โพลชี้! กระแส “เพื่อไทย-ก้าวไกล” พุ่งแรง! ทิ้งห่าง “พลังประชารัฐ” ชาวบ้านบ่นหนักใจวิกฤติปากท้องข้าวของแพง

ส.ว.ขอแจม “วันชัย” ฉะ “ทักษิณ” ไม่เรียนรู้วิบากกรรม ใจเร็วด่วนได้ส่งลูกมาตายทางการเมือง ตอกลิ่มเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” ดับรัศมีหัวหน้าเพื่อไทย “ชลน่าน” โต้นิ่มๆ ให้รอดูเสียงตอบรับ ถ้าเกิน 10-12 ล้านเสียง เท่ากับสังคมยอมรับแล้ว ฝ่ายค้านสัญจรเปิดเวทีถล่ม “บิ๊กตู่” ปู้ยี่ปู้ยำอธิปไตยปวงชน จ่อฟื้นเสื้อแดงทวงคืนอำนาจประชาชน หวั่นนายกฯชิงยุบสภาทำให้เกิดเดดล็อก โพลชี้กระแสเพื่อไทย-ก้าวไกล ทิ้งห่างพลังประชารัฐ แถมชาวบ้านบ่นหนักใจวิกฤติปากท้องข้าวของแพง

วิบากกรรมจากเกมอำนาจ หลังการเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ล่าสุดเป็นนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ออกมาโพสต์โจมตีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังคงมีแรงอาฆาต ยังไม่เข็ดกับพิษอำนาจ เปรียบใจเร็วด่วนได้ส่งลูกมาตายทางการเมือง

ส.ว.ฉะ “ทักษิณ” ไม่เรียนรู้กรรม

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ทักษิณใจเร็วด่วนได้ทำลายพรรค ทำลายครอบครัว” อำนาจและการเมืองเป็นเรื่องโหดร้ายเจ็บปวด วิบากกรรมอย่างที่เห็นก็เป็น เพราะการเมือง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัว ต้องระหกระเหินไม่มีที่เดินในประเทศไทย ญาติพี่น้องลูกหลานแม้จะอยู่ในไทยก็ต้องอยู่เงียบๆ เพราะอำนาจและการเมือง ยังไม่เข็ดกันอีก 7-8 ปีที่ผ่านมานึกว่ากาลเวลาจะเยียวยาแรงอาฆาตให้ลดลงได้บ้าง แต่ถึงขั้นส่งลูกตัวเองมาเล่นการเมืองเต็มตัว ขณะที่ตัวเองยังรับกรรมอยู่จะเป็นการแก้กรรมหรือเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้ามาอีก พอประกาศตัว “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค รัศมีดับแสงทันที หน้านายทักษิณลอยบดบังพรรค หงายไพ่ว่า นพ.ชลน่านไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ

ซัดส่งลูกมาตายทางการเมือง

นายวันชัยระบุว่า “คุณทักษิณมีทั้งคนรักคนเกลียดแบบเข้ากระดูกดำ แม้จะ 7-8 ปียังไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมจะลุกขึ้นมาขัดแย้งกันเอาทักษิณไม่เอาทักษิณ จะรีบส่งอุ๊งอิ๊งเข้ามาตายในสนามการเมืองทำไม แรงอาฆาตกับแรงแห่งความรักในลูกและครอบครัว อย่างไหนแรงกว่ากัน ใจเร็วด่วนได้ไปหรือเปล่า เกมนี้เป็นการทำลายพรรค ทำลายลูก ทำลายครอบครัวแบบเลือดเย็น ข้อสอบทางการเมืองไม่ง่ายเหมือน อุ๊งอิ๊งสอบเข้ามหาลัยนะ”

“ชลน่าน” ให้รอดูเสียงตอบรับ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ร่วมแสดงความเห็น ส่วนความจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ให้ประชาชนติดตาม พรรคเพื่อไทยรีแบรนด์ ปรับปรุงโครงสร้างตัวเอง เพื่อเป็นสถาบันทางการเมืองส่งเสริมบุคคลเข้ามาทำหน้าที่แต่ละส่วนชัดเจน หัวหน้าพรรคคือหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัวคือหัวหน้าครอบครัว แยกบทบาทไม่เกี่ยวกัน แต่ทำงานสอดประสานกัน ขอถามกลับนายวันชัย ถ้า น.ส.แพทองธารทำบทบาทได้โดดเด่น ครอบครัวเพื่อไทยได้รับการตอบรับทั้งแผ่นดิน 10-12 ล้านเสียง อะไรจะเกิดขึ้น นั่นคือการยอมรับ แทนที่จะทำให้อนาคตทางการเมือง น.ส.แพทองธารดับ แต่จะเป็นแรงสนับสนุนของประชาชนส่งเสริมให้ น.ส.แพทองธารมีบทบาทชัดเจนทางการเมือง วิธีคิดของแต่ละพรรคไม่เหมือนกันจะพิสูจน์ที่ผลงานประชาชนตอบรับน่าจะดีกว่า

