นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยหลังการหารือผ่านทางไกลกับนายเจีย วันเดค รมว.ไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่า สำหรับประเด็นการหารือร่วมกันประกอบด้วย
1.การแต่งตั้ง Contact point ในการประสานงานในการตรวจค้นพยานหลักฐานที่พบในกัมพูชาและการขยายการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิด เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการส่งพยานหลักฐานให้ทางฝ่ายไทยอย่างเดียว และนำไปขยายผลในการจับกุมผู้กระทำความผิดที่กัมพูชาไม่ได้2.การประสานงานในการขอข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือ VOIP ฝั่งกัมพูชา, IP Address และข้อมูลการโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิด เพื่อใช้ในการสืบสวนจากฝั่งไทย-กัมพูชา และกัมพูชา-ไทย 3.การจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทั้งฝ่ายไทย-กัมพูชา และ 4.การจัดทำบันทึกความเข้าใจหรือ MoU ระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายชัยวุฒิกล่าวว่า การหารือความร่วมมือครั้งนี้ เป็นความคืบหน้าจากที่ได้มีโอกาสต้อนรับนายซกกรัดทะยา ซก ที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เมื่อเดือน ส.ค.2564 ในประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านดิจิทัลระหว่างไทยและกัมพูชา และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ลงทุน
โดยที่ผ่านมาพบปัญหามิจฉาชีพและกลุ่มอาชญากรรมข้ามเขตแดนไทย-กัมพูชา และใช้เขตแดนเป็นฐานในการกระทำผิดกฎหมายและหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมดำเนินคดี โดยคนร้ายบางส่วนใช้วิธีโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ต (VOIP) ทราบ IP Address ที่คนร้ายใช้กระทำความผิด เมื่อตรวจสอบกับสถานที่ทำธุรกรรมการเงินของคนร้ายพบว่าตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเงินที่คนร้ายได้จากการกระทำความผิดจะฟอกเงินผ่านร้านรับแลกเงินในประเทศกัมพูชา หรือเงินสกุลดิจิทัล
“ขณะนี้รัฐบาลของทั้งสองประเทศเห็นความสำคัญของปัญหานี้ และเตรียมแนวทางขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ข้ามประเทศ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมความร่วมมือต่อต้านข่าวปลอม เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเดินทางข้ามมายังเขตแดนไทย เพื่อโพสต์ข้อความโจมตีรัฐบาลกัมพูชาผ่านเฟซบุ๊ก ทั้งนี้เพื่อหลบหลีกจากการที่รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายสอดส่อง (เซ็นเซอร์) การโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมตามแฟลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ”.