พท.กลับลำถอยกรูดไม่ไล่บี้ยุบ ภท. “ชลน่าน” แจงจุดยืน พท.ไม่เห็นด้วยวิธียุบพรรคง่ายๆกลายเป็นเกมทำลายพรรค ละเมิดสิทธิประชาชน ยอมรับโดนพรรคร่วมฝ่ายค้านรุมสวด ชงยุบพรรคพร่ำเพรื่อเสียเอง เพื่อนบ้านก้าวไกลชี้ไม่เห็นด้วยอย่างแรง “อนุทิน” ได้ทีขยี้ภาวะผู้นำหัวหน้าเพื่อไทยสอนเชิงแข่งกันทำงานสร้างสรรค์ดีกว่ามุ่งทำลายล้าง ยันนโยบายกัญชา กกต.ตรวจสอบแล้วตั้งแต่ปี 62 “สันติ” อวย “บิ๊กตู่” อยู่ตรงไหนดีตรงนั้น พปชร.ยังหนุนเป็นนายกฯ ยันไม่มี ส.ส.ลาออกแล้ว แจงปมสงสัยงบฯ 50 ล้านเคลียร์แล้ว แค่เรื่องเข้าใจผิด เผยนายกฯเอ่ยปากขอโทษในวงประชุม ครม. “ก๊วนธรรมนัส” ยังเคว้ง พท.ส่อไม่รับ หวั่นกระแสพลิกแผนแลนด์สไลด์พัง “จ่านิว” สมัครสมาชิก พท.ชี้ชอบนโยบาย ศก. “โอ๊ค” เผยได้ลูกแฝดชาย-หญิง อวด “ปู่ทักษิณ”
จากกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทยประกาศจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย สืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายกัญชา กล่าวหาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เป็นการออกนโยบายที่สร้างปัญหา และเข้าข่ายหลอกลวง เพื่อเข้าสู่อำนาจโดยมิชอบ
พท.กลับลำถอยกรูดไม่ยื่นยุบ ภท.
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คือยังไม่มีการยื่นยุบพรรคการเมืองใด เป็นเพียงขั้นตอนทำงานเบื้องต้นจากคณะทำงานของผู้อภิปรายในเรื่องนั้นๆ ประเด็นเรื่องกัญชา คณะทำงานเสนอ 2 เรื่อง คือ 1.ยื่นร้องศาลปกครองสูงสุดให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดยาเสพติดประเภท 5 ให้กัญชาถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ทำให้เข้าใจว่าเป็นกัญชาเสรี นำไปใช้เพื่อการสันทนาการอย่างแพร่หลาย 2.เสนอยื่นคำร้องยุบพรรคการเมืองที่ออกนโยบายให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นควรให้ส่งเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาว่ามีความเหมาะสม มีหลักฐานเพียงพอถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่
ย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยยุบพรรคง่ายๆ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของฝ่ายกฎหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณา ยังไม่มีการยื่นยุบพรรค คงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ถ้าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่สมเหตุผล คงมีมติให้ยุติเรื่อง ไม่ส่งฟ้องยุบพรรค เรื่องการยุบพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดเจน ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 92 ให้ยุบพรรคได้ง่ายดาย เพราะเป็นการทำลายพรรคการเมือง สิทธิเสรีภาพประชาชน จึงเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ให้ยุบพรรคด้วยเหตุผลเดียวคือ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เสียดายรัฐสภาตีตกไป ไม่รับหลักการ ไม่ผ่านความเห็นชอบ
พรรคร่วมฝ่ายค้านติงยุบพร่ำเพรื่อ
ต่อมาที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องพิจารณารอบคอบ ขณะนี้ขั้นตอนอยู่แค่การส่งให้ฝ่ายกฎหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณา ยังไม่มีมติจะยื่นยุบพรรคหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคพร่ำเพรื่อ โดยใช้เหตุผลไม่เหมาะสม เพราะการยุบพรรคควรมีเหตุเดียวคือ ล้มล้างการปกครองเท่านั้น ส่วนข้อกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยนั้นเป็นเรื่องรอง หากเอาประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก จะส่งเสริมให้องค์กรอิสระใช้อำนาจล้นเกิน หากมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าทำผิดกฎหมาย ควรยื่นเอาผิดเป็นเรื่องๆไป เช่น ยื่น ป.ป.ช. หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านทำเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ ยืนยันไม่ใช่เกมการเมืองหรือมีนัยการเมือง ทุกพรรคล้วนเป็นคู่แข่ง ไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนตัดสินจะเลือกใครมาทำงาน ส่วนจะกระทบการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่ เขาย่อมมีวิจารณญาณ ซึ่งมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ
ก.ก.ค้านสุดตัวไม่เห็นด้วยอย่างแรง
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอบันทึกไว้ตรงนี้ว่าความเห็นส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไปยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย คนตัดสินอนาคตพรรคการเมือง คือประชาชนไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะเสนอยุบศาลไม่ใช่เสนอให้ศาลมายุบพรรค ประเด็นข่าวพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย (เรื่องนโยบายกัญชาเสรี) ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมคือ พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เผอิญวิปเพื่อไทยแสดงความเห็นเรื่องนี้หลังจากแถลงข่าวมติพรรคร่วมเสร็จ (พูดรวมๆไป) สื่อจึงเข้าใจว่าเรื่องจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน
“อนุทิน” สับแหลก “ชลน่าน” ไร้ภาวะผู้นำ
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญ วีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยว่า นักการเมืองด้วยกันอย่ามาจ้องทำลายกันเลย จะเข้ามาในสภาหรือแลนด์สไลด์ อยากให้เข้ามาด้วยการแข่งกันทำดี ไม่ควรมาคุ้ยหาเรื่องเล็กน้อยและมาทำลายกัน มันไม่มีประโยชน์ พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดอะไร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างว่าคงยังไม่มีภาวะผู้นำเท่าไหร่ ตอนนี้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ต้องทำตัวให้เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคไม่มีวุฒิภาวะ หมายถึงอยากให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่ใช่พรรคตน แต่คนเป็นผู้นำต้องมีวุฒิภาวะสูงอันนี้สำคัญมาก เมื่อถามว่า ล่าสุด นพ.ชลน่านเผยว่าจะไม่ยุบพรรคแล้ว จะยังตอบโต้กลับอยู่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มีตอบโต้อะไรกลับแล้ว ใกล้จะเลือกตั้งอยู่แล้ว นโยบายกัญชาก็ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบก่อนหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 และบรรจุอยู่ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ทุกอย่างมีความชัดเจนอยู่แล้ว
“บิ๊กตู่” ถก ครม.ร่วมทำบุญปักเสากฐิน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลาการประชุม ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม แจ้งขอประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ สำหรับ พล.อ.อนุพงษ์มีภารกิจลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนนายอนุทินมีภารกิจบินด่วนช่วงเช้า นำคณะแพทย์บินรับอวัยวะจากโรงพยาบาลอุดรธานี สนับสนุนปฏิบัติการหัวใจติดปีก ครั้งที่ 40 เพื่อนำไปมอบแก่ผู้ป่วยที่รอปลูกถ่ายอวัยวะ โดยต้องออกเดินทางทันทีที่ได้รับแจ้งว่ามีผู้บริจาคอวัยวะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม ครม. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เข้าพบนายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม “ทอดกฐินทั่วไทย ร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนา พุทธศักราช 2565” ที่ห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี โดยนายกฯได้ร่วมทำบุญปักเสาธงต้นกฐิน และขอให้รักษาสืบสานประเพณีจุลกฐิน การอิ้วหรืออิดเม็ดฝ้าย เพื่อแยกเม็ดฝ้ายและปุยฝ้ายออกจากกัน การกรอหรือผัดเส้นฝ้ายใส่หลอดกระสวยเพื่อนำไปทอผ้า สำหรับทำผ้ากฐินให้คงอยู่สืบไป
