แพรรี่ ปกป้องพระพยอม ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน ลั่น เราอยู่ในยุคที่พระซึ่งหากินกับเดรัจฉานวิชา มานั่งตำหนิพระที่ปฎิบัติดีและปฏิบัติตรงตามคำสอน
กรณี พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง จนมีกระแสโซเชียล ให้ความเห็นไปในทิศทางที่ว่า พระภิกษุไม่ควรมีบทบาททางการเมือง ตามคำสั่งของมหาเถรสมาคม
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ความคิดเห็นว่า เรื่องนี้ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ต้องร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด ที่จะต้องลงไปตรวจสอบว่า เป็นจริงไหม ถ้าไม่เป็นจริง จะสรุปว่าอย่างไร แต่ตรงนี้มีภาพคลิป ระบุเป็นหลักฐานไว้ชัดเจนแล้ว กฎมหาเถรสมาคม ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ยิ่งเราไปกล่าวเกี่ยวกับมาตรา 112 ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เราเป็นพระ เราจะทำอะไรไม่ได้ ไม่สมควรอย่างยิ่ง อาตมายืนยัน ที่จะพูดเหมือนเดิม
กรณีชาวโซเชียล ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ว่า หิวแสง อาตมาจะไปหาแสงทำไม เพราะสื่อเองที่มองว่า อาตมามีความรู้ทางด้านนี้ จึงได้มาสัมภาษณ์ และอาตมาก็ตอบไปตามประสบการณ์ที่มี ซึ่งกระบวนการต้องดำเนินไปแบบนั้น อาตมาไม่เคยหิวแสง เพราะแสงมีในตัวอยู่แล้ว นั่นคือความดี
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้สื่อโซเชียล หรือบุคคลบางคน ได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า พระพยอม สมควรจะลาสิกขาไป หรือลาออกจากเจ้าอาวาส กลับไปบวชเณร มองว่า อาจจะเป็นการกล่าวตำหนิ ที่แรงเกินความเป็นจริงไป อยากให้มองว่า กระบวนการขั้นตอนมีอยู่แล้ว หากหน่วยงาน และคณะสงฆ์มีการดำเนินการ อย่างตรงไปตรงมา และทางผู้ถูกสั่งการลงมาน้อมรับคำสั่ง ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่เรื่องนี้ชัดเจนด้วยหลักฐาน
ส่วนกรณีที่ พระพยอม เคยสอบถามไปยังคณะสงฆ์ เรื่องการทำพิธีลงนะหน้าทอง หรือการเจิมต่าง ๆ ว่า เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบแล้วว่า “ไม่ผิด” เพราะถ้าผิด ต้องมีการสั่งห้ามไปแล้ว ซึ่งถ้ามีการสั่งห้าม อาตมาก็หยุด ไม่ฝ่าฝืน
แต่การที่พระ ออกมาวิจารณ์การเมือง ก้าวล่วงไปยังมาตรา 112 สมควรหรือไม่ อาตมามองว่า ไม่เหมาะสม ที่จะมาแสดงความคิดเห็นวิจารณ์ เราต้องอยู่ในขอบเขตของเราเท่านั้น ซึ่งที่พูดคือ เอาความถูกต้อง ไม่ใช่เอาความถูกใจ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป
ต่อมา แพรรี่-ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ หลวงพี่น้ำฝน ให้สัมภาษณ์ทั้งเรื่องพระพยอม และเรื่องนะหน้าทอง โดยระบุว่า “เราอยู่ในยุคที่พระซึ่งหากินกับเดรัจฉานวิชา มานั่งตำหนิพระที่ปฎิบัติดีและปฏิบัติตรงตามคำสอน กูจะขำ หรือกูจะร้องไห้ดีคะเนี่ย”
“…นะร่ำไรรักใคร่เห็นหน้า…” มันอยู่ในท่อนไหนของพระไตรปิฎกคะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพระสูตรไหน แล้วตัวเองเป็นพระเนี่ย ใช้คำว่า ความเชื่อส่วนบุคคลได้ด้วยหรอ
คุณเป็นพุทธบุตร คุณไม่ต้องมีหน้าที่เผยแผ่คำสอนหรือหลักความเชื่อของพระพุทธเจ้าเท่านั้นหรอคะ ตอนบวชเข้าไปถึงใครเป็นสรณะคะ ถือพุทธศาสตร์หรือถือไสยศาสตร์
บวชเข้าไปแล้วทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนและทรงห้ามแบบนี้ คุณรู้ไหมคะว่า ในทางพระศาสนาท่านเรียกนักบวชประเภทนี้ว่าอะไร
ตัวเองประพฤติตนเป็นดั่งกระเบื้อง กล้าดียังไงไปรู่กับทองอย่างพระอาจารย์พยอมคะ