ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 15 เมษายน เวลา 21.00 น. “สิงห์สำอาง” เชลซี ทีมอันดับ 11 เปิดบ้านเจอกับ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ทีมอันดับ 7 โดยเจ้าบ้านไม่ชนะในลีกมา 4 นัดติด และเก็บ 3 แต้มได้แค่ 4 จาก 21 เกมหลังสุด ต่างจากทีมเยือนที่แพ้แค่ 4 จาก 18 นัดหลัง
แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือชั่วคราวของเชลซี ซึ่งยิงประตูไม่ได้ 4 เกมติดทุกรายการเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1993 เกมนี้อาจไม่มี คาลิดู คูลิบาลี ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อนัดกลางสัปดาห์ที่แพ้ รีล มาดริด 0-2 และนอกจาก อาร์มันโด โบรยา ที่เจ็บยาวอยู่ก่อน นอกนั้น แลมพาร์ด มีผู้เล่นให้เลือกครบ
แผงหลัง เบอนัวต์ บาเดียชิล น่าจะเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟกับ เวสลีย์ โฟฟานา แดนกลางมี เอนโซ เฟอร์นันเดซ มาเตโอ โควาซิช, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ 3 ประสานแนวรุก ชูเอา เฟลิกซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง
โรแบร์โต เดอ แซร์บี กุนซือไบรท์ตัน ไม่สามารถใช้งานลีวาย โคลวิลล์ เจอกับต้นสังกัดแม่ อดัม ลัลลานา, เจเรมี ซาร์เมียนโต และ ยาคุบ โมเดอร์ บาดเจ็บอยู่ทั้งหมด แต่ ทาริค แลมพ์ตีย์ หายไปหลายนัด รอเช็กความฟิตอาจได้ดวลทีมเก่า
โมเซส ไคเซโด และ อเลกซิส แมคอัลลิสเตอร์ เป็นตัวกลางคนสำคัญ เล่นร่วมกับ ปาสคัล โกรส โดยี คาโอรุ มิโตมะ และ ซอลลี มาร์ช เป็นตัวริมเส้น กองหน้าตัวเป้าจะใช้ แดนนี เวลเบค หรือ อีแวน เฟอร์กูสัน
สถิติเจอกัน 15 ครั้งในลีก เชลซี เหนือกว่ามาก ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้แค่ครั้งเดียวเมื่อต้นซีซั่นที่ ไบรท์ตัน ถล่ม 4-1 และแม้ 6 ครั้งหลังสุด เชลซี ชนะแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2020 แต่ เชลซี ก็ไม่เคยแพ้คาบ้านในเกมลีกต่อ ไบรท์ตัน มาก่อน (ชนะ 5 เสมอ 2)
คู่อื่น 18.30 น. แอสตัน วิลลา – นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, 21.00 น. เอฟเวอร์ตัน – ฟูแลม, 21.00 น. เซาแธมป์ตัน – คริสตัล พาเลซ, 21.00 น. ทอตแนม ฮอตสเปอร์ – บอร์นมัธ, 21.00 น. วูลฟ์ส – เบรนท์ฟอร์ด, 23.30 น. แมนเชสเตอร์ ซิตี – เลสเตอร์ ซิตี