นายพลระดับสูงของกองทัพรัสเซียออกมาอ้างว่า แผนปฏิบัติการทางทหารในยูเครนขั้นตอนแรกเสร็จสิ้นแล้ว และสิ่งที่พวกเขาให้ความสนใจที่สุดตอนนี้คือพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า พลโท เซอร์เก รุดส์คอย รองผู้บัญชาการเหล่าทัพของกองทัพรัสเซีย เปิดเผยในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ว่า ตอนนี้ในภาพรวม ภารกิจหลักในขั้นตอนแรกของปฏิบัติการทางทหารในยูเครนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ศักยภาพการต่อสู้ของกองทัพยูเครนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เราสามารถมุ่งความสนใจไปที่การบรรลุเป้าหมายหลัก คือการปลดปล่อยดอนบัส
คำพูดของนายพลรุดส์คอยเกิดขึ้นในขณะที่การบุกโจมตีของรัสเซียตามเมืองใหญ่อย่างกรุงเคียฟและเมืองคาร์คีฟ ดูเหมือนจะหยุดชะงัก นอกจากนั้นรัสเซียยังล้มเหลวในการยึดครองน่านฟ้าของยูเครน และเสียทหารจำนวนมากนับตั้งแต่เริ่มบุกโจมตีเมื่อ 24 ก.พ.
“สังคมและผู้เชี่ยวชาญกำลังสงสัยว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ในพื้นที่ของเมืองยูเครนที่ถูกปิดล้อม” นายพลรุดส์คอยกล่าว “การกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานทางทหาร, อุปกรณ์, เจ้าหน้าที่กองทัพยูเครน ซึ่งผลลัพธ์ไม่เพียงทำให้เราสามารถตรึงกองกำลังของพวกเขาอยู่กับที่ และป้องกันไม่ให้พวกเขาเสริมกำลังในดอนบัส แต่ยังทำให้พวกเขาทำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้จนกว่ากองทัพรัสเซียจะปลดปล่อย สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (DPR) และสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ (LNR) ได้อย่างสิ้นเชิง”
ทั้งนี้ DPR กับ LNR คือดินแดนส่วนหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์กับแคว้นลูฮานสก์ทางตะวันออกของยูเครน ที่ถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียเข้ายึดครองและประกาศแยกตัวเป็นอิสระแต่เพียงฝ่ายเดียวเมื่อปี 2557 ซึ่งนานาชาติไม่ให้การสนับสนุน จนกระทั่งรัสเซียประกาศให้การยอมรับทั้ง 2 ดินแดนเป็นรัฐอิสระ เพียง 1 วันก่อนยกทัพบุกยูเครน
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ระบุว่า เป้าหมายของการทำสงครามกับยูเครน หรือที่มอสโกเลี่ยงบาลีว่า เป็นปฏิบัติการพิเศษทางทหาร คือทำให้ยูเครนเป็นประเทศปลอดทหาร และว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผน อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาเกือบ 1 เดือน กองทัพรัสเซียได้รับความเสียหายไม่น้อย โดยนายพลรุดส์คอยยอมรับว่า มีเจ้าหน้าที่กองทัพถูกสังหารถึง 1,351 นาย บาดเจ็บอีก 3,825 นาย แต่สหรัฐฯ กับนาโตประเมินว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าแถลงการณ์ของนายพลรุดส์คอยหมายความว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงในเป้าหมายของรัสเซียหรือไม่ หรือเป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีสื่อสารกับสังคมเท่านั้น ท่ามกลางข้อกล่าวหาและหลักฐานมากมายว่ารัสเซียโจมตีเข้าใส่ประชาชน หรือเขตที่อยู่อาศัยในยูเครน จนมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก.