ครม. อนุมัติกรอบวงเงินรวม 2.7 หมื่นล้านบาท สำหรับ 3 พืชสำคัญในโครงการ “ประกันรายได้” เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว ปี 64/65
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่ประสบปัญหาต้นทุนการเกษตรที่มีราคาปรับตัวสูงจากราคาน้ำมัน และปุ๋ยแพง โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้แก้ปัญหา“ปุ๋ยแพง” อย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งปุ๋ยมีราคาสูงขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทั้ง ราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าระวางเรือ ความต้องการ Demand สูงกว่า Supply ในขณะนี้
โดยให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งพิจารณาแนวทางในการแก้ปัญหาปุ๋ยแพง รวมทั้งต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตปุ๋ยภายในประเทศ ทั้งปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ให้เร่งหารือช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อลดต้นทุนค่าปุ๋ยในช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้น ลดการพึ่งพิงตลาดนำเข้า รวมทั้งต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรว่ารัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาอยู่ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำเป็นห่วงปัญหาราคาพืชผลเกษตรรายตัวตกต่ำขณะนี้ ในขณะที่ต้นทุนการผลิตของพี่น้องเกษตรเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 น้ำท่วม และราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น
ล่าสุดที่ ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติอนุมัติโครงการ “ประกันรายได้” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวม 3 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 27,390.09 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 วงเงิน 6,811.28 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้ฯ ปี 64/65 จำนวน 4 โครงการ รวมเงิน 291.4 ล้านบาท
2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 วงเงินรวม 1,863.51 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 45 ล้านบาท
3. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงินรวมทั้งสิ้น 18,378.90 ล้านบาท
ซึ่งจะครอบคลุมพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน ปลูกมันสำปะหลัง ประมาณ 5 แสนครัวเรือน และปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประมาณ 4.5 แสนครัวเรือน
“ท่านนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการ ให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในช่วงไตรมาส 4 ที่ยังมีปัจจัยเสี่ยง ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศและต่างประเทศ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ขอย้ำว่าท่านนายกฯ ย้ำ การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรนโครงการต่าง ๆ และการประกันรายได้ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลสุดนี้ ซึ่งจะดำเนินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คิดต่อไป ต้องดูแลเกษตรรายย่อย โดยเฉพาะเกษตรกรที่ทำการเกษตร ในพี้นที่เล็กๆ รวมทั้ง ให้แนวทางการช่วยเกษตรเกษตรในรูปแบบใหม่เพี่อยกระดับ การเกษตรของไทย ให้ยั่งยืน และ พึ่งพาตนเอง ได้ วันนี้ รัฐบาลมีนโยบายหลัก คือ การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ด้วยการแปรรูปสินค้าเกษตรด้วย และรัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกรไทย โดยจะเดินหน้าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหลักประกันให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว