เมียใจสลาย ผัวที่แสนดีถูกจับข้อหาลวงฆ่าเพื่อนบ้านสาวสวย อ้างแอบชอบมานานแล้ว คนช็อกทั้งหมู่บ้าน ไม่คิดว่าจะเป็นคนลงมือ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 มกราคม 2566 ตำรวจชุดสืบสวนนครพนม และชุดสืบสวน งานป้องกันปราบปราม สภ.วังยาง คุมตัว นายนิมิตร อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ผู้ตายคือ น.ส.นฤมล อายุ 40 ปี นอนเสียชีวิต ห่างจากบ้านพักประมาณ 50 เมตร เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2566 โดยสภาพศพถูกทุบด้วยของแข็ง บริเวณศีรษะ เป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลทั่วพื้น เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จนกระทั่ง เช้าวันที่ 10 มกราคม 2566 ทางญาติจึงไปพบศพ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังยาง มาตรวจสอบเก็บหลักฐาน ต่อมามีการขยายผล จากข้อมูลการสืบสวนพบเบาะแสจากโทรศัพท์มือถือ เชื่อมโยงเป็นหลักฐานสำคัญเข้าตรวจสอบ จับกุมผู้ต้องหา มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ภายหลังการจับกุม ทางผู้ต้องหา คือ นายนิมิตร อายุ 57 ปี ได้รับสารภาพ เนื่องจากจนมุมด้วยหลักฐาน โทรศัพท์มือถือที่ติดต่อกับผู้ตาย เป็นคนสุดท้ายก่อนก่อเหตุ พร้อมรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากแอบชอบผู้ตายมานาน อีกทั้ง สามีผู้ตายไปทำงานต่างจังหวัด จึงฉวยโอกาสจากการสนิทสนม เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ล่อลวงชักชวน ให้ออกมาจากบ้าน ก่อนที่จะพยายามกระทำอนาจาร โดยใช้เงินล่อลวง จะดูแล แต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจาก ผู้ตายไม่มีปัญหาการเงิน และมีหน้าตาดี ไม่เชื่อว่าจะเป็นแรงจูงใจในการนำสู่ปมคบหากับผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ต้องหาอาจจะใช้วิธีอื่นในการล่อลวงให้ออกมาจากบ้าน และพยายามก่อเหตุทำอนาจาร ก่อนที่ผู้ตายข่มขู่จะเอาผิด จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบทำร้ายร่างกาย ใช้ท่อนไม้ทุบตี จนเสียชีวิต
นอกจากนี้จากการสอบถามผู้ต้องหา และญาติผู้ตาย ทราบว่าหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหายังมาไหว้ศพ และช่วยเตรียมสถานที่จัดงานแบบเลือดเย็นหวังกลบเกลื่อนความผิด แต่สุดท้ายหนีไม่รอดจากหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตามตำรวจยืนยันมีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดทางกฎหมาย และจับกุมไม่ผิดตัว
สำหรับการทำแผนประกอบการรับสารภาพครั้งนี้ ได้คุมตัว นายนิมิตร อายุ 57 ปี ผู้ต้องหา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ และท่อนไม้ไผ่ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ไปชี้จุดเกิดเหตุ ทั้ง 3 จุด คือจุดแรก คือ จุดที่ปั่นรถจักรยานยนต์ มาจากบ้านพัก เพื่อมาพบผู้ตายในที่เกิดเหตุจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนที่จะมีการจอดจักรยานไว้ห่างจากจุดพบศพประมาณ 100 เมตร และเดินไปหาผู้ตาย และมีการพูดคุยพยายามกระทำอนาจารกอดผู้ตาย แต่ไม่ยินยอม และถูกข่มขู่ว่าจะเอาผิด จึงทำร้ายร่างกายด้วยการตีเข้า จนผู้ตายทรุดลงกับพื้น และนำท่อนไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนที่จะนำท่อนไม้มาทิ้งในทุ่งนาอีกจุดห่างที่เกิดเหตุ ประมาณ 50 เมตร และนำโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ไปโยนทิ้งลงสระน้ำ หน้าบ้านพักของผู้ต้องหา ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ภายหลังตำรวจสอบสวนมีการรับสารภาพ และไปตรวจค้นหาพบของกลางมือถือผู้ตายมาตรวจสอบ รวบรวมหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหา นำสู่การดำเนินคดีจับกุม แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ส่วนการทำแผนไม่มีเหตุวุ่นวาย โดยมีตำรวจคุ้มกันดูแลรักษาความเรียบร้อย กว่า 50 นาย ซึ่งมีชาวบ้าน ญาติพี่น้องผู้ตาย กว่า 100 คน มายืนมุงดู และพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความหดหู่ใจ ไม่คาดคิดว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นคนร้าย เพราะไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวมาก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าว หลังเกิดเหตุได้ระดมทีมสืบสวนนครพนม ทั้งตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ตรวจสอบข้อมูลสรุปพยาน รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ จนขยายผลพบเบาะแสสู่การจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนในการติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะนำหลักฐานผู้ตายไปทิ้งลงสระน้ำ และมีการตรวจสอบเก็บหลักฐานมาตรวจสอบ เชื่อมโยงจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ ส่วนปมการก่อเหตุมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี และเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย ทำให้รู้จักมักคุ้นกัน และเชื่อว่าผู้ต้องหาใช้ความสนิทสนมล่อลวงมาก่อเหตุ เพื่อทำอนาจาร แต่ผู้ตายไม่ยอม และขู่เอาผิด จึงลงมือก่อเหตุขึ้น โดยผู้ต้องหารับสารภาพทั้งหมดว่าก่อเหตุจริง และมีการตรวจสอบพบพยานหลักฐานเพียงพอ มั่นใจสามารถดำเนินคดีเอาผิดคนร้ายได้อย่างแน่นอนไม่ผิดตัว
ส่วน นายพูลสวัสดิ์ อายุ 46 ปี ผู้บ้านใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านนาขาม ต.วังยาง อ.วังยาง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนบ้านรู้จักผู้ก่อเหตุมาแต่เกิด ยอมรับว่าปกติเป็นคนดี ไม่มีนิสัยก้าวร้าว ไม่ดื่มเหล้า หรือเสพยา เป็นคนทำมาหากิน แต่ไม่ทราบสาเหตุว่ามีอะไรจูงใจให้ก่อเหตุ โดยไม่มีข้อมูลมาก่อนว่าทั้ง 2 คน มีความสัมพันธ์กันเชิงชู้สาว เพราะผู้ต้องหามีภรรยาอยู่ด้วย แต่ยอมรับว่าคุ้นเคยกันในฐานะเพื่อนบ้านเดียวกัน หลังเกิดเหตุยังไม่คาดคิดว่า นายนิมิตร หนึ่งคำมี ผู้ต้องหาจะก่อเหตุ จนกระทั่งตำรวจนำหลักฐานมายืนยันชัดเจนว่าเป็นคนลงมือ จึงยอมรับในการกระทำของเพื่อนบ้าน และขอให้รับผิดกับการกระทำที่ก่อไว้
นอกจากนี้ จากการสอบถาม นางวิลาพร อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนยอมรับรู้สึกตกใจและเสียใจมาก ภายหลังทราบข่าวว่าสามีถูกจับกุม เพราะไม่คาดคิดว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากไม่เคยมีพฤติกรรมชู้สาวมาก่อน และไม่มีปัญหาครอบครัว ถึงแม้ตนจะเป็นภรรยาคนที่ 2 เพราะภรรยาคนแรกเสียชีวิตเมื่อ 5 -6 ปีที่ผ่านมา จากนั้นตนจึงมารู้จักอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน มาประมาณ 3 ปี ถึงแม้ไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ไม่เคยมีปัญหาครอบครัว และชู้สาว ปกติสามีเป็นคนขยันทำไร่ทำนา รับจ้างทั่วไป มาถึงวันนี้ยังไม่เชื่อว่ามีจะก่อเหตุร้ายขึ้น จนพูดไม่ออก ได้แต่ร่ำไห้ สุดท้ายในเมื่อตำรวจมีหลักฐานชัดเจนต้องให้สามีได้รับกรรมเอง