- จีนต้องเผชิญหน้ากับการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกล่าสุดและรุนแรงที่สุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุบสถิติ นับตั้งแต่พบการระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกในโลกที่เมืองอู่ฮั่น เมื่อ 3 ปีก่อน
- ชาวจีนต่อแถวยาวที่คลินิกตรวจไข้ หลังรบ.ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผ่อนปรนนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ แบบเงียบๆ ท่ามกลางรายงานมีหมอ-พยาบาลในจีนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น รพ.ขาดแคลนยา และผู้คนในปักกิ่งต้องปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ระบาดรุนแรง ด้วยการไม่ออกนอกบ้าน
- หัวหน้าฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินองค์การอนามัยโลกชี้ เกิดการระบาดมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนมหาศาล ก่อนสี จิ้นผิง จะตัดสินใจทิ้งนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ เพราะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในการควบคุมการระบาดอีกต่อไป
และแล้วจีนกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดและรุนแรงที่สุด ในขณะที่รัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ยอมทิ้งนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ คุมเข้มสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชนิด 180 องศาไปอย่างเงียบๆ หลังเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ ต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ในหลายเมืองของประเทศ
แม้แต่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยคงไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่า รัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะยอมถอยแบบ ‘สุดซอย’ ทิ้งนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ ที่ทางการจีนปฏิบัติอย่างเข้มงวดมายาวนานนับ 3 ปี นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยเมื่อปลายปี 2562 ด้วยการหันมาผ่อนปรน ออก 10 มาตรการใหม่ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่บังคับตรวจ PCR-คนติดเชื้ออาการน้อยให้รักษาที่บ้าน
เมื่อ 7 ธ.ค. 2565 ทางการจีนได้ผ่อนคลาย นโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ ด้วยการออก 10 มาตรการใหม่ ปรับปรุงการรับมือโควิด-19
-ประชาชนจะไม่ถูกบังคับให้เข้าร่วมการทดสอบกรดนิวคลีอิก เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขนานใหญ่ตามภูมิภาคการปกครอง
-ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ และผ่านการตรวจเช็กรหัสสุขภาพ เพื่อเข้าถึงสถานที่สาธารณะ หรือเดินทางไปยังภูมิภาคอื่น ยกเว้น บ้านพักคนชรา สถาบันการแพทย์ โรงเรียนประถม และมัธยมต้น โรงเรียนอนุบาล และสถานที่พิเศษอื่นๆ
-ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการและผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยสามารถกักตัวที่บ้านหากทำได้
-ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงควรกักตัวที่บ้าน 5 วัน
-พื้นที่เสี่ยงสูงต้องยกเลิกมาตรการกักตัว หากไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ติดต่อ 5 วัน
จากนั้น คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ยังประกาศยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการตั้งแต่วันพุธที่ 14 ธ.ค. เป็นต้นไป เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะรู้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการอย่างแท้จริงในขณะนี้
ผู้ป่วยล้นรพ.ในจีน-หมอ พยาบาลติดโควิดเพิ่มขึ้น
สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรกว่า 1.41 พันล้านคน ในขณะนี้ นับว่ายังน่าวิตกกังวล เพราะโรงพยาบาลต่างๆ ในจีนกำลังท่วมท้นไปด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่พากันมาคลินิกตรวจไข้ ซึ่งทางการได้จัดตั้งขึ้นตามศูนย์บริการสุขภาพชุมชน เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่กลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีไข้
สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 14 ธ.ค. 2565 ว่า มีประชาชนต้องเข้าคิวต่อแถวยาว เพื่อรอรับการตรวจวินิจฉัยที่คลินิกตรวจไข้ใกล้ที่พักอาศัย
นอกจากนั้น ตอนนี้ ระบบสาธารณสุขของจีนก็กำลังตึงเครียดอย่างหนัก แพทย์และพยาบาลติดโควิด-19 เพิ่มขึ้น ซึ่งบางคนมีอาการป่วย แต่ก็ยังถูกบอกให้ต้องมาทำงาน เพราะขณะนี้มีแพทย์ พยาบาลที่จะรักษาดูแลผู้ป่วยไม่เพียงพอ จึงทำให้แพทย์และพยาบาลที่ติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสจะแพร่เชื้อไปให้แก่ผู้คนที่มาโรงพยาบาล