“ชูวิทย์” ตอก ส.ว.หน้าด้านกว่า

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า “ใครโหดกว่ากัน การที่นายทักษิณนำลูกสาวเปิดตัวมาลงการเมือง ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดแต่อย่างใด ตราบเท่าที่มาด้วยระบอบประชาธิปไตย ลงเลือกตั้งให้ประชาชนเลือก อ้างที่ควรบอกว่าโหดร้ายทำลายครอบครัว มันน่าจะเป็นคนที่ยึดอำนาจมาแล้วล้มล้างรัฐธรรมนูญ สืบทอดอำนาจต่อมากกว่า ส่วนการเป็นเผด็จการรัฐสภา ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยนี่มันก็โหดร้ายอยู่ แต่ที่โหดร้ายพอๆกันคือ บรรดา ส.ว.ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง แต่ได้รับแต่งตั้งให้มาเล่นการเมืองเอาใจ สอพลอผู้มีอำนาจ แล้วมีสิทธิไปเลือกนายกฯได้ อันนี้โหดแบบหน้าด้านๆ อย่าไปทึกทักว่าใครโหดร้ายกว่ากัน เพราะดูๆแล้วโหดกันหมด สำหรับหนูอุ๊งอิ๊ง ดูพูดจาฉะฉาน จะเป็นหัวหน้าครอบครัว มันก็เรื่องครอบครัวเขา บ้านใครก็บ้านมัน อย่าไปเปรียบกับบ้านตัวเองดีกว่า ส่วนใครโหดกว่าใครให้ประชาชนไตร่ตรอง ปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินชะตากรรมของประเทศตัวเอง ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นแลนด์สไลด์ หรือแลนด์ไถล”

ถล่ม “ตู่” ปู้ยี่ปู้ยำอธิปไตย ปชช.

ที่โรงแรมดิอิมเพลสน่าน อ.เมืองน่าน พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดโครงการฝ่ายค้านพบประชาชน มีการเสวนาหัวข้อ “ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน: บริหารล้มเหลวซ้ำซาก ประชาชนจน ประเทศเจ๊ง” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนถูกแย่งอำนาจอธิปไตยไปปู้ยี่ปู้ยำทำความเสียหาย การทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต้องทุกข์ทนกับการบริหารของรัฐบาล จึงหมดเวลาแล้ว วันนี้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นเกือบ10 ล้านล้านบาท หนี้สินประชาชน หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก ปัญหาข้าวของแพงรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จนประชาชนและประเทศเจ๊ง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา เงินในกระเป๋าประชาชนไม่มีเหลือ จนทั้งแผ่นดิน มีเพียงนายทุนเจ้าสัวที่เดินตาม พล.อ.ประยุทธ์ไม่กี่คน ที่มีความสุข สร้างความเหลื่อมล้ำในประเทศหนัก การเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องเลือกคนแก้ปัญหา อย่าเลือกพวกบริหารไม่เป็น แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่ว่าจะแตกแบงก์พันไปอยู่พรรคไหนก็เป็นพวกเดิม ไม่ควรเลือก

ชี้ 10 มาตรการใบเสร็จล้มเหลว

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า 10 มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน แต่เป็นคำรับสารภาพว่าไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้มได้อีกแล้ว น้ำมันดีเซลจะขึ้นอีก 6-8 บาท และหลังเดือน พ.ค.นี้ จะได้รับการช่วยเหลือเฉพาะบัตรคนจนเท่านั้น เป็นมาตรการรองรับที่รัฐบาลหมดหน้าตักไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องพลังงานได้

นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า นายกฯบริหารเศรษฐกิจแย่ ทำให้คนรวยเป็นคนจนได้ ถ้ามีความสามารถแค่นี้เชื่อว่าทุกคนเป็นนายกฯได้หมด

