การโหวตนายกฯในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายเศราฐา ทวีสิน แต่มีท่าทีจากสว. บางส่วนที่แสดงออกว่าจะไม่โหวตให้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ นายจตุพร มองว่า หากเพื่อไทยเสนอชื่อ “เศรษฐา” จะไม่ผ่านเสียง สว. และต่อให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊งค์” ก็จะเจอชะตากรรมไม่ต่างกัน สุดท้าย เก้าอี้นายกรัฐมนตรีจะจบที่ พล.อ.ประวิตร
วันที่ 17 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ก่อนวันโหวตเลือกนายก วันที่ 22 ส.ค.พรรคเพื่อไทย จะแถลงข่าวร่วม ประกาศจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมองว่าไม่มีทางที่ทั้งสองพรรคจะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หากไม่ได้ร่วมรัฐบาล ดูสัญญาณได้จากพรรคที่ล่วงหน้าไปก่อน เช่น ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา พูดคล้ายกันว่า ต้องตกลงเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีให้เรียบร้อยก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ
แต่แม้จะได้เสียงสนับสนุนจากทั้งสองพรรคแล้ว แคนดิเดตนายกฯที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ยังมีข้อครหาจากประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมาแฉ ทำให้เชื่อว่า สว.จะใช้ประเด็นนี้ในการไม่โหวตให้
ซึ่งบทสรุปอาจเป็นไปได้สองทาง คือนายเศรษฐา ถอนตัวก่อนวันโหวตเลือก หรือไปถึงวันโหวตแล้วได้เสียง สส. จากพรรคร่วมตามที่ตกลงกัน แต่ได้เสียง สว.ไม่เพียงพอเป็นนายกรัฐมนตรี
โดยนายจตุพร ยังฝากแนะไปถึงนายเศรษฐา ว่าให้นัดหมายออกสื่อพร้อมนายชูวิทย์ เพื่อตอบข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่ใช่ออกแถลงการณ์เป็นข้อความเพียงอย่างเดียว เพื่อเคลียร์ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามให้ครบถ้วน ไม่เช่นนั้นนอกจากจะไม่ได้ตำแหน่งนายกฯ แล้ว จะเดินต่อในฐานะนักธุรกิจก็ลำบาก เพราะจะมีเรื่องคดีความ
นายจตุพร ยังอ่านเกมต่อไปว่า เมื่อนายเศรษฐา ถูกสกัด จะทำให้ครอบครัวชินวัตร คิดหนักว่าจะส่งชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้โหวตนายกหรือไม่เพราะหากยืนยันจะเสนอชื่อก็จะถูกขุดเรื่องธุรกิจแบบเดียวกับที่นายเศรษฐา เจออยู่ตอนนี้
โดยให้จับตาดูกรณี “ทุนจีนสีเทา” กว้านซื้อหมู่บ้านย่านลาซาล เชื่อว่าจะถูกขุดขึ้นมา และสุดท้าย น.ส.แพทองธาร ก็เจอชะตากรรมแบบเดียวกัน คือ โหวตไม่ผ่าน หรือหากจะส่งชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ อีกคน ก็จะเจอแบบเดียวกัน สุดท้ายคิวจะตกไปที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค คงไม่รับ เพราะรู้ว่าเก้าอี้นายกฯ ตอนนี้เป็นของร้อน และคิวก็ตกไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย อาจเป็นฝ่ายเสนอชื่อขึ้นมาให้ด้วยซ้ำ
เมื่อถามถึงฉากทัศน์ ที่ก่อนหน้านี้นายจตุพร เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า น.ส.แพทองธาร อาจได้เป็นนายกฯ ในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่เก้าอี้จะไปถึง พล.อ.ประวิตร
นายจตุพร มองว่า กรณีนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ แต่เปอร์เซ็นต์น้อยกว่าการโหวตไม่ผ่านซึ่งหาก น.ส.แพทองธาร จะได้เป็นนายก ก็จะเป็นแบบสะบักสะบอม มีคนลงถนน ปลายทางอาจถึงขั้นต้องออกนอกประเทศเหมือนนายทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสุดท้ายเก้าอี้นายกฯ ก็จะมาถึง พล.อ.ประวิตร อยู่ดี