“เสี่ยหนู” ลั่น “กัญชา” โนรีเทิร์น ออกประกาศ สธ. สมุนไพรควบคุม ห้ามขายกัญชาออนไลน์-ตู้อัตโนมัติ

“เสี่ยหนู” ลั่น “กัญชา” โนรีเทิร์น ก่อนจะออกประกาศ สธ. สมุนไพรควบคุม ห้ามขายกัญชาออนไลน์-ผ่านเครื่อง อัตโนมัติ “วิษณุ” ชี้มีวิธีคุมกัญชาไม่ต้องแก้ ก.ม. พท.จี้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ บิ๊ก ปชป.กลบกระแสเลือดไหล “ชินวรณ์” เย้ยคนที่ไปจบเห่ทุกคน “ชัยชนะ” ลั่นจะอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย “ประวิตร” ปลุกขวัญลูกพรรคได้เลือกตั้งแน่ มั่นใจ ส.ส.ไม่มีใครทิ้ง พปชร. โยนถาม “ลุงตู่” จะไปจริงหรือ “อันวาร์” จ่อซบพปชร. “สันติ” แบะท่า “บิ๊กแป๊ะ” ร่วมวง “วิรัช” ร่ายกลอนอวย “ลุงป้อม” “วีระกร” พนัน “บิ๊กตู่” ไม่ไป รทสช. “กรุง” ไล่ “เสี่ยเฮ้ง” อย่ามาจุ้นบ้านคนอื่น พท.ให้สภาฯตัดสิน ก.ม.นิรโทษฯ “โรม” ไม่เอาด้วยกับร่าง “ระวี” “วิษณุ” ย้อนคนคิดยังไม่เข็ดหรือ “บิ๊กตู่” ชู 3 แนวทางฟื้นฟูอาเซียน

พรรคประชาธิปัตย์กลบกระแสเลือดไหล นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันประชาธิปัตย์ยังคงเป็นสถาบันการเมืองต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย ช่วงนี้แค่ผลัดใบ เพื่อรอออกดอกออกผลในวันข้างหน้า

เย้ยคนทิ้ง ปชป.จบเห่ทุกคน

วันที่ 11 พ.ย. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีโอกาสเล่าประสบการณ์กับพี่น้องร่วมอุดมการณ์ในพรรค สมัครเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราชครั้งแรกปี 2531 เพราะเกิดความแตกแยกภายในพรรคครั้งใหญ่ที่สุด กลุ่ม 10 มกราฯ อ้างว่าพรรคไม่มีอุดมการณ์ พรรคจะสูญพันธุ์ บางคนบอกว่าต้องไปต่อลมหายใจ คล้ายยุคนี้ ต้องต่อสู้กับพรรคประชาชนที่แยกตัวไปตั้งใหม่ชนกับระดับบิ๊กเนม เช่น พล.อ.หาญ ลีนานนท์ นายถวิล ไพรสณฑ์ ในที่สุดพรรคเหล่านั้นก็ล้มหายตายจาก คนที่ละทิ้งอุดมการณ์ไม่พบว่าใครประสบความสำเร็จ แต่ตนยังยึดมั่นอุดมการณ์อย่างมั่นคง แข่งขันกันภายในพรรคแพ้บ้าง ชนะบ้าง ถกเถียงทางความคิดที่รุนแรงกันบ้าง ถือว่าเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค

กำลังผลัดใบรอออกดอก–ผล

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า บางช่วงพรรคให้โอกาสเป็นเลขานุการรัฐมนตรี เป็นประธานวิปพรรค เป็นประธานวิปรัฐบาล และเป็น รมว.ศึกษาธิการ ที่มีผลงานชัดเจน ประชาชนก็ให้โอกาสทำงานมา 9 สมัยแล้ว จึงให้กำลังใจทุกคนว่าพรรคกำลังผลัดใบ และออกดอกออกผลต่อไป ที่สำคัญเรายึดมั่นในอุดมการณ์ ยึดมั่นในประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม มีความสามัคคี ประชาชนจะไม่ทิ้งเรา เพราะพรรคของเราเป็นของประชาชน ทำเพื่อประชาชน

ลั่นจะอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ช่วงใกล้ถึงการเลือกตั้งนักการ เมืองแต่ละคนต้องรีบตัดสินใจทางการเมืองจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งทราบ ความจริงไม่อยากให้ใครลาออกแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนล้วนมีศักยภาพสูง ทำงานให้พรรคมานานเป็นพี่เพื่อนน้องที่ร่วมลงสนามมาหลายครั้ง เชื่อว่าไม่ว่าจะสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไรจะมีการตั้งพรรคเพื่อหนุนคนอีกร้อยพรรคพันพรรค พรรคประชาธิปัตย์ยังคงอยู่ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อคนที่ออกไปได้ตัดสินใจแล้ว เราต้องยอมรับและเดินหน้าหาคนใหม่ที่มีใจและอุดมการณ์เดียวกัน ยังมีคนตั้งใจอยากทำงานกับพรรคอีกจำนวนมาก มีศักยภาพพอ ทั้งนี้ทุกคนในพรรคต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่ต้องชนกับ ส.ส.เดิมที่ย้ายออกไป เพื่อให้ได้ ส.ส.ตามเป้าหมายคือมากกว่าคราวที่แล้วเกิน 52 คนขึ้นไป

ขอให้โชคดีกับพรรคเฉพาะกิจ

นายชัยชนะกล่าวว่า เสียดายที่หลายคนออกไปจากพรรค อยากบอกว่าหลายพรรคที่ย้ายไปอยู่ บางพรรคก็ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนคนหนึ่งมีอำนาจ พอหมดอำนาจก็หมดจุดขาย บางพรรคก็รู้กันดีว่าถูกครอบงำให้ต้องทำตามคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ยังบงการอยู่ต่างประเทศ หรือคิดว่าไปอยู่พรรคนี้แล้วตัวเองจะไม่เป็นฝ่ายค้านแน่ๆ ขอให้โชคดีในสิ่งที่เลือก ส่วนพรรคเราต้องส่งเสริมคนใหม่ๆแทนคนเก่าที่ออกไปที่หลายคนกังวลว่าประชาธิปัตย์เลือดไหลไม่หยุด แล้วเราจะไม่สามารถอยู่เป็นพรรคหลักได้นั้น เป็นการยึดในตัวบุคคลจนลืมไปว่าพรรคการเมืองที่ดี ต้องมีความต่อเนื่องในการทำงานให้กับประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มีการถ่ายเลือดใหม่ ทดแทนเลือดเก่าที่ออกไป พรรคคุ้นเคยอยู่แล้ว

“สันติ” แบะท่า “บิ๊กแป๊ะ” ร่วมวง

ที่ รร.รามาการ์เด้นส์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มงานสัมมนา ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ว่า เป็นการจัดสัมมนาอบรมทักษะข้อกฎหมาย เตรียมพร้อมก่อนเลือกตั้ง จัดกลุ่มพูดคุยสร้างความสัมพันธ์กัน รวมถึงรับฟังนโยบายหลักและนโยบายย่อยนำไปทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไป เมื่อถามว่าหลังกิจกรรมนี้จะมีการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งหรือไม่ นายสันติตอบว่า ต้องดูต่อไป เมื่อถามว่ามีข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. จะมาร่วมงานกับพรรค และอาจมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายสันติตอบว่า เรื่องแคนดิเดต หรือใครจะมาอยู่กับพรรค ถือเป็นสิ่งดี พรรคเราเปิดกว้างให้คนมีความสามารถ มีศักยภาพ มีความน่าเชื่อถือ อย่าว่าแต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังมี นักวิชาการ นักลงทุน ที่ยังไม่พร้อมลงเลือกตั้ง แต่ขอ เข้ามาเป็นที่ปรึกษา มาเป็นแบ็กอัปให้เราจำนวนมาก

