ส่อแววดี หลังไทยตะลุยฉีดวัคซีนได้กว่า 54 ล้านโดส ล่าสุดนายกฯ คิกออฟฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ประเดิม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ด้าน สธ.เล็งฉีดให้เด็กชาย 1 เข็ม ส่วนเด็กหญิงฉีดได้ครบ 2 เข็ม พร้อมเก็บข้อมูลประเมินอาการภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เชื่อไม่น่าห่วง ดีกว่าเสี่ยงปล่อยเด็กติดเชื้อ ส่วนองค์การเภสัชกรรมเริ่มขายชุดตรวจ ATK ราคาจับต้องได้แค่ 40 บาท เริ่ม 18 ต.ค.นี้ที่ร้านขายยาองค์การฯ 8 สาขา จ่อเปิดขายออนไลน์เพิ่มความสะดวก ขณะที่สถานการณ์โควิดยังติดเชื้อรายวันเกินหมื่นราย แต่ตายลดต่อเนื่อง 5 จังหวัดภาคใต้ ยังหนัก ติดเชื้อรวมกว่า 2.3 พันคน ส่วน จ.น่าน ยังเหนียว ไร้ผู้ป่วยใหม่เป็นวันที่สอง
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ในไทยส่งสัญญาณดีวันดีคืน แม้ยอด ติดเชื้อรายวันยังเยอะ แต่ผู้เสียชีวิตลดต่ำร้อยศพต่อเนื่อง เป็นวันที่สอง หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น และเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนนับตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
ป่วยตายต่ำร้อยต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,828 คน จำแนกเป็นการติดเชื้อ ในประเทศ 10,710 คน จากเรือนจำและที่ต้องขัง 104 คน และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 14 คน ผู้รักษาหายป่วยเพิ่ม 11,894 คน อยู่ระหว่างรักษา 112,251 คน อาการหนัก 3,074 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 712 คน เสียชีวิตเพิ่ม 77 คน เป็นชาย 42 คน หญิง 35 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 62 คน มีโรคเรื้อรัง 8 คน ไม่มีโรคเรื้อรัง 7 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อ สะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,637,432 คน ยอดรวม หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,508,167 คน ยอด ผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 17,014 คน
5 จว.ใต้ติดเชื้อน่าห่วง
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 1,211 คน ยะลา 783 คน สมุทรปราการ 760 คน ชลบุรี 643 คน ระยอง 533 คน นราธิวาส 442 คน ปัตตานี 412 คน นครศรีธรรมราช 378 คน ปราจีนบุรี 362 คน และสงขลา 353 คน ส่วนจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมี 2 จังหวัด คือ จ.น่าน ที่ไม่พบ ผู้ติดเชื้อต่อเนื่องเป็นวันที่สอง และ จ.บึงกาฬ ส่วนยอด ฉีดวัคซีนวันที่ 2 ต.ค.จำนวน 288,016 โดส ยอดฉีดวัคซีน สะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 54,869,411โดส
เริ่มฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 4 ต.ค. ไทยเริ่มฉีด วัคซีนไฟเซอร์แบบปูพรมให้กับเด็กนักเรียน อายุ 12-18 ปี ในกลุ่ม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนเด็ก ปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เขตห้วยขวาง ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ไปตรวจเยี่ยมการจัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้ นร.ชั้นมัธยมตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดแผนให้นักเรียนนักศึกษาทุกสังกัด ที่มีอายุ ระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน จะได้รับการ ฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ทั้งสองเข็ม เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.67 โดยจะเริ่ม ฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัด
เล็งฉีด ด.ช. 1 เข็ม-ด.ญ. 2 เข็ม
