ทนายตั้ม พาดาราสาวดังช่องน้อยสี บุกโรงพัก สน.โชคชัย เอาผิดหลานชายอดีตรัฐมนตรีชื่อดัง หลังก่อเหตุลวงเข้าพูลวิลล่าหรู พร้อมวางยาแล้วลงมือข่มขืนยับจนถึงรุ่งเช้า ซํ้าโทรฯ ขู่อ้างกำลังจะมีงานใหญ่ร่วมกับรัฐบาล ด้านพนักงานสอบสวน จ่อออกหมายเรียกมาสอบปากคำสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ สน.โชคชัย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ดารานักแสดงชื่อดังช่องน้อยสี พร้อมพี่สาว เข้าพบ พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.โชคชัย เพื่อเข้าติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังถูกหลานชายของอดีตรัฐมนตรีชื่อดังคนหนึ่ง ข่มขืนที่พูลวิลล่าแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 11 ส.ค. แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นายษิทรา เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายไม่รู้ว่าถูกกระทำ แต่ทางผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้เสียหายสมยอม โดยผู้ก่อเหตุถือเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่และเป็นหลานของอดีตรัฐมนตรี และทราบว่ากำลังจะลงเล่นการเมือง มีเป้าหมายถึงนายกรัฐมนตรี ในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะมีการจัดงานเพลง จึงชักชวนผู้เสียหายไปคุยเรื่องงานที่วิลล่าแห่งหนึ่ง แต่กลับวางยาให้ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว และระหว่างที่ผู้เสียหายอยู่ที่สำนักงานของตน ญาติของผู้ก่อเหตุได้โทรฯ มาหาผู้เสียหาย พูดโอ้อวดทำนองว่า จะมีงานใหญ่ร่วมกับรัฐบาล ไม่อยากให้ดำเนินคดี เพราะจะเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งตำรวจยังพูดจาไม่ดีต่อผู้เสียหาย ทำนองว่าไม่อยากให้เป็นข่าว หรือมีการแต่งตั้งทนายความ เพราะเกรงว่าเรื่องจะยุ่งยาก
ขณะที่ น.ส.เอ กล่าวว่า ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพยายามทำทุกวิถีทาง แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรม จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้ ล่าสุดทางฝ่ายผู้ก่อเหตุได้มีการโทรศัพท์มาข่มขู่ โดยอ้างหน้าที่ทางการเมือง อีกทั้งตนเองรู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน แต่ตนไม่ใช่ผู้กระทำความผิด จึงอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งหากเรื่องแล้วเสร็จ ก็วอนขอผู้ใหญ่ในวงการให้ความเมตตา แต่ขณะนี้อยากทำสิ่งที่ถูกต้องก่อน
ส่วนทางด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี พี่สาวของผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนพยายามจะนำน้องสาวออกมาจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ มาทราบภายหลังว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นของนายตำรวจคนหนึ่ง หากเข้าไปได้ทันที เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นกับน้องสาว นอกจากนี้ยังพบว่า ขณะที่มาแจ้งความ ตำรวจได้มีการพูดจาไม่ดีต่อน้องสาวตน โดยล่าสุดทางญาติผู้ก่อเหตุได้ติดต่อมา อ้างว่าเป็นหุ้นส่วนของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง และต้องการวางตัวให้ผู้ก่อเหตุเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จึงยื่นข้อเสนอเรื่องงานในวงการบันเทิงแลกกับการที่จะไม่ดำเนินคดี รวมถึงจะให้เงิน แต่ยืนยันว่าจะเอาผิดให้ถึงที่สุด
ขณะที่ พ.ต.อ.พรทวี ผกก.สน.โชคชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับเรื่องแจ้งความจากผู้เสียหาย ได้มีการดำเนินการสอบปากคำตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว แต่ทางผู้เสียหายต้องการให้สอบปากคำเพิ่มเติมใน 2-3 ประเด็น จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการโดยทันที ยืนยันว่า ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในซอยนาคนิวาส 2 โดยผู้ก่อเหตุ มีธุรกิจบันเทิงคอยปั้นศิลปิน และนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ติดต่อจ้างงานผู้เสียหายซึ่งเป็นนักแสดง จึงมีการนัดพบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ทางผู้ก่อเหตุกลับพาผู้เสียหายไปที่วิลล่าดังกล่าวเพียงลำพัง และได้มีการดื่มเครื่องดื่มโซจูไป 2 ขวด จากนั้นผู้เสียหายก็จำอะไรไม่ได้ ซึ่งพี่สาวของผู้เสียหายเห็นว่าน้องขาดการติดต่อ จึงออกตามหาจนมาถึงที่วิลล่า แต่กลับไม่สามารถเข้าไปภายในได้ จึงแจ้งตำรวจให้เข้าไปพาตัวผู้เสียหายออกมา แต่ตำรวจกลับอ้างว่าเป็นวิลล่าของนายตำรวจใหญ่ เกรงว่าจะเป็นการบุกรุก
กระทั่งผู้เสียหายกลับมาบ้าน เมื่ออาบน้ำในช่วงเช้า ก็พบว่ามีสารคัดหลั่งลักษณะคล้ายอสุจิติดอยู่ จึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พบว่าเป็นสารอสุจิในช่องคลอดจริง และยังพบตัวยานอนหลับชนิดหนึ่งปริมาณน้อยมาก แต่ในรายงานผลของแพทย์นิติเวช ไม่มีการระบุว่า พบยานอนหลับดังกล่าว รวมถึงผู้ก่อเหตุยังยอมรับว่า แอบเอายาบางอย่างใส่ให้ผู้เสียหายกินจริง และไม่ปฏิเสธเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ผู้เสียหายจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ สน.โชคชัย ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราไว้เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุแล้ว โดยให้ไปพบพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า