“วิรัช” ร่ายกลอนอวย “ลุงป้อม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างงานนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ได้เดินมาทักทาย พูดคุยกับสื่อมวลชนว่า “8 ห้องหัวใจมีแต่ พล.อ.ประวิตร” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าในใจมีแต่วงษ์สุวรรณ นายวิรัชตอบว่า “ในใจเท่านั้น” เมื่อถามว่าแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่ตรงไหน ทำให้นายวิรัชและกลุ่ม ส.ส.พร้อมใจกันชี้ไปทางนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่นายวิรัชยังคงพูดย้ำกับผู้สื่อข่าวหลายรอบว่า “ในใจมีแต่ พล.อ.ประวิตร ชาตินี้ไม่คิดเป็นลูกน้องใคร” จากนั้นนายวิรัชแต่งกลอนสดว่า “ชาตินี้รักใครไม่ได้แล้ว ไม่ผ่องแผ้วมืดมิดไม่คิดหนี ทั้งชีวิตต้องคอยและชีวี พร้อมยอมพลีให้ลุงป้อมตลอดไป” ปรากฏว่านายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ แต่งประโยคตบท้ายว่า “แต่บางทีก็ไป จันทร์โอชา” ทำให้ผู้สื่อข่าวและกลุ่ม ส.ส.ต่างพากันหัวเราะครื้นเครง ทำให้นายวิรัชพูดออกตัวว่า บทปิดท้ายนายกรุงศรีวิไลเป็นคนพูดเองไม่เกี่ยวกับตน

“อันวาร์” จ่อทิ้ง ปชป.เข้า พปชร.

ด้านนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาร่วมสังเกตการณ์การสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. เคยพูดถึงตนในพื้นที่ ให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาลมาพูดคุยเงื่อนไข ส่วนตัวได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว เงื่อนไขต่างๆ พล.อ.ประวิตรบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปฏิบัติได้ พร้อมกับแจ้งว่าอยากให้เข้ามาดูบรรยากาศสัมมนาวันนี้ เท่าที่ดูไปได้กับพลังประชารัฐ จะนำกลับไปพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่อีกทีว่าควรอยู่พรรคไหน ประมาณสิ้นเดือน พ.ย. เมื่อถามว่ากับประชาธิปัตย์ไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้แล้วหรือไม่ นายอันวาร์ตอบว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าสมัยหน้าไม่อยู่ประชาธิปัตย์แล้ว และมีหลายพรรคติดต่อ หากพรรคไหนรับเงื่อนไข 3 เรื่องที่จะทำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

ยก “บิ๊กป้อม” บารมีล้นถ้าคุมอำนาจ

เมื่อถามว่าคิดว่าพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้าได้หรือไม่ นายอันวาร์ ตอบว่า การเป็นแกนนำรัฐบาลองค์ประกอบสำคัญคือต้องมีเสียงข้างมาก บวกกับเสียง ส.ว. 250 คน มันมีผลอยู่แล้ว ถ้าบวกกับเสียงของพลังประชารัฐมีโอกาสสูงที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าดูตัวแคนดิเดตนายกฯว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร ด้วยใช่หรือไม่ นายอันวาร์ตอบว่า ดูทั้งหมด การจะแก้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เป็น 1 ในเงื่อนไข ไม่ใช่ว่าทุกพรรคจะทำได้ ต้องเป็นพรรคที่มีอำนาจและเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ บางคนมีอำนาจรัฐสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลได้ แต่บางคนไม่มีอำนาจรัฐแต่มีบารมี และถ้ามีอำนาจรัฐเข้าไปอยู่กับคนมีบารมี ยิ่งทำให้มีภาพพจน์ที่ดีได้ “อย่างท่านป้อมต้องยอมรับว่าช่วงที่นั่งรักษาการนายกฯ มีภาพเชิงบวกเยอะมาก ไปพื้นที่ไหนก็มีชาวบ้านเข้ามากอด ห้อมล้อม ไม่มีการอารักขาใดๆ ตรงนี้ถือเป็นจุดหลักที่ดี”