ต่อมา นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เด็กอายุ 12-17 ปีว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดให้ผู้อายุ 12-17 ปี ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว เช่นเดียวกับองค์การอนามัยโลก และมีการฉีดในประเทศทางอเมริกาและยุโรป วัคซีนต้องดู 2 อย่าง คือ ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าประโยชน์ในการฉีดมีมากกว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดได้กับทุกวัคซีน ผลข้างเคียงเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โดยในเด็กหญิงสามารถฉีด 2 เข็มได้ ส่วนเด็กผู้ชายจะให้ฉีด 1 เข็มก่อน แล้วเก็บข้อมูลถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ที่สำคัญคือขณะนี้เราไม่มีวัคซีนตัวอื่นที่อนุญาตให้ใช้ ต่ำกว่าอายุ 18 ปีได้ ทั้งนี้ จะฉีดในเด็กชายและเด็กหญิง พร้อมเก็บข้อมูลดูว่ามีผลข้างเคียงมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ชื่อน่ากลัวแต่ไม่รุนแรง
นพ.โอภาสกล่าวว่า ในภาวะโรคอุบัติใหม่ความรู้ต่างๆเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การเปลี่ยนอะไรที่เร็วเกินไปอาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ทั้งนี้ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบไม่ได้รุนแรงมาก สามารถหายได้เองเพียงแต่ชื่ออาจจะดูค่อนข้างน่ากลัว แต่ถ้าไม่ฉีด จะเพิ่มความเสี่ยงกับตัวเด็กเองในการติดเชื้อและจะแพร่เชื้อไปให้กับผู้อื่นที่อยู่ในครอบครัวด้วย อย่างที่เราเห็นได้หลายประเทศที่เกิดการระบาดใหม่ก็เกิดขึ้นจากการติดเชื้อในเด็ก อย่างไรก็ตาม ทุกคนยอมรับเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่เราดูแลรักษาได้ ย้ำว่าผู้ปกครองไม่ต้องกังวลใจ และเชิญชวนให้เด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในบ้านเข้ามารับวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างความปลอดภัย
มั่นใจปีนี้ไม่ต้องฉีดเข็ม 4
นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 บูสเตอร์โดส ขณะนี้มีการฉีดสำหรับผู้ที่รับวัคซีน เชื้อตาย (ซิโนแวค) ครบ 2 เข็มในเดือน พ.ค.ค่อนข้างเยอะแล้ว และกำลังประกาศเรียกผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็ม หลังจากวันที่ 15 มิ.ย.เข้ามารับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้แล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องได้รับการบูสเตอร์โดสมีประมาณ 2 ล้านกว่าคน ขณะนี้ฉีดไปแล้วประมาณ 1 ล้านกว่าคน เชื่อว่ายังไม่ต้องฉีดเข็ม 4 ในปีนี้
อภ.ขาย ATK 40 บาท
ด้าน ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม (GPO) ได้จัดทำ “โครงการ ATK คุณภาพ เพื่อสังคมไทย” เพื่อให้คนไทยเข้าถึง ATK คุณภาพตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในราคาที่เหมาะสม ประชาชนเข้าถึงได้ อีกทั้งเป็นหนึ่งในกลไกตลาดที่ช่วยให้ราคา ATK ถูกลง โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาขององค์การเภสัช กรรมทั้ง 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ระยะแรกจัดหามา 2 ล้านชุด เป็นผลิตภัณฑ์ ATK ที่ได้รับการรับรองจาก อย. คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้วันที่ 18 ต.ค.นี้ ราคาชุดละ 40 บาท เป็นราคาต่ำกว่าท้องตลาดค่อนข้างมาก หลังจากนี้หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น องค์การฯจะจัดหาเพิ่ม เพื่อนำมาจำหน่ายต่อไป อีกทั้งในอนาคตจะมีการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ด้วย สำหรับร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม 8 สาขา ดังนี้ สาขาราชเทวี (สำนักงานใหญ่) ตรงข้าม รพ.รามาธิบดี สาขายศเส ด้านข้าง รพ.หัวเฉียว สาขาจรัญสนิทวงศ์ สาขาเทเวศร์ เยื้องธนาคารแห่งประเทศไทย สาขารังสิต ใกล้ตลาดสี่มุมเมือง สาขากระทรวงสาธารณสุข ตึกกรมการแพทย์ สาขาเวชศาสตร์เขตร้อน ข้างธนาคารไทยพาณิชย์ และสาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หากประชาชนมีข้อสงสัย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร.1648
ตายในทัณฑสถาน 2 ราย
วันเดียวกัน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2564 เวลา 16.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 104 คน โดยเป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ทั้งหมด รักษาหายเพิ่ม 915 คน เสียชีวิต 2 คน จากทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก และทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,146 คน แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียวร้อยละ 78.8 สีเหลืองร้อยละ 20.7 และสีแดงร้อยละ 0.5 ส่วนสถานะเรือนจำ มีเรือนจำสีแดง 22 แห่ง และเรือนจำสีขาว 120 แห่ง ผู้ติดเชื้อ รักษาหายสะสม 64,965 คน หรือร้อยละ 92.7 ของผู้ติดเชื้อสะสม 70,114 คน เสียชีวิตสะสม 155 คน คิดเป็นอัตราร้อยละ 0.2 ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด ส่วนกรณีมีการนำเสนอข่าวเรือนจำกลางพัทลุงพบผู้ต้องขังติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 323 คนนั้น เรือนจำกลางพัทลุงประกาศเป็นเรือนจำแพร่ระบาด เมื่อวันที่ 28 ก.ย.โดยยอดผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 2 ต.ค. เวลา 16.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวม 284 คน และทุกคนได้รับยาฟ้าทะลายโจร หรือยาฟาวิพิราเวียร์ พร้อมด้วยการรักษาและยาอื่นๆ ตามลักษณะอาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บันนังสตาติดเชื้อพุ่ง
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ภาคใต้ จ.ยะลา ยังคงน่าห่วงเมื่อพบผู้ป่วยใหม่พุ่งสูงสุดที่ 783 คน สาเหตุที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมาจากการร่วมกิจกรรมในชุมชน ที่ทำงาน แล้วแพร่ไปสู่ครอบครัวและเครือญาติ มากที่สุด รวม 605 คน จำนวนผู้ป่วยใหม่พบมากที่สุดใน อ.บันนังสตา 259 คน อ.เมือง 186 คน อ.ยะหา 102 คน อ.รามัน 88 คน อ.เบตง 50 คน อ.กรงปินัง 20 คน อ.กาบัง 9 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ศพ เป็นหญิงอายุ 58 ปี อยู่ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง และชายอายุ 60 และ 77 ปี อยู่ ต.สะเตงนอก และ ต.พร่อน อ.เมือง ส่งให้ยอดเสียชีวิตสะสม 192 ศพ
เร่งตรวจหาเชื้อคนเมืองคอน
วันเดียวกัน นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 315 คน จำนวนนี้อยู่ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช 113 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ศพ เป็นชายทั้งหมด อายุ 87 ปี 93 ปี และ 86 ปี รวมผู้เสียชีวิตสะสม 98 ศพ ขณะเดียวกัน มีการตั้งด่านตรวจคัดกรองเข้มเส้นทาง 4 มุมเมืองที่จะเข้าตัวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย จุดตรวจสามแยกบางปู ริมถนนสายนครศรีฯ-ท่าศาลา, จุดตรวจหน้าแขวงการทางที่ 1 ริมถนนกะโรม, จุดตรวจสามแยกเทิดพระเกียรติ ฝั่งขาเข้าเมือง, จุดตรวจสี่แยกคูขวาง ขาเข้าเมือง จุดตรวจสี่แยกหัวถนน ฝั่งขาเข้าเมือง และจุดตรวจหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา ฝั่งเข้าเมือง เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน ที่ สนง.สสจ.นครศรีธรรมราช มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เดินทางมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก โดยผู้ที่ผลเป็นบวก ทางญาติได้นำกระเป๋าเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของใช้มาส่งเพื่อเตรียมตัวรอรถทหารและรถกู้ภัยมารับ เพื่อไปส่งยัง รพ.สนามที่ทุ่งท่าลาด อ.เมือง และ รพ.สนามที่ อ.สิชล ต่อไป
พระมรณภาพหลังฉีดวัคซีน