“สันติ” อวย “บิ๊กตู่” อยู่ที่ไหนก็ดีที่นั่น
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ระบุ ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ควรเข้าไปพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มตัวว่า เรื่องการจะมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล อยู่ที่การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถึงอย่างไร พรรคพลังประชารัฐยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เสมอมา เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาจะเป็นประโยชน์กับพรรคหรือไม่ นายสันติตอบว่า คนระดับนายกฯไปที่ไหนก็เป็นผลดีกับที่นั่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะนายกฯที่ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ ไปอยู่ที่ไหนประชาชนก็ให้การสนับสนุน
ยันคุย ส.ส.แล้วไม่มีเลือดไหลอีก
เมื่อถามว่ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เข้าพรรค จะทำให้ ส.ส.ทำงานลำบากเนื่องจากขาดความชัดเจนหรือไม่ นายสันติตอบว่า มันยังเร็วเกินไป ส.ส.ของพรรคมีความเข้มแข็งในการทำงาน มีผลงาน รวมถึงผลงานของพรรคก็ทำไปมากในเรื่องนโยบาย เช่น คนละครึ่ง หรือนโยบายของกระทรวงการคลังก็มาจากพรรคพลังประชารัฐเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการเยียวยา ดูแล พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เมื่อถามว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ชัดเจน จะมี ส.ส.ลาออกเลือดไหลเพิ่มหรือไม่ นายสันติตอบว่า ไม่มี ตนพูดกับ ส.ส.ในพรรคแล้ว ทุกคนยังยึดมั่นกับพรรค เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐที่มีตำแหน่งว่างอยู่มีความเห็นอย่างไร นายสันติตอบว่า เป็นเรื่องของนายกฯว่าจะเห็นเหมาะสมเมื่อไหร่ อย่างไร
แจงงบ 50 ล้านเคลียร์แล้วแค่เข้าใจผิด
นายสันติยังกล่าวถึงกรณีที่นายกฯสั่งให้ไปตรวจสอบเงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ จ.เพชรบูรณ์ งบประมาณ 50 ล้านบาท ที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติงบไปแล้ว แต่เงินไม่ถึงมือเกษตรกรว่า เป็นเงินคนละส่วนกัน เรื่องนี้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเข้าใจผิด โดยได้ชี้แจงในที่ประชุม ครม.กับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ได้จ่ายงบฯจำนวนนี้ไปแล้ว เป็นคนละยอดกัน ยอดที่สำนักงบฯจ่ายเยียวยาไปนั้นเป็นเงินเยียวยาของปี 2562-2563 โดยจัดสรรไปแล้ว ถึงเกษตรกรแล้ว ส่วนใหญ่จะจ่ายผ่าน ธ.ก.ส. เงินจึงไม่ผ่านมือใครเลย สำหรับรอบใหม่ทางการยาสูบกำลังทำเรื่องขอมาที่กระทรวงการคลังและกระทรวงการคลังจะทำหนังสือไปที่สำนักงบฯ เพื่อจัดสรรเงินก่อนที่จะให้ ครม.อนุมัติ โดยรอบใหม่นี้จำนวน 50 ล้านบาท ไปสมทบกับงบฯของการยาสูบที่มีอยู่ 60 กว่าล้านบาท รวมแล้วประมาณ 120 ล้านบาท นายกฯเข้าใจเรื่องนี้แล้ว และได้พูดในที่ประชุม ครม.อีกครั้งว่า ทราบแล้วว่าเงินก้อนนั้นได้จ่ายไปแล้ว แต่เงินก้อนนี้เป็นก้อนใหม่เพื่อเยียวยาชาวไร่ยาสูบ ฉะนั้น จึงไม่มีว่าเงินหายไปไหน ฝากสื่อมวลชนให้ช่วยชี้แจงด้วยว่า เงินตัวนี้ยังไม่มีการขอมา เป็นเพียงการเข้าใจผิด
“บิ๊กตู่” ขอโทษ “สันติ”-ชมผมทรงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวขอโทษนายสันติจากกรณีนี้ ที่เมื่อสัปดาห์ก่อนระบุว่า เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ จ.เพชรบูรณ์ งบประมาณ 50 ล้านบาทหายไป “เรื่อง 50 ล้าน ผมเข้าใจผิดไป ขอโทษท่านสันติผมไม่ได้หมายความว่าเงินหายไปไหน แต่หมายถึงมันไปตกหล่นอยู่ตรงไหน ของปี 62, 63 จ่ายแล้ว ส่วนของปี 64 อยู่ระหว่างนำเสนออยู่” นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังแซวนายสันติเรื่องทรงผมว่า “ทรงผมใหม่เหรอ ผมสวยนะ ทำผมมาซะหล่อ”
ก๊วน “ธรรมนัส” ยังไม่ชัดไปบ้านไหน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่ากรณีนายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย จะไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย รอแค่ขั้นตอนเอกสารนั้น ตนได้สอบถามแล้วรับทราบข้อเท็จจริง ว่า ไม่ได้ให้ สัมภาษณ์ แต่เป็นการนั่งพูดคุยกับนักข่าวที่สนิทสนมกัน ปรับทุกข์ บอกเล่าเรื่องราวอนาคตทางการเมืองให้ฟังว่าจะเอาอย่างไร คงมีการวิเคราะห์ว่าจะไปอยู่ได้อย่างไร เพราะเขตทับซ้อนกับพรรคเพื่อไทยที่เปิดตัวไปแล้ว อนาคตของพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ยังคงทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไป ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยทั้งหมด จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองอย่างไร เรายังไม่ได้คิด ยังมีเวลา หากใกล้ๆวันหรือสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป เราจะประชุมและลงมติเลือกอนาคตทางการเมืองของเราอย่างไร ที่สำคัญไม่เคยระบุว่าจะอยู่ไหน มีเพียงการคาดเดาของสื่อมวลชนเท่านั้น
พท.เด้งเชือกดูกระแสบวกหรือลบ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายพรชัย อินสุข ส.ส.พิจิตร พรรคเศรษฐกิจไทย ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา อดีตหัวหน้าพรรค ศท.จะหอบ ส.ส.มาอยู่กับ พรรคเพื่อไทยว่า เรามีคณะกรรมการหลายชุด ตนไม่ยืนยัน เพราะไม่ทราบ แต่โดยสรุปคือยังไม่เป็นทางการ เพราะเงื่อนไขการรับสมาชิกใหม่มีหลักเกณฑ์ ภายใต้เป้าหมายแลนด์สไลด์ หากเข้ามาทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้ เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง แต่เข้ามาแล้วเกิดกระแสต่อต้าน เกิดกระแสมุมกลับมากกว่าแลนด์สไลด์ คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณา เราให้ความสำคัญกับเสียงของพี่น้องประชาชน เมื่อถามถึงเสียงตอบรับในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสว่า ร.อ.ธรรมนัสจะเข้ามา นพ.ชลน่านตอบว่า เชื่อว่ามีทั้งบวกและลบ โดยมี 3 ลักษณะ คือ 1.อาจไม่เห็นด้วยแต่เพื่อแลนด์สไลด์ก็รับได้ 2.เห็นด้วยเลย และ 3.ไม่เห็นด้วย เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคเป็นอย่างไรหลังจากที่ฝ่ายนั้นยืนยันว่าจะมา นพ.ชลน่านตอบว่า คณะผู้บริหารและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ต้องพิจารณาเป็นบวกหรือลบอย่างไร หากเห็นพ้องต้องกัน ประชาชนยอมรับ ก็ไม่เป็นประเด็นอะไร
เสรีรวมไทยยังไม่ชัดควบรวมพรรค
นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันที่ 24 ต.ค.นี้ จะจัดประชุมใหญ่สมัยสามัญพรรค เพื่อเสนอนโยบายยุทธศาสตร์ที่จะใช้สู้ศึกเลือกตั้ง ทั้งนี้พรรคเสรีรวมไทยจะไม่ไปควบรวมพรรคใด แต่ไม่ปิดกั้นพรรคอื่นที่เข้ามาทำงานร่วมกัน ที่ผ่านมามีหลายพรรคติดต่อเข้ามา ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เคยหารือถึงการไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น ตนก็ตอบว่าพรรคที่มาคุยยังเป็นพรรคตั้งใหม่ เหมือนคนไม่มีบ้าน ไม่ผ่านการเลือกตั้ง แม้เป็นนักการเมืองที่มีคนรู้จักโดยตรรกะแล้วจะไปรวมทำไม ยืนยันพรรคเสรีรวมไทยไม่ยุบพรรคแน่นอน และไม่ไปควบรวมพรรคอื่น
“สาธิต” ยันอยู่บ้านเดิมปัดซบ ภท.