ฟื้นเสื้อแดงทวงคืนอำนาจ ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายเวทีเสวนามีการเปิดโอกาสให้ประชาชนสอบถามถึงปัญหาและแนวทางที่ต้องการความช่วยเหลือ อาทิ ปัญหาหนี้สิน การทวงอำนาจคืนสู่ประชาชน มีผู้ร่วมเสวนาบางส่วนเสนออยากให้ฟื้นกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อทวงคืนอำนาจ ขณะนี้มีการตั้งกลุ่มเสื้อแดง จ.น่าน เป็นระบบเครือข่ายดีที่สุดของพรรคเพื่อไทย และถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างไร นายวิสุทธิ์ชี้แจงว่า ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานนวัตกรรมการเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ จ.น่าน ยืนยันจะฟื้นชีวิตกินดีอยู่ดีให้เกษตรกร แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ประกาศนโยบาย เพราะบางพรรคจะลอกเลียนแบบได้

หวั่นชิงยุบสภาให้เกิดเดดล็อก

ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า จะยื่นให้เร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุมสภา เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤติการเมือง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะชิงยุบสภาทำให้ประเทศเกิดเดดล็อก เนื่องจากร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ หากยุบสภาทุกอย่างจะหยุดชะงัก จะเกิดการตีความว่าต้องใช้กฎหมายใดในการเลือกตั้ง ทำให้รัฐบาลรักษาการต่อไปได้ ฝ่ายค้านประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด แต่บอกไม่ได้ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่การยื่นญัตติอภิปรายจะเป็นการห้ามไม่ให้ยุบสภา

ห่วง ส.ว.โหวตตามน้ำ พปชร.

นพ.ชลน่านกล่าวว่า อีกประเด็นคือวาระดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เลือกยุบสภาก็จะอยู่ในอำนาจได้ ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกจะยุบสภาหลังประชุมเอเปกนั้นเพราะใจอยากอยู่ให้นานที่สุด ฝ่ายค้านอยากผลักดันให้ร่างกฎหมายลูกเสร็จเพื่อปลดล็อกเร็วที่สุด ส่วนการโหวตประเด็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะใช้เบอร์เดียวหรือคนละเบอร์นั้น เสียง ส.ว.อาจโน้มเอียงไปทางพรรคแกนนำรัฐบาล ภาวนาให้ ส.ว.เห็นความสำคัญว่าอะไรจะเกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชนที่สุด

ปชป.หนุนบัตร 2 ใบเบอร์เดียว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้มีเบอร์เดียวกัน ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ ได้เสนอร่างแก้ไขร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ที่ประชุมคณะทำงานวิปรัฐบาลตกลงกันให้แต่ละพรรคสงวนความเห็นไว้ในชั้นกรรมาธิการได้ ท้ายที่สุดก็เป็นอำนาจดุลพินิจของคณะกรรมาธิการฯจะพิจารณาในประเด็นดังกล่าว

โพลชี้คนกลางๆรอตัดสินใจ

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565” ระหว่างวันที่ 10-15 มี.ค. จากประชาชน 2,020 หน่วยตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 27.62 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 13.42 เป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) ชอบวิธีการทำงาน มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 3 ร้อยละ 12.67 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองสงบ อันดับ 4 ร้อยละ 12.53 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 5 ร้อยละ 8.22 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) รองลงมาได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) ส่วนกระแสความนิยมพรรคการเมือง ปรากฏว่าส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนพรรคใดเลย รองลงมาเป็นเพื่อไทย ก้าวไกล ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย ภูมิใจไทย และพรรคกล้า

“อลงกรณ์” ชู ปชป.กระแสพุ่ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พอใจผลสำรวจนิด้าโพล พบว่าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ยืนยันว่าประชาธิปัตย์ยุคอุดมการณ์ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริง มุ่งมั่นทุ่มเททำงานโดยเฉพาะงานเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและประชาชนในช่วงวิกฤติ มีข้อสังเกตดังนี้ คือพรรคได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคได้รับคะแนนสนับสนุนให้เป็นนายกฯ รองจาก พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายค้านได้รับความนิยมมากกว่าผู้นำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคะแนนสนับสนุนมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผลโพลเป็นเสมือนกระจกสะท้อนภาพให้เราทราบความคิดเห็นของประชาชน ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยกันทำงานหนักขึ้น

