ทนายกองทัพธรรม จัดหนักเอาผิด “หมอปลา” พร้อมพวก และสาวใหญ่อ้างเป็นผู้เสียหาย กล่าวหา “เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม” ค้างค่าก่อสร้างวัดดัง เล่นงานอาญา ฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ส่วนแพ่ง ฟ้องให้นำคำพิพากษาศาลเผยแพร่ออกสื่อ รวม 46 สำนัก ด้านสื่อออกข่าวสร้างความเสียหาย เมตตาแค่ทำพิธีขอขมา ส่วน “ทนายอนันต์ชัย” ยันไม่ฟ้องแพ่งเรียกเป็นเงิน เพราะไม่ต้องการเงินบาป พร้อมฝากสื่อเป็นบทเรียน อย่านำเสนอแค่เอาเรตติ้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค. 65 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 ได้รับการขอขมาจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ จำนวน 10 สำนัก กรณีมีการนำเสนอข่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา ร่วมกับ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ นางสาววรรณวิสา ประทุมวัน อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า พระเทพวรมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ค้างค่าจ้างก่อสร้างถาวรวัตถุ ของวัดมรุกขนคร ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปี 2536 พร้อมมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนัก รวม 10 สำนัก ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อโทรทัศน์ รวมถึงสื่อหนังสือพิมพ์ โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเป็นการบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียให้กับเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เนื่องจากตรวจสอบแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการว่าจ้างตามคำกล่าวอ้าง เนื่องจากในช่วงดำเนินการก่อสร้าง ทางพระเทพวรมุนียังไม่มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร
ทั้งนี้เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของคดีอาญา ทางพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม มอบอำนาจให้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อม นายเอื้อ มูลสิงห์ ทนายกองทัพธรรม จังหวัดนครพนม และไวยาวัจกรวัดพระธาตุพนม เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อรรถพงศ์ จรลี พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมพวก คือ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ นางสาววรรณวิสา ประทุมวัน อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะไม่มีการยอมความ
ส่วนความผิดทางแพ่งได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนมตามคดีหมายเลขดำที่ พ.1102/2565 ข้อหาฐานความผิด ละเมิด ให้จำเลยทั้งสามโฆษณาคำพิพากษา และคำขอโทษเป็นเวลาต่างๆ ในสื่อทุกแขนง จำนวน 46 สื่อ เป็นเวลา 7 วัน โดยไม่เรียกร้องความเสียหายเป็นเงิน ซึ่งศาลจังหวัดนครพนม นัดสืบพยานไกล่เกลี่ย 3 ตุลาคม 2565 พร้อมยืนยันจะไม่มีการยอมความทุกกรณีให้เป็นคดีตัวอย่าง
ด้าน ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม เปิดเผยว่า จากปัญหาการบิดเบือนข้อมูลการร้องเรียนดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตรวจสอบเอกสารหลักฐานร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม พบว่าการก่อสร้างพัฒนาวัดมรุกขนคร เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2536 พระเทพวรมุนียังไม่เป็นเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร แต่บุคคลที่ร้องเรียนกล่าวอ้างว่าเข้าไปก่อสร้างเมื่อต้นปี ประมาณเดือนมกราคม 2539 ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การดำเนินก่อสร้างไม่เกี่ยวกับ พระเทพวรมุนี แต่เป็นข้อตกลงกับบุคคลผู้นำชุมชนหมู่บ้าน คณะกรรมการวัดถือเป็นคณะบุคคลที่ดูแลการก่อสร้าง พร้อมมีการบอกเลิกสัญญาเนื่องจากผู้รับจ้างทำงานล่าช้า และไม่มีการทำสัญญาจ้างงาน รวมถึงผู้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายภายใน 2 ปี ถือว่าขาดสิทธิ์ตามกฎหมาย
“ผมเชื่อว่าการออกมาร้องเรียนครั้งนี้เป็นความไม่บริสุทธิ์ใจ มีเจตนาให้พระเทพวรมุนีที่เป็นที่เคารพของชาวนครพนม มีคุณงามความดี เกิดความเสื่อมเสีย และทำให้วัดเสียหาย เป็นการกระทำไม่ต่างจากกรณีหลวงปู่แสง ฝากถึงหมอปลาและผู้เสียหาย อย่าจาบจ้วงพระพุทธศาสนา แต่มีประเด็นสำคัญคือมีการออกมาร้องเรียนผ่านสื่อจนเกิดความเสียหาย ต่อเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เดิมจะมีการฟ้องแพ่งกับทีมหมอปลาจำนวน 50 ล้านบาท แต่ได้หารือแล้ว ทางท่านเจ้าคุณเมตตา ไม่ต้องการเงินปัจจัยดังกล่าว ถือเป็นเงินบาป จึงได้ฟ้องร้องให้จำเลยมีการโฆษณาคำพิพากษาออกสื่อ รวม 46 สำนัก 7 วัน ประกอบด้วย สื่อโทรทัศน์ 11 ช่อง สื่อหนังสือพิมพ์ 14 สื่อ และสื่อออนไลน์ 21 สื่อ ในส่วนของคดีอาญาได้แจ้งความที่ สภ.ธาตุพนม ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา สำหรับสื่อต่างๆ ที่นำเสนอข่าวไปแล้วได้รับความเมตตาจาก พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ประกอบพิธีขอขมา ถือว่าสิ้นสุด และนำไปเป็นบทเรียนในการนำเสนอข่าวต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าเอาแต่เรตติ้ง จนลืมความเป็นจริง อย่าตามกระแส กรณีเช่นหลวงปู่แสง ทำให้เกิดความเสียหาย ตนจะเดินหน้าดูแลปกป้องศาสนาทั้งประเทศ มีทีมทนายกองทัพธรรมช่วยตรวจสอบดูแลทุกจังหวัด สำหรับสื่อที่มีการลงบิดเบือนให้มีการลบข้อมูลทั้งหมด” ทนายอนันต์ชัยกล่าว