ NFT (Non-Fungible Token)
ไปจนถึงการโต้ตอบกับผู้ใช้เป็นอวาตาร์ดิจิทัลสำหรับการบริการลูกค้า การรับพนักงาน การขาย การบริการ และการสื่อสารทางธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การมีส่วนร่วมในประสบการณ์โซเชียลเสมือนจริง การซื้ออสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลและการพัฒนาบ้านเสมือนจริง การใช้ห้องเรียนเสมือนจริงเพื่อเติมพลังประสบการณ์การเรียนรู้ที่สมจริง
โดยโอกาสทางธุรกิจในเมตาเวิร์สสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการกระจายอำนาจ การทำงานร่วมกัน และการลดการเดินทาง จึงมีความเป็นไปได้ที่เมตาเวิร์ส จะไม่ใช่แค่กระแสในช่วงแรก แต่จะมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจที่อยู่ในเมตาเวิร์สได้จริงในอนาคต
3. 5G
ในอีกไม่ปีข้างหน้าจะมีเริ่มเห็นการขยายการใช้งาน 5G หรืออาจไปจนถึง 6G และอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมมากขึ้น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าระบบจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ และเกิดเร็วขึ้น โดยจะขยายไปได้เร็วแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและเงินทุนที่จะเป็นตัวกำหนดด้วย
เทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพนั้นจะทำให้การเชื่อมต่อจำนวนมากๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง IoT (Internet of Things) อาทิ รถยนต์ไร้คนขับ การผ่าตัดได้จากระยะไกล หุ่นยนต์ในโรงงาน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานซึ่งถือว่ามีความเร็วมากกว่าเทคโนโลยี 4G เกิน 10 เท่า
รวมถึงช่วยให้เกิดการใช้งาน AR และ VR ในกิจกรรมต่างๆ อาทิ การสำรวจภาคสนาม การสาธารณสุขทางไกล ความบันเทิง และท่อส่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการเข้าถึงการใช้งานคลาวด์คอมพิวติง ซึ่งธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการขับเคลื่อน เช่น ระบบค้าปลีก การซื้อขายออนไลน์ รวมถึงการใช้เครื่องมือสื่อสารในการทำงานต่างสถานที่จะดีเยี่ยมกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
4. บล็อกเชน (blockchain)
ข้อมูลจาก arabianbusiness คาดการณ์ไว้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าราว 40 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
ขณะนี้เทคโนโลยีบล็อกเชน กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบันเทิง ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อธุรกิจต่างๆ นำบล็อกเชนเข้ามาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการภายในองค์กรหรือระบบการชำระเงินก็ตาม สิ่งที่จะมีแนวโน้มเติบโตไปด้วยนั่นก็คือ “คริปโทเคอร์เรนซี”
มีการคาดการณ์ว่าในปี 2022 เป็นต้นไป สกุลเงินดิจิทัลจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้นในฐานะแหล่งการชำระเงิน บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งยอมรับการชำระเงินด้วย Bitcoin แล้ว ซึ่งเทรนด์นี้จะยังมีอิทธิพลอยู่ในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ส่วนจะเกิดขึ้นช้าเร็วขึ้นอยู่กับกฎหมายและการกำกับดูแลของแต่ประเทศ ซึ่งนั่นล้วนมีผลกระทบเกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน
5. หุ่นยนต์ (Robot)
แนวโน้มการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมต่างๆ และพบเห็นได้ชีวิตประจำวันของผู้คนจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI และการเรียนรู้ของระบบที่ทำได้เองเพียงมีข้อมูลที่ต้องการให้วิเคราะห์เข้าไปอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยประหยัดและสร้างรายได้แบบมนุษย์จะเหนื่อยน้อยลง ซึ่งตอนนั้นการใช้หุ่นยนต์ได้ผ่านขั้น Minimum Viable Product (MVP) หรือการใช้งานขั้นต้นไปแล้ว และจะมีโอกาสเห็นหุ่นยนต์ทุกชนิดจะอาศัยอยู่ตามบ้าน สำนักงาน โรงงาน โรงเรียน ร้านค้า หรือที่อื่นๆ ได้ทุกที ภายใน 5-7 ปีหลังจากนี้