รอง ผบ.ตร.แถลงจับผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ 2 คดีซ้อน คดีแรกจับสาวไทยและสาวจีน ทำหน้าที่หาคนงาน ออกอุบายจ้างไปทำงานร้านอาหารที่กัมพูชา ก่อนข่มขู่ กักขังให้โทรศัพท์กลับมาออกอุบายตุ๋นเหยื่อคนไทย อีกคดีจับหนุ่มใหญ่ ผู้ต้องหารายสำคัญระดับหัวหน้าสั่งการ หนีคดีค้ามนุษย์จากมาเลเซียข้ามฝั่งมาไทย เผยเชื่อมโยงการตายของแรงงานชาวโรฮีนจากว่า 30 ศพ ในรัฐเปอร์ลิสด้วย
ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวและป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร). พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ 2 คดี
คดีแรกจับกุม น.ส.อุบลรัตน์ พุฒไพรสกุล อายุ 22 ปี น.ส.เทียนฟ่ง แซ่หลี่ ชาวจีน ตามหมายจับศาลอาญา ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันหางานให้คนทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จับกุมได้ที่ อ.ฝาง และ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีแรงงานไทยถูกหลอกไปทำงานในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา ร้องขอความช่วยเหลือกับสื่อมวลชนผ่านสื่อออนไลน์รวมทั้งทางการไทยให้รับตัวกลับประเทศ กระทั่งตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 10 คน ประกอบด้วยชาวจีน 4 คน กัมพูชา 4 คน และคนไทย 2 คน สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาชาวไทยทั้ง 2 คน มีหน้าที่หาเหยื่อ ชักชวนประสานเรื่องการเดินทาง โพสต์รับสมัครงานหาคนไปทำงานต่างประเทศ มีคุณสมบัติพูดได้หลายภาษา อ้างจะให้ไปทำงานร้านอาหารหรือธุรกิจต่างๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะทำหนังสือเดินทางอำนวยความสะดวกจนไปถึงประเทศปลายทาง จากนั้นขบวนการค้ามนุษย์จะบังคับ ขู่เข็ญ กักขัง ให้เหยื่อทำงานใช้หนี้ด้วยการโทรศัพท์กลับมาหลอกลวงคนไทย อ้างว่าเหยื่อติดหนี้ค่าเดินทางและอื่นๆ กระทั่งเหยื่ออาศัยช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือจากสื่อสังคมออนไลน์ จนได้รับการช่วยเหลือสำเร็จ เบื้องต้นพบเหยื่อทั้งหมด 15-20 คน ถูกกักขังนาน 4-5 เดือน ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือพบเหยื่อตกอยู่ในสภาพน่าสงสาร ความเป็นอยู่ลำบากค่อนข้างแออัด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 8 คนมาดำเนินคดี พร้อมประสาน ปปง.ยึดทรัพย์สินและตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการนี้
อีกคดีจับกุมนายเจ๊ะปา ลาปีดี อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาชาวไทย ตามหมายจับศาลอาญา ฐานลักลอบค้าแรงงานข้ามชาติ หลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในประเทศมาเลเซียจนถูกทางการมาเลเซียออกหมายจับพร้อมผู้ต้องหาคนไทยรวม 9 คน ก่อนทั้งหมดเดินทางหนีกลับเข้าประเทศไทย รัฐบาลมาเลเซียร้องขอให้รัฐบาลไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ นายเจ๊ะปา ลาปีดี ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ อาจเป็นหัวหน้าขบวนการฝั่งไทยทำหน้าที่ประสานงานทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงกับการลักลอบขนย้ายแรงงานชาวโรฮีนจามาควบคุมในค่ายพักชั่วคราวในเขตวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส มีแรงงานถูกขังและถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ความตายจำนวนมาก มีการตรวจพบหลุมศพกว่า 30 หลุม ใกล้บริเวณค่ายพักชั่วคราวดังกล่าวด้วย