ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ลดลง จากความกังวลว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงจะกระทบผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทต่างๆ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบกับราคาทองคำบวกเล็กน้อย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 12 ต.ค. 2564 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 117.72 จุด หรือราว 0.34% ปิดที่ 34,378.34 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 10.54 จุด หรือราว 0.24% ปิดที่ 4,350.65 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ปรับลด 20.28 จุด หรือราว 0.14% ปิดที่ 14,465.92 จุด
วอลล์สตรีทขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร จากความกังวลว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องบวกกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานติดขัด และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูง จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในขณะที่ฤดูประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 กำลังจะเริ่มขึ้นในวันพุธนี้ นอกจากนั้น นักลงทุนยังเฝ้ารอการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อใช้เป็นเบาะแสว่า เฟดจะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อใดด้วย
ด้านราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากกลุ่ม ซิตีกรุ๊ป ออกมาคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจแตะที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล ในช่วงฤดูหนาวปีนี้ เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานในเอเชีย, ยุโรป และสหรัฐฯ ทำให้หลายประเทศต้องเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตพลังงานมาเป็นน้ำมันแทน ทำให้ปริมาณน้ำมันในสต็อกลดต่ำลง ในขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสยังไม่ตัดสินใจเพิ่มกำลังผลิต
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 0.12 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 0.2% ไปอยู่ที่ 80.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 0.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 0.3% ไปอยู่ที่ 83.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากลดลงต่อเนื่องมา 3 วัน หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง ทำให้ความต้องการทรัพย์สินปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.2% ปิดที่ 1,759.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.