“ศรัณย์” จี้นายกฯคุมผูกขาด

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง TRUE กับ DTAC กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯระงับการควบรวมกิจการของ TRUE-DTAC เพื่อป้องกันการผูกขาด ปัจจุบันมีการออกข่าวเหมือนว่าการควบรวมได้เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งที่ซุปเปอร์บอร์ด กสทช.ได้ร้องต่อประธานคณะกรรมการ กสทช.ชุดรักษาการ ว่า การควบรวมทรู-ดีแทค ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ และมีผลเสียหลายด้านตามที่บอกไว้ เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน โดยเฉพาะเมื่อตัวผู้นำเองไม่เข้าใจ และไม่รับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน และต้องป้องกันกำจัดการผูกขาดทุกชนิด อีกทั้งต้องเปิดโอกาสให้ธุรกิจรายย่อยสามารถพัฒนาเติบโตขึ้นไปได้ในอนาคต

โฆษกฯ ยันคลังยังมีเสถียรภาพ

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การออกมาตรการบรรเทาผลกระทบกับประชาชนจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการที่เป็นระบบ มีแผนงาน/โครงการที่ชัดเจน ทำให้ฐานะการเงินการคลังของไทยยังมีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง โดยเสถียรภาพด้านการคลังดูได้จากการ บริหารรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ ฐานะทางการคลังของรัฐบาลตัวเลขล่าสุดใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64-ก.พ.65) ระดับอัตราเงินคงคลังปลายงวดอยู่ที่ประมาณ 400,000 ล้านบาท

ชาวบ้านบ่นหนักใจข้าวของแพง

ขณะที่สวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็น ประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,047 คน เรื่องความหนักใจของคนไทย พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 89.73 หนักใจเรื่องของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง รองลงมาเป็นเศรษฐกิจย่ำแย่ การบริหารงานของรัฐบาล พฤติกรรมนักการเมือง ส่วนสาเหตุที่ทำให้หนักใจ คือ ข้าวของทุกอย่างขึ้นราคา การแก้ปัญหาของรัฐบาล เงินไม่พอใช้ มีหนี้สิน เมื่อถามว่าอยากให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไร ส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็น ช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้น รองลงมา คือ ให้สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า เล่นเกมการเมือง มีมาตรการลดค่าน้ำมัน ลดค่าครองชีพ ลดค่าน้ำค่าไฟ เร่งออกมาตรการช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย เช่น คนละครึ่ง ทั้งนี้ภาพรวมของคนส่วนใหญ่ยังมี รายได้ไม่พอใช้และมีหนี้สิน ไม่มีเงินเหลือเก็บ

“อัศวิน” นัดเปิดทีมงาน-นโยบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 28 มี.ค. เวลา 18.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร เตรียมแถลงเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดนโยบาย แก้ไขปัญหา ผลักดันการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นจริงได้ ภายใต้แคมเปญ “#กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ” รวมทั้ง เปิดตัวทีมงานที่มีทั้งคนรุ่นใหญ่ และคนรุ่นใหม่ มาเข้า ร่วมทีมพัฒนากรุงเทพฯ ในนาม “กลุ่มรักษ์กรุงเทพ” สำหรับทีมงานของ พล.ต.อ.อัศวิน อาทิ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง มีนาย ถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม เป็นที่ปรึกษาช่วยวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง

“อุเทน” ลุยปราบมาเฟีย-ส่วยกรุง

นายอุเทน ชาติภิญโญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่ปี 2562 ได้ฟอร์มทีมรองผู้ว่าฯ กทม. เป็นคนรุ่นใหม่ และอดีตข้าราชการที่เก่ง แต่ระบบข้าราชการ ไม่กล้าใช้คนเหล่านี้ขับเคลื่อนหน่วยงานรัฐ ในฐานะที่เป็นคนคิดเป็นและทำได้ กล้าคิด กล้าทำ ขออย่า เชื่อภาพลักษณ์ลวงตา จงดูผลงานในอดีต คนจริงไม่สร้างภาพ เตรียมนโยบายไว้พร้อมทุกด้าน อาทิ นโยบายปราบปรามอิทธิพลมืด ปราบปรามส่วย ข้าราชการ กทม.ต้องรับเข้าบรรจุยาก แต่ต้องให้ออกง่าย แก้การทุจริตอย่างจริงจัง ส่วนการเก็บขยะสิ่งปฏิกูล จัดการโดยเผาทำลายแบบเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ที่ไปดูงานมา สามารถลดจำนวนคน กวาดถนนได้ 70% เอางบประมาณส่วนนี้ไปทำโรงเรียน อินเตอร์ อนุบาล-ป.6 เรียน 3 ภาษา ไทย-จีน-อังกฤษ 50 โรงเรียน 50 เขต นโยบายด้านท่องเที่ยว จะทำ กทม.จากเมืองน่าเที่ยว เป็นเมืองน่าอยู่