ที่ จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 3 ต.ค. ร.ต.อ.บรรจง ศักดิ์พิมล พนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร พร้อมแพทย์ รพ.ปากน้ำชุมพร หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ เข้าตรวจสอบที่วัดพิชัยยาราม หรือวัดท่ายางกลาง หมู่ที่ 4 ต.ท่ายาง อ.เมือง หลังได้รับแจ้งจากพระมหาสมศักดิ์ กิจฺจสาโร เจ้าอาวาสวัดว่ามีพระลูกวัดมรณภาพอยู่ในกุฏิที่เป็นห้องปลูกติดกัน 4 ห้อง โดยภายในห้องที่สองจากขวามือพบพระมหาพายุ จตฺตภโย อายุ 35 ปี อยู่ ต.ท่ายาง อ.เมือง ชุมพร มรณภาพในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ศีรษะฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีโน้ตบุ๊กตั้งอยู่ ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ภายในกุฏิไม่พบการรื้อค้น ด้านพระมหาสมศักดิ์ กิจฺจสาโร ระบุว่า พระมหาพายุป่วยเป็นโรคหัวใจ เดินไกลๆจะมีอาการหอบ เหนื่อยง่าย และเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พระมหาพายุไปฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มที่ 2 พร้อมกับพระรูปอื่นๆ หลังจากกลับมายังเป็นปกติ แต่รุ่งเช้าของวันที่สาม ชาวบ้านนำอาหารมาถวาย พบว่าประตูไม่เปิดจึงให้พระลูกวัดช่วยมาเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงช่วยกันงัดหน้าต่างเข้าไป พบว่าพระมหาพายุมรณภาพอยู่ที่โต๊ะดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาพ่อและญาติเดินทางมาดูศพพระมหาพายุด้วยความเศร้าโศก โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ร้องไห้ด้วยความเสียใจจนล้มฟุบ ญาติต้องช่วยกันพยุงออกมาปลอบใจ และไม่ติดใจในการเสียชีวิตของพระมหาพายุ เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
อีสานคลัสเตอร์ใหม่ผุด
ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ ตรวจพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มหรือคลัสเตอร์ในเรือนจำโครงสร้างเบาโคกคำม่วง อ.เมือง เริ่มจากผู้ต้องขังรอการพิสูจน์ 1 คน ถูกส่งเข้าในเรือนจำฯ โดยตรวจคัดกรองโรคไม่พบเชื้อ กระทั่งตรวจซ้ำอีกครั้ง พบติดเชื้อ และมีการแพร่ระบาด ทำให้มีผู้ติดเชื้อรวม 16 คน ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ มีกลุ่มเสี่ยงสูงกว่า 100 คน เช่นเดียวกับ จ.อุบลราชธานี เจอคลัสเตอร์ธนาคารกรุงไทย สาขาอุบลราชธานี (ดอนกลาง) ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี พบผู้ติดเชื้อแล้ว 21 คน แยกเป็นกลุ่มพนักงาน 19 คน ครอบครัว 1 คน และลูกค้าฝากถอน 1 คน จึงขอให้ประชาชนที่ไปรับบริการที่ธนาคารกรุงไทยสาขาดังกล่าวระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-1 ต.ค.ให้กักตัว 14 วัน สังเกตอาการทันที
สิงคโปร์เล็งอยู่ร่วมกับไวรัส
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 235 ล้านคน เสียชีวิตสะสมกว่า 5 ล้านคน ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์รายงานยอดติดเชื้อสะสมในประเทศ ทะลุ 1 แสนคนอย่างเป็นทางการ พร้อมประเมินว่าในช่วงสัปดาห์นี้ ยอดติดเชื้อในวันเดียวอาจพุ่งเป็นวันละกว่า 5,000 คน หลังอัตราการติดเชื้อเพิ่มเท่าตัว ในทุกๆ 10 วัน กระนั้นนายอง เย กุง รมว.สาธารณสุขสิงคโปร์ ยอมรับว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาการปรับมาตรการตามแนวทางอยู่ร่วมกับไวรัส เน้นหลักการ ป้องกันเบื้องต้น ซึ่งต่างจากรูปแบบเดิมที่จะมีการกักบริเวณ ตามรอย ประกาศเตือน ตรวจหาเชื้อกันอย่างเข้มข้น หลังมีหลักฐานชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนต้านไวรัส (ฉีดครบโดสแล้วเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์) ช่วยป้องกันล้มป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ดี โดยสัดส่วนผู้ที่ล้มป่วยหรือเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนครบโดสอยู่ที่ 0.12 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 80 ปี และกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 50 ปี ลงไปที่ฉีดครบโดส ยังไม่มีใครเสียชีวิต