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะย้ายไปร่วมพรรคภูมิใจไทยว่า ยังไม่ทราบที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เพราะติดภารกิจที่พี่ชายของตนเสียชีวิต โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไปร่วมงาน ตนเป็นรัฐมนตรีก็ร่วมงานกับทุกพรรค พูดคุยกันแต่ไม่ได้พูดคุยว่าจะย้ายพรรคไปไหน แต่ละคนต่างให้เกียรติและเข้าใจกัน ดังนั้นข่าวย้ายพรรคไม่มีความจริง เมื่อถามว่ามีการทาบทามย้ายพรรคจริงหรือไม่ นายสาธิตตอบว่า “ไม่มีครับ การเลือกตั้งครั้งหน้าผมก็จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์”
“วีรศักดิ์” เผยยังอยู่ภูมิใจไทย
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่า ที่ผ่านมาลูกชายของตนเคยลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อถามยํ้าว่ายังยืนยันอยู่กับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายวีรศักดิ์ตอบว่า “ครับ ครับ”
“จ่านิว” เปิดตัวสมัครสมาชิกเพื่อไทย
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ โดยนายสิรวิชญ์กล่าวว่า ตัดสินใจสมัครเป็น สมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะอยากมีส่วนร่วมกับพรรค ที่มีแนวทางเป็นประชาธิปไตย มีนโยบายน่าสนใจ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ขณะนี้เป็นปัญหาสร้างผลกระทบให้ประชาชนอย่างมาก อยากเป็นส่วนหนึ่ง ช่วยให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่ยังไม่ได้สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ต้องการโอกาสเข้ามาเรียนรู้ในพรรคการเมือง ร่วมพูดคุยพบปะประชาชน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยินดีต้อนรับนายสิรวิชญ์สู่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยมีคณะทำงานด้านนโยบาย 12 ด้าน หากนายสิรวิชญ์สนใจนโยบายด้านใด สามารถเข้าร่วม คณะทำงานนั้นๆ เพื่อผลิตนโยบายได้ การเลือกตั้งงวด เข้ามาทุกขณะ เชื่อว่าจุดแข็งนายสิรวิชญ์ โดยเฉพาะ การเป็นนักเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตย จะช่วยสื่อสาร กับประชาชนให้พรรคเพื่อไทยไปสู่แลนด์สไลด์ได้
“อนุทิน” เผยจีบ “พุทธิพงษ์” เจาะ กทม.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ ถึงเสียงวิจารณ์ กรณีกระทรวงคมนาคมเสนอก่อสร้างสะพานทางเชื่อมจาก จ.พัทลุงไป จ.สงขลา เข้าข่ายเอื้อประโยชน์หาเสียงให้พรรคภูมิใจไทยว่า ก็คิดแบบนี้ อีกแล้ว สะพานดังกล่าวย่นระยะทางได้ 70 กิโลเมตร สร้างความเจริญด้านท่องเที่ยว เศรษฐกิจ อำนวยความ สะดวกให้ประชาชน ตราบใดยังไม่มีการยุบสภา เราไม่เคยหยุดที่จะทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แข่งอย่างนี้ไม่เคยกลัว เมื่อถามถึงนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และอดีตแกนนำ กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะเข้าพรรค ภูมิใจไทย นายอนุทินตอบว่า พูดคุยกันอยู่ เพราะเรา อยากทำประโยชน์ให้ชาวกรุงเทพฯ เมื่อถามว่า น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะมาร่วม ภท.ด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ได้ คุยกัน เอาไว้ไม่น่านาน เพราะตอนนี้มันคุกรุ่นกันไปหมด
“ไทยภักดี” ร้อง กกต.สอบยุบก้าวไกล
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกพรรค ไทยภักดี พร้อมด้วยนายภัทรพล หมดมลทิน ประธานเครือข่ายและศาสนา พรรคไทยภักดี เป็นตัวแทนพรรค ไทยภักดี เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จ จริง กรณีพรรคก้าวไกล เสนอชุดนโยบายการเมือง อาทิ แก้ไขมาตรา 112,116 เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรค การเมือง โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ดึงสถาบันลงมา เป็นคู่ขัดแย้ง มีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายสุขสันต์กล่าวว่า หากตรวจสอบพบมีความผิด กกต.ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาอาจถึงขั้นยุบพรรค
