กมธ.จ่อถกร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง พิจารณากฎหมาย 14 ก.ย. นี้! ครัวเรือนปลูกได้ 15 ต้น โทษคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท

กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ถกครบถ้วนแล้ว เตรียมพิจารณากฎหมายในสภาฯ 14 ก.ย. นี้ แย้มครัวเรือนปลูกได้ไม่เกิน 15 ต้น กำหนดโทษคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่อาคารรัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. และคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะ กมธ. ว่า ในวันนี้ คณะ กมธ. ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

ทั้งนี้ ร่างที่เสนอเข้ามามีทั้งหมด 45 มาตรา แต่หลังจากที่พิจารณากันรวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง มีการเพิ่มเติม โดยผ่านการพิจารณาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จนที่สุดแล้ว ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นมารวมทั้งสิ้น 95 มาตรา และได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้เสนอความเห็นเข้ามาอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ด้วยเหตุผลที่ว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของประเทศในแถบเอเชียที่มีกฎหมายลักษณะนี้เกิดขึ้น กฎหมายฉบับนี้ได้พิจารณาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าเป็นประโยชน์ในทุกมิติ

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวถึงรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติว่า หลักการสำคัญประการที่หนึ่งคือ แยกกิจกรรมที่เป็นยาเสพติดและไม่เป็นยาเสพติดออกจากกัน โดยสารที่มีความสำคัญคือสาร THC ที่เป็นสารสกัด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มึนเมาถ้าเกินกว่าปริมาณที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดได้กำหนดเอาไว้จะต้องปฏิบัติตามในฐานะเป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ถ้า THC ที่เป็นสารสกัดถ้าต่ำกว่าปริมาณที่กำหนดไม่ถือเป็นยาเสพติด ส่วนตัวพืชกัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติด

คณะ กมธ. ได้ยึดหลักการสำคัญในการแยกแยะระหว่างกัญชา กัญชง โดยสารที่มีความสำคัญในการตรวจวัดว่าเป็นกัญชาหรือกัญชง จะใช้สาร THC ในปริมาณที่มีการประกาศกำหนดว่าถ้าเกินกว่าที่ประกาศกำหนดให้เป็นกัญชา ถ้าน้อยกว่ากำหนดให้เรียกว่ากัญชง ซึ่งจะมีวิธีการควบคุมกัญชาเข้มข้นกว่ากัญชง และจะมีการควบคุมโดยเฉพาะกัญชาจากช่อดอกเป็นกรณีพิเศษ โดยจะมีการคลายมาตรการในการควบคุมในส่วนที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่อดอก เช่น รากลำต้น ใบเมล็ด เป็นต้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ สุขภาพ และทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น และแยกกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรออกจากในกระบวนการของการพิจารณากัญชงและกัญชา ผลิตภัณฑ์ใดที่เป็นสมุนไพรในฐานะสมุนไพรให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติสมุนไพรผลิตภัณฑ์ใดเกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีมาตรฐานในการควบคุมสารมึนเมาสูงมาก จึงเชื่อมั่นได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน และยังไม่นับประกาศอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุข และกรมอนามัย ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ยังคงมีผลปฏิบัติอยู่ ดังนั้นในส่วนของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่มีกฎหมายอยู่แล้ว