“ประวิตร” ตั้ง “สัญญา” ที่ปรึกษา

ต่อมาเวลา 09.30 น. เริ่มเปิดการสัมมนา “พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ เพราะมีคุณ จึงมีพรรค” มีแกนนำ ส.ส. 80 คน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงาน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค พปชร. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล เป็นที่น่าสังเกตว่าแกนนำระดับรัฐมนตรีมาร่วมงานบางตา กระทั่งเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. เดินทางมาถึงโดยมี ส.ส. และสมาชิกพรรคมายืนรอต้อนรับจำนวนมาก ขณะที่ พล.อ.ประวิตรอารมณ์ดี ยิ้มแย้มทักทายเป็นกันเอง และประกาศเปิดตัวนายสัญญา สถิรบุตร ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคว่าเป็นบุคคลสำคัญมาช่วยเหลือพรรคไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร

ปลุกขวัญลูกพรรคมีเลือกตั้งแน่

พล.อ.ประวิตรกล่าวกับ ส.ส.ว่า เห็นมาร่วมงานอย่างนี้แล้วดีใจที่พรรคจะเข้มแข็งต่อไป การที่พรรคจะเข้มแข็ง เพราะเราทุกคนช่วยกันไม่มีใครคนใดคนหนึ่งนำพาพรรคไปได้คนเดียว ต้องก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด จะสร้างพรรคพลังประชารัฐให้แข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไป ตระหนักอยู่เสมอว่าเมื่อ ส.ส.วางใจ ตนก็วางใจ ส.ส.ว่าจะไปด้วยกันด้วยความเป็นหนึ่งเดียว จึงตั้งใจสร้างความเข้มแข็งให้พรรคเต็มที่เท่าที่ทำได้ วันนี้คนที่ผ่านการกลั่นกรองคัดเลือกเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ต้องภูมิใจ ขอให้ขยันลงพื้นที่ ดูแลประชาชนจริงจังและใกล้ชิดให้มากที่สุด ส่วน ส.ส.เก่า ได้สิทธิลงสมัครเลยโดยไม่ต้องผ่านกรรมการสรรหา เพราะถือว่าผ่านการทำงานให้พรรคมาตลอด 4 ปี อย่าชักช้าให้ลงพื้นที่ ถึงอย่างไรก็เลือกตั้งแน่นอนไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้

มั่นใจ ส.ส.ทุกคนไม่ทิ้ง พปชร.

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ไม่ได้มาแสดงพลังความเป็นหนึ่งเดียว เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวมาตลอด พปชร.ต้องเป็นพรรคใหญ่และเข้มแข็งต่อไป เมื่อถามว่าวันนี้มีการเช็กชื่อหรือไม่ว่าใครยังไปต่อกับพรรคบ้าง พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ไม่ต้องถามหรอก เพราะอยู่ทุกคน ผมจะให้เขาอยู่กับผมทุกคน เขาไม่ไปไหนกันหรอก เชื่อมั่นในตัวพวกเขา เชื่อมั่นซึ่งกันและกันมาตลอด ไม่ต้องเรียกมาถาม ผมไม่เชื่อหรอกว่าใครจะไป แต่ว่าก็แล้วแต่บุคคลจะคิดอย่างไร” เมื่อถามถึงความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่ได้ประชุม ถามทุกวันเลย เมื่อถามว่ามีชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯด้วย พล.อ.ประวิตรตอบว่า พรรคยังไม่มีมติให้ใครเลย ตัวเองยังไม่มีชื่อเลย เมื่อถามว่าในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า แล้วแต่สมาชิก

โยนถาม “ลุงตู่” ทิ้งกันจริงหรือ

เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้มีสมาชิกเหมือนจะหนุนให้ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯอันดับหนึ่ง พล.อ.ประวิตรตอบว่า อันนั้นไม่รู้ ไม่ทราบ เมื่อถามว่าต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่าใครจะอยู่อันดับไหน ระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ยังไม่ได้คุยกันเลย ความจริงลุงตู่ก็ไม่ได้อยู่พลังประชารัฐอยู่แล้ว ครั้งที่แล้วเราเสนอและสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น” เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่พรรคอื่น ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ต้องไปถามนายกฯประยุทธ์ดูว่าจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา” เมื่อถามว่ายืนยันว่ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องห่วงๆ

“วีระกร” พนัน “บิ๊กตู่” ไม่ไป รทสช.

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีเคยแสดงความเห็นว่าชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถขายได้แล้วว่า ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นทั้งหมด อย่างพื้นที่ภาคใต้พบว่ายิ่งอยู่นานกระแสยิ่งดีคนยิ่งชอบ แต่ที่ จ.นครสวรรค์ กระแส พล.อ.ประยุทธ์ลดลง เพราะอยู่มานานหลายปี เป็นธรรมชาติของการเมือง สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ให้อยู่ได้เพียง 8 ปี อยู่นานคนเบื่อ ส่วนกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ พนันโต๊ะจีน 1 โต๊ะ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ไปไหน ต้องมาเป็นสมาชิกพรรค พปชร.พรรคเดียว ในฐานะที่อยู่การเมืองมานานมองว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์มา พปชร. คือมาช่วยดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้เพียง 2 ปี และ ส.ว.จะช่วยได้อีกแค่ครั้งเดียวพอ ส.ว.หมดวาระ ก็ไม่สามารถสั่ง ส.ส.ได้แล้ว จึงต้องประเมินว่าจะเอา 2 ปีหรือ 4 ปี ไม่ใช่นายกฯคนละครึ่ง

“กรุงศรีวิไล” ไล่ “สุชาติ” อย่าจุ้น

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปชร. กล่าวว่า ส.ส.สมุทรปราการไม่ไปไหนเด็ดขาด จะเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งให้พลังประชารัฐ เมื่อถามว่าไม่ใช่ว่าพูดวันนี้วันอื่นย้าย นายกรุงศรีวิไลตอบว่า แล้วแต่ “ลูกพี่เอ๋ (นายชนม์ สวัสดิ์ อัศวเหม) ต้องพูดให้ชัดแบบนี้ ไม่รู้จะโกหกไปทำไม” เมื่อถามว่าที่ตอบแบบนี้เพราะกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรคจะย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ไปใช่หรือไม่ นายกรุงศรีวิไลตอบว่า นายสุชาติควรไปหาเสียงที่ชลบุรี ไม่ควรมาหาเสียงที่สมุทรปราการบ้านตน ของเราลงตัวอยู่แล้ว

พท.ให้สภาฯตัดสิน ก.ม.นิรโทษฯ

วันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไขไม่รวมคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า สามารถเสนอได้ แต่ต้องดูว่าเสียงข้างมากในสภาฯคิดกันอย่างไร ขณะที่เสียงข้างน้อยก็ต้องดูใน รายละเอียดว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร ในอดีตพรรคเพื่อไทยเคยเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนิรโทษกรรมสุดซอย ทั้งนี้คดีทุจริตไม่สามารถนิรโทษกรรมได้อยู่แล้ว ต้องไปนิยามให้ชัดว่าคดีทางการเมืองคืออะไร เช่น คดีความมั่นคง เมื่อถามว่ากฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นประโยชน์ในการพานายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศได้หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลย คดีที่ฟ้องนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ฟ้องด้วยคดีทางการเมืองเป็นการกล่าวหาว่าทุจริต

“โรม” ไม่เอาด้วยกับ “หมอระวี”