พท.ตั้งแท่นยื่นญัตติสะสางยาเสพติด
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย จัดงานเสวนา “เพื่อไทย ประกาศสงครามยาเสพติด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้า พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู เป็นจุดกระตุ้นใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยต้องประกาศทำสงครามกับยาเสพติด จะนำแนวคิดสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมาใช้ แม้ถูกโจมตีด้วยวาทกรรมฆ่าตัดตอน แต่ยืนยันไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอน หากได้เป็นรัฐบาลจะทำ 5 ส่วน ได้แก่ 1.บังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด ไม่ใช้กฎหมายล้นเกิน 2.นำผู้เสพคือผู้ป่วยไปบำบัดฟื้นฟูกลับสู่สังคม แยกผู้ป่วยตามประเภทยาเสพติด ต้องรับการบำบัดแตกต่างกัน 3.มาตรการป้องกัน ใช้กลไกชุมชนเข้มแข็ง “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน จับมือเป็นสถาบันชุมชนเข้มแข็งปกป้อง คนในสังคม 4.ขอความร่วมมือระหว่างประเทศป้องกัน ปราบปราม เพราะขณะนี้กระบวนการผลิตยาเสพติดมี 7 บริษัท แย่งกันป้อนเข้ามา กำลังผลิตมหาศาล ต้นทุนต่ำเม็ดละ 4-7 บาท 5.ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการ ป้องกัน ฝ่ายค้านจะนำโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู ยาเสพติดระบาดเข้าสู่ญัตติด่วนสภา และวันที่ 3 พ.ย. จะเปิดโปงใครเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติดบ้าง
ซัด “บิ๊กตู่” หมดน้ำยาสู้วิกฤติเศรษฐกิจ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พึ่งไม่ได้ เพราะกู้หนี้จากหลายชาติ ชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด แกล้งโกรธเพื่อกลบปัญหาความโปร่งใส่ แต่ห้ามตรวจสอบ โดยเฉพาะปมสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ปัญหาต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงการขาดดุลการค้า ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด การขาดดุลการคลังจำนวนมาก แถมมีแผนกู้ใหม่อีก 1.05 ล้านล้านในปี 2566 ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่รู้เลยจะรับมืออย่างไร หรือพึ่งไม่ได้ตามที่ “โน้ส” อุดม แต้พานิช พูดล้อเลียนรัฐบาลในการทอล์กโชว์เดี่ยวไมโครโฟน 13 ดังนั้น การเป็นผู้นำที่ดีต้องรับฟังเสียงสะท้อนทุกด้านเพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของตัวเอง
“วิษณุ” แจ้ง ก.ม.ธุรกรรมออนไลน์
อีกเรื่องหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ประชุม ครม.ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เล่าให้ที่ประชุมฟังว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศใช้ วันที่ 13 ต.ค. จะเปลี่ยนแปลงระบบราชการอย่างมหาศาล เดิมเวลาติดต่อราชการต้องไปปรากฏตัวพร้อมบัตรประชาชน แต่เวลานี้การติดต่อราชการทุกแห่งสามารถทำผ่านออนไลน์ เจ้าตัวไม่ต้องไปปรากฏตัวก็ได้ ยกเว้น 5 ประเภท ได้แก่ จดทะเบียนสมรส หย่า แจ้งรับบุตรบุญธรรม การทำบัตรประชาชน และพาสปอร์ต นอกเหนือ 5 ประเภทนี้ ประชาชนไม่จำเป็นต้องไปทำธุรกรรมด้วยตัวเอง ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ใช่ไปถึงบอกไม่รู้ เข้าข่ายผิดกฎหมาย ประชาชนฟ้องร้องได้ ขณะนี้หลายกระทรวงอาจไม่พร้อมผ่อนผันไปก่อนได้ แต่ต้องเตรียมซักซ้อมทำความเข้าใจ โดยให้ ก.พ.ร.เป็นหน่วยประสานหลัก และรายงานกลับมาให้ ครม.รับทราบ
ปฏิเสธ ปชช.ภัยอาจลามถึงตัว รมต.
