“กกต.”ออกแถลงการณ์โร่แจงดราม่า หลังโผล่แผนบินดูงานต่างประเทศ 6 คน ทำถูกวิจารณ์ยับ ลั่นต้องไปตามแผนงาน ไม่กระทบ “เลือกตั้ง” แน่นอน ย้ำหากมีเรื่องด่วน ก็ประชุมออนไลน์ได้
จากกรณีประชาชนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังจากที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 6 คน เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศในช่วงเวลานี้ หลังเกิดปัญหา 2 ประเด็นใหญ่คือ 1.เรื่องระบบลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าล่ม ทำให้ประชาชนจำนวนมากเสียสิทธิ และ 2.ในขณะนี้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เม.ย. “สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง” ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า “การเดินทางไปดูงาน เป็นไปตามโครงการการเตรียมการ และตรวจติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร” ในการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งมีทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ส.ส. นอกราชอาณาจักร เพื่อตรวจติดตามการเตรียมความพร้อม รับฟังสภาพปัญหา และการบริหารจัดการการเลือกตั้งในแต่ละประเทศที่มีข้อจำกัดแตกต่างกันตามกฎหมายภายในของประเทศนั้น ๆ ลักษณะภูมิประเทศ สภาพความเป็นอยู่
ทั้งนี้ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรืออาจนำมาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก่อนดำเนินการสำนักงาน กกต. ได้หารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอด ถึงวิธีการที่จะทำให้การเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด
ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง เดินทางไปเข้าร่วมโครงการเตรียมการและตรวจติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของสถานทูตและสถานกงสุลในประเทศต่าง ๆ ซึ่ง กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการนำมาพัฒนาระบบการบริหารจัดการการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ในโอกาสต่อไป จึงได้พิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่กระทบกับงานตามแผนปฏิบัติการที่ได้กำหนดไว้แล้ว
รวมถึงการเดินทางในห้วงเวลาที่จะไม่เป็นภาระในการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของสถานทูต หรือสถานกงสุลในประเทศต่า งๆ จึงได้กำหนดให้มีการเดินทางในห้วงระหว่างวันที่ 4-24 เม.ย. 2566 โดยแต่ละเส้นทางไม่ได้เดินทางไปพร้อมกัน และแต่ละเส้นทางที่เดินทาง ประกอบด้วย กกต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น เพียง 4-5 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว กกต. ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานสนับสนุนดำเนินการไว้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเดินทางไปต่างประเทศ ก็ยังมีการนัดหมายการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งตามปกติผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และหากมีเรื่องด่วน ก็อาจนัดหมายการประชุมเพิ่มเติมจากการประชุมตามปกติก็ได้
สำหรับกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมการการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทำให้ไม่สามารถพิจารณาคำร้องเรื่องการหาเสียงตามนโยบายให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท และการขยายเวลาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ขอเรียนว่า ข้อสังเกตดังกล่าวยังมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กล่าวคือ
- กรณีคำร้องนโยบายการหาเสียงการให้เงินทางดิจิทัล 10,000 บาท เป็นการยื่นคำร้องว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รายงานให้ กกต. ทราบเบื้องต้นแล้ว และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดก่อน จึงจะเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป ซึ่งต้องเป็นไปตามกรอบระยะเวลาและขั้นตอนที่กำหนด ไม่อาจยกขึ้นมาพิจารณาได้ทันที ประกอบกับขณะนี้มีพรรคการเมืองรายงานเรื่องนโยบายที่ใช้หาเสียงตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เพียง 6 พรรคการเมือง จากจำนวนพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง 70 พรรคการเมือง หรือบางพรรคการเมืองยังอยู่ในระหว่างส่งเอกสารเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถพิจารณาได้
- การขยายเวลาการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า กรณีเกิดปัญหาผู้ลงทะเบียนบางส่วนไม่อาจลงทะเบียนได้ในช่วงเวลา 21.00-24.00 น. ของวันที่ 9 เม.ย. 2566 เนื่องจากข้อจำกัดของระบบที่มีศักยภาพในการรองรับการเข้าใช้งานลงทะเบียนพร้อมกันเพียง 5,000 คนต่อ 1 วินาที ถ้าสูงเกินกว่าจำนวนดังกล่าวจะทำให้ระบบล่าช้า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เรียนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบตั้งแต่เกิดเหตและต่อเนื่องมาเป็นลำดับ
พร้อมทั้งได้ประสานงานกับสำนักบริหารการทะเบียน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข โดยได้ข้อสรุปว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ระบบสามารถบันทึกข้อมูลผู้ประสงค์จะลงทะเบียนแต่แสดงผลว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จไว้ ซึ่งระบบสามารถดึงข้อมูลผู้ประสงค์จะลงทะเบียนดังกล่าวมาจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้เกือบทั้งหมด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงเห็นว่าไม่จำต้องขยายเวลาลงทะเบียนออกไป และได้รายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วยแล้ว