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องการนิรโทษกรรมต้องคุยให้ชัดว่าจะใช้อะไรเป็นหลักเกณฑ์ ในมุมมองพรรคก้าวไกล กรณีใดที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจทางการเมือง และไม่ได้เป็นความรุนแรงต่อชีวิตและร่างกาย ต้องเข้าเกณฑ์ด้วย มาตรา 112 ไม่ใช่การแสดงออกทางการเมืองที่เป็นความรุนแรงต่อชีวิตหรือร่างกาย ถ้าถูกยกเว้นแล้วจะนิรโทษกรรมเพื่ออะไร หากนพ.ระวีจะเสนอ จุดนี้ต้องให้ชัดตั้งแต่คอนเซปต์ทั้งหมด ไม่ใช่มองแค่ในกลุ่มก้อนตัวเองเท่านั้น ถ้ายกเว้นการนิรโทษกรรมต้องยกเว้นเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ นพ.ระวี ที่ให้เว้นมาตรา 112 เพราะวันนี้มีกว่า 1,000 คน ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ศาลยังไม่ตัดสินอีกจำนวนมาก และคดีไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 ด้วยซ้ำ แต่เป็นการฟ้องร้องกลั่นแกล้งกันทางการเมือง เรื่องนิรโทษกรรมพรรคก้าวไกลนำเสนอมาตลอด เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะนำเสนอรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบต่อไป

“วิษณุ” ย้อนคนคิดยังไม่เข็ดหรือ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยมีใครพูดเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่าหากถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสังคมจะดำเนินการอย่างไร นายวิษณุตอบว่า “ก็ต้องถามว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ” เคยมีความคิดทำเรื่องนี้มาแล้ว แล้วก็เป็นเรื่อง เมื่อถามว่า นพ.ระวีอ้างว่ามีการกำหนดเงื่อนไขที่รัดกุม และไม่ใช่การนิรโทษกรรมแบบสุดซอย นายวิษณุตอบว่า มันอาจมีวิธีเขียนให้ผลออกมาคล้ายๆกัน แต่ดูนุ่มนวลกว่านี้ก็ได้ ใส่เงื่อนไขใส่หลักเกณฑ์และวิธีการเข้าไปต้องไปถาม นพ.ระวี ตอบไม่ถูก เมื่อถามอีกว่าการอ้างเงื่อนไขที่รัดกุม แต่ในการพิจารณาอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในสภาฯใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “อันนั้นแหละที่น่ากลัว ส่วนน่ากลัวอย่างไร เหมือนที่สื่อถามก็คือตั้งต้นเสียดี แต่พอไปถึงปลายทางอาจไม่เหมือนที่ตั้งใจไว้ ยิ่งมาทำช่วงนี้น่าจะเป็นผลลบต่อรัฐบาล”

ยัน “ประวิตร” อำนาจเต็มตั้ง ตร.

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอน ประกาศสำนักนายกฯ เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า รัฐบาลยื่นอุทธรณ์แน่นอน เน้นประเด็นที่ศาลปกครองสงสัย คือการแก้คำสั่งนายกฯ เกี่ยวกับการทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ จะยืนยันไปว่าเหตุที่ออกคำสั่งดังกล่าวเพื่อเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตอนนั้นเรื่องตำรวจจบไปแล้ว ขณะนั้น พล.อ.ประวิตรมีอำนาจเพิ่มขึ้นมาจากรองนายกฯคนอื่น คือรักษาราชการนายกฯ ในความเห็นตน พล.อ.ประวิตรมีอำนาจ เต็ม ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ วันที่ 24 ส.ค. ไม่ว่าจะเซ็นอะไรถือว่า 100% ทั้งหมด เลขาธิการนายกฯกำลังดำเนินการยื่นอุทธรณ์อยู่

ก.ก.ยื่นฟัน กสทช.คดีทรู-ดีแทค

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนกรรมการ กสทช. เสียงข้างมาก ได้แก่ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีลงมติรับทราบการควบรวมกิจการทรู-ดีแทค น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ได้ศึกษาราคาค่าบริการหลังควบรวมกิจการพบว่า ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น ศักยภาพการให้บริการจะด้อยลง แต่ กสทช.ไม่ทำหน้าที่ให้เหมาะสม เพื่อยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมติของ กสทช. มีหลักเกณฑ์ต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งในการลงมติ แต่การลงมติควบรวมทรู-ดีแทค มีกรรมการลงมติ 5 คน ต้องได้คะแนนเห็นชอบ 3 เสียงขึ้นไป แต่มติครั้งนี้คือ 2 ต่อ 2 ต่อ 1 คือ เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง ดังนั้น กสทช.ทำผิดกฎหมายที่ตนเองร่างขึ้นมา ยังมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ถือหุ้นโยงไปมา กรรมการบางคนรับผลประโยชน์จากบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัททรู

“เสี่ยหนู” ลั่น “กัญชา” โนรีเทิร์น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา ร่วมกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ยื่นฟ้องศาลปกครองให้พิจารณาเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ว่า เราทำอะไรไม่ได้ต้องรอตามกระบวนการทางกฎหมาย ใครมาร้องอะไรแล้วต้องทำตามหมดคงไม่ใช่ คนส่วนใหญ่เชื่ออยู่แล้วว่านโยบายกัญชงกัญชาเน้นการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ตราบใดไม่มี พ.ร.บ.ต้องใช้ประกาศสธ.ถ้าเล่นเกมการเมืองเยอะอาจออกประกาศควบคุม ช่อดอกกัญชามาเพิ่มเติมเพื่อลดความกังวลของประชาชน ฝ่ายค้าน ผู้เห็นต่างพยายามทำให้ไขว้เขว วันนี้นักลงทุนเข้ามาลงทุนหลายหมื่นล้านบาท หากโลเลวันนี้ทำได้อีก 3 เดือน บอกทำไม่ได้จะเสียหายทางเศรษฐกิจ ไม่มีความน่าเชื่อถือ คนที่พูดต้องการหวังผลทางการเมือง สกัดความนิยมของพรรคที่เสนอกฎหมายฉบับนี้เท่านั้นเอง เรื่องนี้สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ เดอะ ริเวอร์ ออฟ โน รีเทิร์น

สธ.ห้ามขายกัญชาออนไลน์

ต่อมาเวลา 19.00 น. เพจเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” โพสต์ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 มีเนื้อหาสรุปว่า เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา)
อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 และให้ผู้ประสงค์จะศึกษา ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ผู้รับใบอนุญาตส่งออกต้องแจ้งแหล่งที่มา ทั้งนี้ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร นักเรียน นักศึกษา ห้ามจำหน่ายเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าแปรรูปเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมในทุกช่องทางเพื่อการค้า ห้ามจำหน่ายในวัด สถานที่สำหรับปฏิบัติศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ โดยให้ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 พ.ย. ลงชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข

ชี้มีวิธีคุมกัญชาไม่ต้องแก้ ก.ม.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าจะทำให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกก็ต้องแก้กฎหมาย เพราะได้ถอดออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดไปแล้ว แต่ถ้าต้องการจะควบคุมให้เข้มงวด น่าจะมีวิธีอื่นที่ควบคุมได้โดยไม่ต้องไปแก้กฎหมาย วันนี้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขอยู่ หากต้องการยกเลิกประกาศดังกล่าว อาจกลับมาสู่มาตรการคล้ายกับจะเป็นยาเสพติดประเภท 5 ได้ แต่ถ้าจะเอากลับไปสู่ยาเสพติดประเภท 5 โดยตรงเลยต้องแก้กฎหมาย

“ตรีชฎา” จี้นายกฯแสดงภาวะผู้นำ

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องขอบคุณ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เป็นการต่อสู้เพื่อต่อต้านคัดค้านกัญชาเสรี ที่นำไปใช้เกินเลยจากทางการแพทย์ สมาคมแพทย์นิติเวชฯถือเป็นตัวแทนของบรรดาแพทย์นิติเวชทั้งประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ทั้งหมดจึงเป็นคำตอบว่าสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน พยายามผลักดันกัญชา โดยไม่มีกฎหมายรองรับเป็นสิ่งที่ผิดพลาด สร้างความสับสนให้ประชาชนและเกิดผลกระทบในหลายด้าน รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ควรแสดงภาวะผู้นำ สั่งการนายอนุทินยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขโดยเร็วที่สุด ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเดิม เพราะรัฐบาลชุดนี้อาจแบกความรับผิดชอบไม่ไหวได้

