ข่าวดี! นักวิจัยไทยต่อยอดทำยาย้อนวัยจากโมเลกุลต้านแก่ “มณีแดง” ประสบความสำเร็จในหนูทดลอง สามารถสร้างข้อต่อดีเอ็นเอ ทำให้เซลล์ที่ชราแล้วกลับมามีรูปร่างและทำงานเหมือนเซลล์ปกติ หนูชรามีความจำดีขึ้น ผอ.สวทช.เตรียมทดลองในลิงและคน คาดใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี รู้ผลสัมฤทธิ์ ระบุเป็นความหวังในการรักษาโรคฮิตคนไทยทั้งเบาหวาน สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง ฯลฯ รวมถึงโรคที่อวัยวะเสื่อมสภาพจากการทำลายจากสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมวิจัยของ สวทช.นำโดย ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จในการต่อยอดยาย้อนวัยหรือยาอายุวัฒนะต้านความชรา จากโมเลกุล “มณีแดง” REjuvenating DNA by GEnomic stability Molecules (RED-GEMs) หลังจากก่อนหน้านี้ ได้มีการค้นพบดีเอ็นเอ (DNA) ในร่างกายของมนุษย์ในสภาวะเหนือพันธุกรรมตัวใหม่ชื่อ “ไรน์อีดีเอสบี” มีลักษณะเป็นข้อต่อดีเอ็นเอที่มีปริมาณน้อยในเซลล์ชรา จนมีการวิจัยพัฒนาต่อมาพบว่าโมเลกุลมณีแดง หรือ RED-GEMs จะช่วยในการเพิ่มข้อต่อดีเอ็นเอลบรอยโรคของดีเอ็นเอ แก้ไขความชราของเซลล์ได้ทั้งยัง ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในผู้สูงอายุ เช่น ความดันโลหิตสูง กระดูกผุ สมองเสื่อม และการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่มีประสิทธิภาพจากการสะสมรอยโรคของดีเอ็นเอ เช่น แผลของผู้ป่วยเบาหวานหรือแผลไฟไหม้ ที่มักหายยาก เป็นต้น และนำมาทดลองกับหนูในห้องแล็บ โดยการฉีดยามณีแดงเข้าที่ช่องท้องของหนูทดลอง ปรากฏว่า โมเลกุล มณีแดงสามารถสร้างข้อต่อดีเอ็นเอได้ เซลล์ที่ชราแล้วกลับมามีรูปร่างและการทำงานเหมือนเซลล์ปกติ แผลไฟไหม้ในหนูทดลองหายเร็วขึ้น ไขมันลงพุงลดลง หนูชรามีความจำดีขึ้นและคล่องแคล่วว่องไวพอๆกับหนูหนุ่มสาว เซลล์ต่างๆของหนูทดลองดีขึ้น หนูมีความหนุ่มขึ้น แข็งแรงขึ้น จุดบกพร่องต่างๆลดลง สามารถย้อนวัยหนูที่ชราแล้วให้กลับเป็นหนุ่มได้ และเมื่อเปรียบเทียบกับงานวิจัยอื่นๆ ในต่างประเทศ ผลการศึกษาของยาต่างๆ ในต่างประเทศไม่สามารถย้อนวัยได้สมบูรณ์เท่ามณีแดง
ผอ.สวทช.กล่าวต่อว่า ความสำเร็จของการ ทดลองนี้มีผลที่ดีเหนือความคาดหมาย ทำให้คณะผู้วิจัยจะขยายโครงการศึกษาไปทำการทดสอบในลิง ในสัตว์ใหญ่ และในคน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี รวมทั้งการทดสอบแก้ไขความชราในอิมมูนเซลล์ เพื่อรักษามะเร็งอีกด้วย เนื่องจากโมเลกุลมณีแดง มีศักยภาพในการรักษาโรคที่มีกลไกมาจากเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะเสื่อมสภาพที่พบในคนชราหรือชราเร็วจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โดยในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดแข็ง เสื่อมสมรรถภาพใน อวัยวะต่างๆ แผล เป็นต้น รักษาโรคที่อวัยวะเสื่อมสภาพจากการทำลายจากสิ่งแวดล้อม เช่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ปอดพังจากบุหรี่ ตับสมองพังจากสุรา ไตพังจากสารพิษ เป็นต้น เสริมสมรรถภาพของคนชราให้มีศักยภาพทางกาย รูปร่างหน้าตา เท่ากับคนหนุ่มสาว รวมทั้ง อาจใช้ป้องกันและรักษามะเร็งได้ โดยการแก้ไขความชราของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง และป้องกันมะเร็งจากการลดโอกาสเกิดการแตกทำลายของ DNA อันนำไปสู่การกลายพันธุ์ของยีน ใช้ชะลอการเสื่อมของร่างกายในเด็กที่มีความผิดปกติของยีนซ่อมแซมดีเอ็นเอ ใช้เสริมความงาม ใช้เพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและใช้ป้องกันความพิการแต่กำเนิด เป็นต้น
“ขณะนี้ได้หารือกับนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษาฯ แล้วว่าโมเลกุลมณีแดงอาจสร้างรายได้ให้ประเทศไทยในมูลค่ามหาศาลในรูปแบบต่างๆ รัฐบาลอาจจะต้องวางแผนเพื่อให้เกิดรายได้จากองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องโมเลกุลมณีแดงนี้ มณีแดงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัยที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบันและเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสในอนาคต” นายณรงค์กล่าว