เปิดใจเหยื่อสาว แฉพฤติกรรมหื่นหมอ สั่งถอดกางเกง-ลวนลาม เหยื่อโผล่ถึง 8 ราย รับแค้นใจมาก ไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใครอีก คิดว่าทำมานานมากแล้ว
จากกรณีสาวโพสต์ เตือนภัยป่วยทอนซิลอักเสบ แต่หมอคลินิกย่านรามคำแหง สั่งถอดกางเกงฉีดยาและลวนลามกลางห้องตรวจ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 7 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่บ้านของน.ส.เอ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว และเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ปกติตนป่วยเป็นโรคต่อมทอนซิลอักเสบอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งจะไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยหมอจะให้ทานยาหรือฉีดยาบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อให้หายเร็ว แต่วันนั้นตนเจ็บคอมาก และที่โรงพยาบาลไม่มีแพทย์เข้าเวร ทำให้ตนตัดสินใจไปรักษาที่คลินิกดังกล่าว ซึ่งเคยไปใช้บริการ แต่ไม่เคยรักษากับหมอคนนี้
น.ส.เอ กล่าวว่า ระหว่างเขาซักถามอาการเบื้องต้น ก็ไม่ได้พบความผิดปกติ ตนจึงได้ขอฉีดยาเพื่อให้หายไว หมอจึงให้ไปนอนรอบนเตียง ในท่าตะแคงหันหลัง และให้ถอดกางเกง โดยบอกว่าจะฉีดบริเวณสะโพก ตนก็พยายามถามเหตุผลว่าทำไมต้องฉีดสะโพก เพราะที่โรงพยาบาลเคยฉีดบริเวณข้อพับแขน แต่หมออ้างว่าถ้าฉีดข้อพับแขนจะออกฤทธิ์แรงเกินไปตนจึงไม่เอะใจ
“จากนั้นหมอคนนี้ให้ขยับเข้าไปใกล้อีก ตอนแรกนอนอยู่กลางเตียง ให้ขยับไปจนริมขอบเตียง และเขาก็เริ่มฉีดยาบริเวณสะโพก ใช้มือนวดยาไปด้วย ก่อนทำอนาจาร แต่ก็ไม่กล้าโวยวาย เพราะเข็มยังปักอยู่ ทำได้แค่นอนแข็งทื่อ”
น.ส.เอ กล่าวว่า พอฉีดยาเสร็จหมอก็ไปนวดเท้าต่อ เพื่อดูอาการแพ้มดกัด ทั้งที่ตนยังไม่ได้ใส่กางเกงให้เรียบร้อย เมื่อบอกว่าอาการที่เท้าไม่เป็นอะไรแล้ว หมอยังหาเรื่องนวดต่อ รวมเวลากว่า 5 – 7 นาที ก่อนจะกลับไปนั่งโต๊ะและจ่ายยาตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุตนได้บอกครอบครัวทันที แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ มีเพียงคลิปสั้นๆ ที่ถ่ายไว้ตอนฉีดยาแรกๆ ที่หมอยืนชิดเท่านั้น ตนจึงกลัวว่าจะไม่สามารถเอาผิดได้ และตัดสินโพสต์ลงโซเชียลมีเดียแทน
น.ส.เอ กล่าวว่า หลังจากโพสต์ก็มีผู้เสียหาย 8 คน ติดต่อมาบอกว่าเจอหมอคนนี้กระทำแบบเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ตนอยู่ระหว่างการปรึกษา กับผู้เสียหายรายอื่นว่าจะดำเนินคดีเอาผิดกับหมอคนดังกล่าวหรือไม่
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า แค้นใจมาก กลัวเรื่องเดียวไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใครอีก เท่าที่ดูตนคิดว่าเขาทำมานานมากแล้ว ขนาดตอนอายุเท่านี้ยังรู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นเด็กหรือคนที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ เขาอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองโดนกระทำ คงคิดว่าหมอตรวจเช็กร่างกายตรวจโรคตามปกติ