“บิ๊กตู่” ชู 3 แนวทางฟื้นฟูอาเซียน

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมสกคา กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 40 และ 41 และร่วมพิธีเปิดตัวนิทรรศการภาพถ่ายและหนังสือ Cambodia’s Contribution to ASEAN จากนั้นร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 40 แบบเต็มคณะ และการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯเสนอ 3 แนวทางเพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน 1.สร้างปัจจุบันให้เข้มแข็ง 2.ร่วมแรงสู่อนาคต 3.เคารพวิถีอาเซียน อาเซียนควรเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ กระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกอื่นๆให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บนผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุลไปพร้อมๆกัน นายกฯยังเห็นว่า ทุกคนต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา ไทยในฐานะเพื่อนบ้าน พร้อมสนับสนุนและร่วมมือส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปสู่ประชาชนเมียนมา

ร่วมถกผู้นำอาเซียน-จีน-เกาหลีใต้

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 25 แบบเต็มคณะ มีสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธาน ผู้นำอาเซียน 9 ประเทศ (เมียนมาไม่เข้าร่วม) นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ร่วมประชุม และร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 23 มีนายยุน ซ็อก-ยอล ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ เข้าร่วมประชุม ตามลำดับ นายอนุชาปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมผู้นำอาเซียน-จีน ยืนยันไทยสนับสนุนการเสริมสร้างหุ้นส่วนที่เข้มแข็งในด้านต่างๆ เน้นพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แสวงหาแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พลิกโฉมปรับโครงสร้างไปสู่ “เศรษฐกิจใหม่” ยกระดับการค้าเสรีอาเซียน-จีน รวมถึงเสถียรภาพและสันติภาพที่ยั่งยืน ส่วนการประชุมอาเซียน-เกาหลีใต้ เน้นพัฒนาสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งบูรณาการทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค นายกฯสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ขยายการค้าการลงทุนในอาเซียน เชื่อมโยงประชาชนที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้น และย้ำเจตนารมณ์สันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี

“ลุงป้อม” ตรวจความพร้อมเอเปก

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุรองรับการจัดการประชุมผู้นำความร่วมมือเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ร่วมคณะ จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจภาพรวมทั้งหมด ทุกหน่วยงานมีความพร้อมในทุกๆเปอร์เซ็นต์ และไม่กังวลกรณีกลุ่มต่างๆจะออกมาเคลื่อนไหว

“กรีนพีซ” วอนหยุดฟอกเขียวกลุ่มทุน

วันเดียวกัน กลุ่มกรีนพีซ องค์กรเรียกร้องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พากันจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์บริเวณบึงน้ำของสวนเบญจกิติ ใกล้ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดประชุมเอเปก เพื่อสื่อสารถึงบรรดาผู้นำเอเปก ชูป้ายผ้า “เอเปก ต้องหยุดฟอกเขียว” และ “ผู้ก่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศต้องชดใช้ความสูญเสียและความเสียหาย” ในบึงน้ำ ก่อนนำไปแชร์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า การแสดงออกครั้งนี้เป็นช่วงเดียวกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 หรือ COP 27 ที่สาธารณรัฐอียิปต์ นายธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทย กล่าวว่า เห็นข้อบกพร่องช่องโหว่ในโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาที่ผิดพลาด เช่น ผลิตไฟฟ้าจากขยะ ออกระเบียบแก้ไขกฎหมายจัดสรรคาร์บอนเครดิตแก่เอกชนผู้ลงทุนปลูกป่าในพื้นที่ของรัฐ หากดำเนินการต่อจะนำไปสู่การบังคับขับไล่ชุมชนออกจากที่ดินทำกิน ทำให้ชนพื้นเมืองและท้องถิ่นที่ดำรงชีพพึ่งพาผืนดินและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นอาชญากรทางสิ่งแวดล้อม

กัญชา กัญชาโนรีเทิร์น ประกาศ สธ. พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายพรรค สมุนไพรควบคุม ห้ามขายกัญชาออนไลน์ ห้ามขายตู้อัตโนมัติ อนุทิน ชาญวีรกูล เลือกตั้ง เลือกตั้งใหญ่