ประสบปัญหาขาดแคลนยา
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เคยเตือนว่าจีนจะถูกล้อมด้วยคลื่นการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากทางการได้ผ่อนปรนมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เพราะการ ‘ล็อกดาวน์’ หมายถึง ไม่มีการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติ และเชื่อกันว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ของจีนมีประสิทธิภาพน้อยกว่าวัคซีน ที่พัฒนาโดยชาติตะวันตก
บรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นว่า มีความเสี่ยงที่ระบบสาธารณสุขของจีนกำลังท่วมท้นไปด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิด-19
‘โรงพยาบาลของเราเต็มไปด้วยคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ละวันมีคนไข้มาที่โรงพยาบาลวันละ 700 หรือ 800 คนทุกวัน’ แพทย์คนหนึ่ง ซึ่งเผยเพียงนามสกุลว่าลี่ ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลเสฉวน กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในขณะนี้ พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยาลดไข้ขาดแคลน และกำลังรอยาที่จะถูกส่งมาให้เพิ่มเติม
ปักกิ่งเงียบเชียบ-คนไม่ออกนอกบ้านเลี่ยงติดเชื้อ
ท้องถนนในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน แทบร้างผู้คน เพราะประชาชนส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะออกนอกบ้าน ไม่พบเจอกับบุคคลอื่นหากไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่ทางการจีนได้ผ่อนปรนมาตรการคุมโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และปักกิ่งกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะเดียวกันชาวจีนก็พยายามซื้ออาหารสิ่งของจำเป็น ยา และ ATK ชุดตรวจโควิด-19 โดยสามารถตรวจด้วยตัวเองที่บ้านมากักตุนกันไว้
ผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารบนถนนซานหลี่ถุน ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้ง ย่านกินเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันอังคารที่ 13 ธ.ค. กลับแทบไม่มีลูกค้าเพราะส่วนใหญ่เลือกจะอยู่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ในขณะที่บรรดาสำนักงาน ร้านค้าและหน่วยงานต่างๆ ต้องประสบปัญหาขาดพนักงาน เพราะมีพนักงานป่วยจากติดเชื้อโควิด-19 กันเป็นแถว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนหนึ่งเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า โรงพยาบาลใหญ่หลายแห่งของกรุงปักกิ่ง มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 และมีไข้ ทำสถิติสูงสุดถึง 19,000 คนในช่วงวันที่ 5-11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าสัปดาห์ก่อนถึงกว่า 6 เท่า
นอกจากนั้นยังมีคนไข้ไปรอรับการตรวจวินิจฉัยที่คลินิกตรวจไข้ต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธ.ค. สูงกว่าวันอาทิตย์ของสัปดาห์ก่อนถึง 16 เท่า
ด้านซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวถึงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งว่า ถึงแม้จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่ ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
WHO ชี้จีนมีคนติดโควิดมหาศาล ก่อนผ่อนคลายมาตรการ
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ไรอัน หัวหน้าฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวกับนักข่าวถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจีนขณะนี้ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อมหาศาล จนเหมือนกับ ‘ระเบิดออกมา’ ว่าไม่ใช่เป็นเพราะ มีสาเหตุมาจากทางการจีนยกเลิกมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด แต่เป็นเพราะจีนเริ่มมีผู้ติดเชื้อในจีนจำนวนมากมานานแล้ว ก่อนทางการจะผ่อนปรนนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
‘เชื้อโควิดได้แพร่ระบาดอย่างรุนแรงในจีน เพราะมาตรการควบคุมการระบาดเหล่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งโควิด-19 ได้แล้ว ผมเชื่อว่าทางการจีนได้ตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์เพราะว่ามาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดของโควิด-19 เหล่านั้น ไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไป’
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : CNN, Xinhua, Dailymail, Channelnewsasia