ฮ.ทหาร นำศพ จนท.พิทักษ์ ออกจากป่าเขาแหลมสำเร็จ เพื่อนพิทักษ์ป่าเผย! มีอาการหลอน-ไหว้ต้นไทรใหญ่ ก่อนก่อเหตุ

พล.ร.9 ส่ง ฮ.ทหาร นำศพ จนท.พิทักษ์ป่า ออกจากป่าเขาแหลมได้แล้ว ตำรวจสอบเครียดเพื่อนพิทักษ์ป่าทั้ง 5 พยานเผยผู้ตายมีอาการหลอนตั้งแต่ 23-24 และไหว้ต้นไทรใหญ่ ก่อนก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 64 ความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือลำเลียง ศพเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตในป่าบ้านทิพุเย หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดย พลตรีบรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 ในฐานะ ผบ.กกล.สุรสีห์ พร้อม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ประชุมกับ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายกมลาศ อิสสอาด หน.อุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายสุภาพ งามทองเหลือง ผช.หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และกลุ่มนักบิน เพื่อซักซ้อมแผนปฏิบัติการลำเลียงผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและลำเลียงกลับสู่ศูนย์ปฏิบัติการชั่วคราวบ้านเรดาร์

จากนั้นเวลา 10.30 น. ฮ.เบลล์ 22 ลำเลียงศพมาที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ที่ จุดชมวิวป้อมปี่ อุทยานเเห่งชาติเขาเเหลม ต.ปรังผล อ.สังขละบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยเเพทย์ ได้เข้าตรวจสอบ เเละชันสูตรเบื้องต้น พบว่า ศพเริ่มอืด ส่งกลิ่นเหม็น และมีหนอนบริเวณแผลที่ถูกกระสุนปืนลูกซองจ่อยิงเข้าที่ใต้คางด้านขวากระสุนตุงที่ท้ายทอย จากนั้นได้นำศพผู้เสียชีวิต ไปที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ก่อนส่งร่างไปชันสูตรพลิกศพ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

จากนั้นกองพลทหารราบที่ 9 ที่มีความเชี่ยวชาญพื้นที่ ได้เข้าสนับสนุนยุทโธปกรณ์ และเฮลิคอปเตอร์ MI-17 เพื่อที่จะขนย้ายอุปกรณ์ที่เข้าไปตัดไม้ทำลานจอด ฮ.ชั่วคราว และลำเลียงเข้าหน้าที่ชุดเดินเท้าออกมา จากพื้นที่ป่าที่เกิดเหตุ โดยจะบินทั้งหมด 3 รอบ รอบแรกและรอบที่สอง ลำเลียงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ชุดเดินเท้าที่เข้าไปตัดถางต้นไม้ออกมาก่อน โดย รอบสุดท้ายเวลา 14.30 น. จะเป็นการขนย้ายอุปกรณ์หนักภารกิจเสร็จสิ้น

ส่วนที่ สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พร้อม ร.ต.อ.(หญิง) สถิตย์ภรณ์ เสือสด รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ พร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบหลักฐาน

โดย ผกก.สภ.ทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ก่อนสอบสวนคืบหน้ามาก พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวาน 3 ปาก และวันนี้สอบปากคำ พยานบุคคล เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 5 นายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีการเก็บหลักฐานลายนิ้วมือและเก็บชิ้นดีเอ็นเอพยานทุกคน ส่งตรวจนิติวิทยาศาสตร์ โดยต้องรอผลการตรวจศพและผลนิติวิทยาศาตร์นำมาประกอบสำนวนพิจารณาเกี่ยวกับสาเหตุที่เป็นแรงจูงใจที่ทำให้ก่อเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

อีกด้านจากการพูดคุยกับ 1 ใน 5 พยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นให้การว่า ผู้เสียชีวิตมีการเสพยาเสพติดประกอบกับระยะหลังดื่มสุราขาวหนัก จนเกิดอาการคลั่งและมีภาพหลอน ก่อนใช้มีดปลายแหลมความยาว 30 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายมีดปลายปืน เดินตรงไปฟันและแทงผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่ในเปล ทำให้ผู้บาดเจ็บพยายามวิ่งหนี หาที่หลบเอาชีวิตรอด โดยไม่รู้สาเหตุว่าผู้เสียชีวิตฟันผู้บาดเจ็บด้วยเรื่องอะไร

ขณะนั้นหัวหน้าชุดที่นำเจ้าหน้าที่เข้าไปด้วย ได้ตะโกนให้ทุกคนหาที่หลบ เพราะเห็นผู้เสียชีวิตได้วิ่งไปหยิบปืนลูกซองยาวของ 1 ในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมเดินทางไปด้วย และบรรจุกระสุน ก่อนใช้ไฟฉายพยายามส่องหาผู้บาดเจ็บ ก่อนจะวิ่งไปบริเวณลำห้วย 800 เมตร แล้วมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ไม่นาน นัดที่ 2 ดังตามมา จากนั้นทุกคนวิ่งไปดูผู้เสียชีวิต พบว่าใช้ปืนลูกซองยิงเข้าบริเวณ ลำคอด้านขวา กระสุนฝังในที่บริเวณท้ายทอยด้านขวา สภาพศพนอนกอดปืนลูกซองอยู่

โดยก่อนหน้าเกิดเหตุ วันที่ 23 พ.ย. นายคฑาวุธ เริ่มมีอาการพูดเพ้อเจ้อ เหมือนอาการหลอน ต่อมา วันที่ 24 พ.ย. ช่วงเย็น นายคฑาวุธได้ไหว้ต้นไทรใหญ่ ใกล้ที่พักแรม เมื่อกลับมาก็ถาม นายภาคภูมิ ว่า เขากระซิบมาว่ามึงแอบคบกับเมียกูรึเปล่า นายภาคภูมิก็ปฏิเสธ ว่าไม่ได้มีเรื่องนี้ ทั้งคู่โต้เถียงกันพักหนึ่ง แต่ก็ทำความเข้าใจกันได้ แต่พอเวลาประมาณ 1 ทุ่ม นายคฑาวุธได้เดินถือมีดฟันนายภาคภูมิ ต่อมานายคฑาวุธได้วิ่งไปหยิบปืนยิง 1 ครั้ง แต่ปืนไม่มีกระสุน ต่อมา นายคฑาวุธได้ค้นหาลูกกระสุนจากเป้สัมภาระ และบรรจุกระสุน 5 นัด จากนั้นยิงปืน 1 นัดและอีก 10 นาที ยิงอีกนัด จนพบว่าเป็นศพนอนเสียชีวิตที่ลำห้วยใกล้ที่พัก.