สำหรับประเด็นเรื่องการจดแจ้งและการขออนุญาตนั้น มีการแยกออกจากกัน การจดแจ้งภายในครัวเรือนนั้นให้ประชาชนมีสิทธิ์ปลูกได้ 15 ต้น สำหรับทุกคนครัวเรือนโดยการจดแจ้งเท่านั้นไม่มีค่าธรรมเนียม และการจดแจ้งต้องแล้วเสร็จภายใน 1 วัน ส่วนปลูกขนาดใหญ่ การจดแจ้ง ราก ลำต้น ส่วนของกัญชงสามารถปลูกได้ถึง 5 ไร่ โดยการจดแจ้งไม่ต้องขออนุญาต แต่ห้ามขายสำหรับความก้าวหน้าของกฎหมายนี้ คือ สถานพยาบาลทั้งหมดสามารถปลูกกัญชาเพื่อผลิตยาเฉพาะรายให้กับคนไข้ของตนเอง และขอจดแจ้งได้ ดังนั้นจะเป็นการเปิดเสรีทางการแพทย์อย่างแท้จริง สำหรับการผลิตเพื่อนำเข้าส่งออกหรือขายจะต้องมีใบอนุญาตทั้งสิ้น การขออนุญาต กมธ. พิจารณาให้เป็นบุคคลไทย หรือถ้าเป็นนิติบุคคลต้องเป็นนิติบุคคลไทยไม่เปิดช่องให้กับนิติบุคคลต่างชาติ

ทั้งนี้ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกัญชากัญชงจะเป็นประโยชน์สำหรับคนไทยทุกคน พื้นที่ใดก็ตามที่ปลูกกัญชาในทางพาณิชย์ที่ไม่เกิน 5 ไร่จะไม่ให้มีการเก็บค่าธรรมเนียม แต่ถ้าสูงกว่านั้นจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมตามขนาดพื้นที่ กฎหมายฉบับนี้จะทำให้การทำธุรกิจกัญชากัญชงเป็นไปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศ และเป็นไปเพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดของกลุ่มทุนทางการแพทย์และบริษัทยาข้ามชาติ กฎหมายฉบับนี้รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่กังวลในเรื่องของไม่ปลอดภัยในการใช้กัญชากัญชงในทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการนำพระราชบัญญัติควบคุมสุรา พระราชบัญญัติควบคุมยาสูบและพืชกระท่อม มาบูรณาการประยุกต์ใช้ในการควบคุมการกัญชาในกลุ่มเปราะบาง เด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร หากมีการขายให้กับเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท และถ้าทำความผิดมาตราอื่นๆ แล้วพ่วงกับการกระทำผิดเด็กและเยาวชนโทษจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โทษสูงสุดในกฎหมายฉบับนี้ คือ โทษสูงสุดของการนำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 500,000 บาท หากนำเข้าแล้วนำมาขายให้กับเด็กสตรีโทษสูงขึ้นเป็นสองเท่า รวมทั้งมีการกำหนดวิธีการขาย สถานที่จำหน่าย สถานที่สูบ โดยประยุกต์ใช้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในหลายกรณี เช่น ไม่ให้ขายช่อดอกกัญชากัญชงในเครื่องขายที่มีการหยอดเหรียญและผลิตภัณฑ์ที่เป็นช่อดอกกัญชาขายไม่ให้ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาด้วยความหลากหลายของ กมธ. และที่ปรึกษา กมธ. ทั้งที่เห็นพ้องต้องกันหรือเห็นแตกต่างกันได้ถกเถียงกันอย่างรอบคอบรัดกุมแล้วและคาดหวังว่าในชั้น กมธ. ที่ได้จบสิ้นแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับสมาชิกวุฒิสภาจะได้กรุณาพิจารณากฎหมายฉบับนี้เพื่อให้ผ่านความเห็นชอบให้เร็วที่สุด เพราะจะยุติสุญญากาศในสังคมได้ และ กมธ. มั่นใจว่ากฎหมายฉบับนี้หากประกาศใช้ได้เร็วที่สุด จะเป็นผลดีต่อสังคม

โดย สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ ในวันที่ 14 ก.ย. นี้ ขอให้ทุกคนติดตามการพิจารณาและ กมธ. หวังว่าจะมีการพิจารณาแล้วเสร็จในวันนั้น พร้อมกัน กมธ. คาดหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรจะให้การสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์กับเรื่องของกัญชากัญชงอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้บรรยากาศที่อ้างกันว่าเป็นสุญญากาศในวันนี้จบสิ้นไปโดยเร็ว