เอกชนว่ายังไง! กกพ.เคาะแล้ว ค่าไฟงวดใหม่ ม.ค.-เม.ย. 66 บ้านเรือนจ่ายเท่าเดิม 4.72 บาทต่อหน่วย ตามมติ กพช. แต่เอกชนอ่วมแพงกว่าเกือบ 1 บาท ขึ้นไป 5.69 บาทต่อหน่วย แจงเเหตุหวั่น กฟผ.เจ๊ง ต้องทยอยคืนหนี้
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งที่ 58/2565 (ครั้งที่ 825) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ได้พิจารณาผลการคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟทีงวดใหม่ ม.ค.-เม.ย. 66 ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบ ประจำงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งการคำนวณค่าเอฟที ตามแนวทางดังกล่าวนี้ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย
ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย เนื่องจากปัจจัยหลักที่กระทบค่าเอฟมทีเอฟที ในรอบนี้มาจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้ามาทดแทนการลดลงของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และก๊าซธรรมชาติในสหภาพเมียนมา ตามการประมาณการปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติในการคิดค่าเอฟที ในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 และภาระการทยอยจ่ายคืนหนี้ให้ กฟผ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชน ได้ออกมาคัดค้านการปรับขึ้นค่าไฟต่อเนื่อง โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า หากรัฐพิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวด ม.ค.-เม.ย.66 เพิ่มขึ้นอีกจากปัจจุบันเฉลี่ยค่าไฟรวมอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยจะส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 5-12% ขณะเดียวกันยังจะกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอย่างมาก รวมถึงการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ ที่กำลังย้ายฐานท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย