จำนวนชาวยูเครนที่อพยพหนีภัยสงคราม อาจพุ่งถึง 1.5 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่รัสเซียยังเดินหน้าโจมตียูเครนเป็นวันที่ 11 พร้อมขู่ชาติที่คว่ำบาตรเท่ากับประกาศสงครามกับรัสเซีย
สถานการณ์สู้รบที่ทวีความตึงเครียดในยูเครน และความล้มเหลวในการเจรจาหยุดยิงชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้พลเรือนในมาริอูโปล และโวลโนวากา ออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ทำให้ชาวยูเครนจำนวนมากที่ยังหาทางออกจากประเทศได้ ต่างเร่งอพยพหนีภัยสงครามออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดหมายไปยังโปแลนด์ โรมาเนีย สโลวะเกีย โดยมีการประมาณการณ์ว่า จนถึงวันที่ 11 ของการถูกรุกราน น่าจะมีชาวยูเครนที่อพยพออกนอกประเทศไปแล้วถึง 1.5 ล้านคน
โดยยูเครนยืนยันจะมีการเดินหน้าเจรจาหยุดยิงกับฝ่ายรัสเซียเป็นรอบที่ 3 ในวันจันทร์นี้ ถึงแม้ว่ารัสเซียจะยังไม่มีการตกลงที่แน่ชัดก็ตาม โดยในการแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาได้เรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียลุกขึ้นมาต่อสู้และขับไล่ปิศาจร้ายเหล่านี้ให้ออกจากพื้นที่ให้ได้ พร้อมยังร้องขอให้ชาติตะวันตกยกระดับมาตรการคว่ำบาตรในด้านต่างๆ และสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนเพื่อกดดันรัสเซียให้มากขึ้น
ด้าน สหรัฐอเมริกา ระบุว่า จะมีการส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มมากขึ้น และเตือนไปยังรัสเซียอีกรอบว่าการคว่ำบาตรจะขยายวงออกไปหากรัสเซียยังไม่ยุติสงคราม โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเร่งจัดสรรงบฉุกเฉินอีกราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้วิกฤติครั้งนี้ด้วย
ขณะที่ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุก่อนหน้านี้ว่า การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก เทียบเท่ากับการประกาศสงคราม และเตือนว่าหากชาติมหาอำนาจพยายามที่จะประกาศเขตห้ามบินในยูเครน จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายต่อยุโรปและประเทศทั่วโลก.
ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย