สลดดับเพิ่มอีกราย! รวมตายในบ่อบำบัดน้ำเสียมรณะ 3 ศพ จนท.ตรวจชัดแล้วสาเหตุ พบแก๊สไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟร์ ญาติทำพิธีเชิญวิญญาณ
จากกรณีช่างอาคาร 3 รายหมดสติระหว่างลงไปทำงานภายในท่อระบายน้ำ บริเวณลานจอดรถ หลังคอนโดย่านบางนา ต่อมารปภ.คอนโด จะลงไปช่วยเหลือ แต่หมดสติอีกราย ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าช่วยเหลือไว้ แต่ไม่ทันมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดเวลา 09.00 น.วันที่ 20 ก.ค.65 ตำรวจ สน.บางนา พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางนา สำนักการโยธา สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย มีลักษณะสี่เหลี่ยม ขนาดกว้าง 3×4 เมตร ลึกมากกว่า 4 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ เปิดฝาท่อบ่อบำบัดน้ำเสีย ก่อนจะหย่อนสายเซ็นเซอร์ของเครื่องตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของแก๊สลงไปลึกจากผิวดินประมาณ 3 เมตร แต่อยู่เหนือผิวน้ำ 1 เมตร ซึ่งในบ่อมีน้ำสูงประมาณ 80 เซนติเมตร
สำหรับแก๊สที่ตรวจวัด จะหาค่าออกซิเจน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และแก๊สแอมโมเนีย ซึ่งหากมีปริมาณแก๊สเหล่านี้มากจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย จนเป็นเหตุให้หมดสติหรือเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 20 นาที ก่อนที่เครื่องตรวจแก๊สจะส่งเสียงดัง แสดงถึงความเข้มข้นของปริมาณแก๊สที่อยู่ด้านล่าง มีความอันตรายถึงชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.มนต์เสก ตระกูลพานิชย์ ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเหตุดังกล่าว โดยแนวทางการสอบสวนยังไม่ได้ให้น้ำหนักไปในเรื่องของไฟฟ้าชอร์ตหรือเรื่องใด เพราะต้องรอผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ จึงจะสามารถจะสรุปสำนวนในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตได้ ส่วนการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ต้องตรวจสอบก่อนว่าใครเป็นผู้สั่งการในการปฏิบัติงานครั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่าหัวหน้าผู้ควบคุมงานก็ร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วย ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย คือ นายดิเรก อินทะรังษี อายุ 37 ปี นายวราวุฒิ อู่นาท อายุ 23 ปี และนายทศพล ฟักสวัสดิ์ อายุ 26 ปี ทั้งหมดเป็นช่างอาคาร
ต่อมาระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ญาติของนายดิเรก ผู้เสียชีวิตเดินทางมาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ โดยนายประสิทธิ์ พิมเสน ลุงของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า มาเชิญดวงวิญญาณและรับศพหลานกลับบ้านที่จ.น่าน โดยหลานชายเพิ่งเข้าทำงานที่บริษัทนี้ได้เพียง 3 เดือน หลังจากกลับไปพักและทำการเกษตรที่บ้านเกิด เพราะโควิด-19 ระบาดประมาณ 7 เดือน ก่อนจะกลับมาสมัครงานและได้งานที่บริษัทนี้ หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจ ทานอาหารไม่ลง และตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาชี้แจงรายละเอียดอะไร มีเพียงบริษัทที่ทำงานบอกจะรับผิดชอบเต็มที่ ส่วนนิสัยของผู้ตายนั้นเป็นคนร่าเริง มีความรับผิดชอบสูง ทำงานเลี้ยงลูก 2 คน ตนก็ไม่คิดว่าหลานจะจากไปเร็วขนาดนี้
ภายหลังการตรวจสอบเสร็จในเวลา 11.00 น. นายรณยุทธ กุลพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญการทำงานที่อับอากาศ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ พบแก๊สไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟร์ บริเวณเหนือน้ำเสียไม่เกิน 1 ฟุต และมีปริมาณออกซิเจนต่ำ ไม่เอื้อต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งปริมาณแก๊สที่พบถือว่าอันตราย โดยปกติแล้ว มีกฎหมายควบคุมในการทำงานที่อับอากาศ ต้องมีการวัดค่าบรรยากาศก่อนการทำงานทุกครั้ง หากพบแก๊สอันตรายต้องใช้พัดลมระบายอากาศออกไปและตรวจสอบซ้ำว่าสามารถทำงานได้หรือไม่ รวมถึงผู้ปฏิบัติงาน ต้องสวมใส่ชุดสายคล้องสะพาย เพื่อใช้เกี่ยวตัวในกรณีหมดสติจะได้ช่วยเหลือขึ้นมาได้ รวมถึงต้องมีทีมช่วยเหลือทั้งหมด 4 คู่ ประกอบด้วยผู้อนุญาต ผู้ควบคุม ผู้เฝ้าระวัง และผู้ปฏิบัติงาน
ด้านนายณัฐภัทร หยุ่นกิ้มเซ้ง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูที่เข้าช่วยเหลือวานนี้ เผยว่า หลังรับแจ้งเหตุว่ามีผู้หมดสติภายในบ่อบำบัดน้ำ จึงมาตรวจสอบเบื้องต้นที่ปากบ่อ พบว่ามีบรรยากาศอันตราย ไม่สามารถลงไปได้ แต่เห็นคนลอยคออยู่ในน้ำก้นบ่อ จึงไปสวมอุปกรณ์เซฟตี้ ก่อนลงไปช่วยเหลือ เบื้องต้นไม่พบไฟฟ้ารั่ว แต่ก้นบ่อมีเพียงบันไดที่พาดไปถึงพื้น ไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้อื่นๆ มีเครื่องอัดอากาศเปิดทำงานอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นการเปิดก่อน หรือหลังมีผู้หมดสติ ส่วนผู้บาดเจ็บคนแรกที่พบ เป็น รปภ.ยังมีสติอยู่ แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนช่างอีก 3 คน จมน้ำคว่ำหน้า ก่อนเร่งนำขึ้นมาบนปากท่อ ตรวจสอบไม่พบสัญญาณชีพ จึงปั๊มหัวใจช่วยเหลือก่อนนำส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม สภาพผู้บาดเจ็บไม่เหมือนผู้ที่ถูกไฟชอร์ต เพราะไม่พบร่องรอยการไหม้