ขณะที่นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แสดงความห่วงใยถึงข้าราชการระดับล่าง เกรงว่าจะไม่รู้และไปปฏิเสธแล้วถูกประชาชนฟ้องร้อง ถ้ามีการฟ้องร้องข้าราชการระดับปฏิบัติอาจจะไล่ไปได้ถึงผู้บังคับบัญชาจนถึงรัฐมนตรี ฉะนั้นขอฝากรัฐมนตรีให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้ทราบกันทั่วถึง
โอ่ผลงานปฏิรูปตำรวจครั้งใหญ่
นายวิษณุยังรายงานด้วยว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่เพิ่งประกาศ 17 ต.ค. เป็นการปฏิรูปตำรวจครั้งยิ่งใหญ่ ผลคือยกเลิกกฎหมายเก่าทั้งหมด 11 ฉบับ และจะปรับปรุงระเบียบใหม่ตามมา โดยในกฎหมายใหม่แบ่งสายงานเป็น 5 กลุ่ม บริหาร ปราบปราม สอบสวน เฉพาะกิจ และบัญชาการ และจะให้ความสำคัญกับโรงพัก ทั้งเรื่องการจัดงบ จัดอาวุธ และกำลังพลให้เพียงพอ ที่สำคัญจะขอตำรวจมาช่วยราชการไม่ได้ เว้นแต่จัดหาตำรวจไปทดแทนในจุดที่ดึงมา ส่วนการโยกย้าย ยึดลำดับอาวุโส ยกเว้นตำแหน่ง ผบ.ตช. นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม เปิดให้ตำรวจสามารถร้องเรียนตำรวจด้วยกันได้ รวมถึงจะมีหน่วยงานหนึ่งให้ประชาชนร้องเรียนตำรวจ
ทุ่มหมดหน้าตักช่วย ปชช.ภายใน 3 เดือน
ในช่วงท้ายการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปรวบรวมเงินทดรองทางราชการของแต่ละกระทรวงที่ไว้ช่วยเหลือประชาชนว่ามีอะไรบ้าง ให้รวมทั้งหมด จะได้เอามาช่วยประชาชนโดยเร็ว อะไรทำได้ให้รีบทำเลย ต้องเสร็จภายใน 3 เดือนนี้ และต้องทำโดยใช้กฎหมาย ไม่สร้างปัญหา
“ทศพร” โบกมือลา ปธ.บอร์ด ปตท.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการอิสระและประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งในบอร์ด ปตท.ทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า นายทศพร ยังเตรียมลาออกทุกตำแหน่งในรัฐบาลอีกด้วย ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยที่ผ่านมา นายทศพรถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ไว้วางใจ ให้นั่งเป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ
“โอ๊ค” เผยได้ลูกแฝด “ชาย-หญิง” แล้ว
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพตัวเองนั่งข้างตู้เด็กอ่อนแรกเกิดในอินสตราแกรม พร้อมระบุข้อความว่า “แฝดน้อยทั้ง 2 ของพ่อโอ๊ค ลืมตาดูโลกแล้วนะครับ ผมและติ๊กตั้งใจจะมีลูกแฝดด้วยกัน ตั้งแต่ยังไม่ได้ฤกษ์แต่งงาน ดังนั้นไม่ต้องแอบนับวันแต่งนะ ยังไงก็ไม่ถึง 9 เดือน แน่นอน ตอนนี้เราได้แฝดหญิง-ชาย สมความปรารถนาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้ว เหลือแค่รอวัน ปู่ปู่ ตาตา กลับมาเป็นแบบอย่างและกำลังใจให้หลานๆครับ” ท่ามกลางความยินดี รัฐมนตรี ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงเซเลบ ดารา แฟนคลับ ต่างเข้ามาโพสต์ร่วมแสดงความชื่นชมยินดีกันมากมาย