“ประยุทธ์” เมินนิด้าโพลเผย เรตติ้งหล่นวูบ อันดับ 4 ตามห่าง “อุ๊งอิ๊ง” เย้ย 3-4 สำนักไม่ตรงกัน สักอัน โต้ทำงานจริงไม่ใช่พูดแต่ปาก “วิษณุ” แย้ม 18 ก.ค.เปิดเวทีซักฟอก ประธานสภาฯเชิญวิปสามฝ่ายเคาะให้กี่วัน “อนุชา” ย้อนอดีตให้จ้อ 4 วันยังเหลือ วงเสวนา 90 ปีรัฐสภาไทย “วันนอร์” ซัดรัฐประหารตัวอุปสรรคสภาฯ “โภคิน” ปลุก ส.ส.ฮึดสู้ฟ้องศาลล้มปฏิวัติ “มาร์ค” บี้นายกฯสละเวลาไปตอบกระทู้ เหน็บถ้า 1-2 ชั่วโมงจัดไม่ได้ จะบริหารประเทศได้อย่างไร “สมคิด” ฟัดประชาธิปไตย เวอร์ชันแจกกล้วย ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ร่วมฟื้นประเทศ กกต.อัปเดตเพิ่ม ส.ส.เขตรับเลือกตั้งปี 66 กทม.ได้เพิ่ม 3 ที่นั่ง “โคราช-ชลบุรี-เชียงใหม่-บุรีรัมย์-นนทบุรี” เพิ่มอีกจังหวัดละ 2 คน “สุชาติ” อาสาประเดิมจัดโรดโชว์ชลบุรี 10 ก.ค. โอ่ตั้ง 10 เวที 10 ภาค อวดผลงานรัฐบาล
จากกรณีนิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนพบว่ามีเสียงสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขึ้นเป็นนายกฯ โดยมีคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 1 ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ตกไปอยู่อันดับ 4 โดยนายกฯระบุโพลก็คือโพล หลายสำนักมีผลการสำรวจที่แตกต่างกันไป
นายกฯทำบุญ 90 ปีสำนักนายกฯ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 90 วันที่ 28 มิ.ย.มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ปรึกษานายกฯ ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน สังกัดสำนักนายกฯ ร่วมพิธี โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมล มังคลาราม ประธานสงฆ์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ นายกฯมอบสารเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกฯ ครบรอบปีที่ 90 พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมการบริการและการบริหารจัดการภาครัฐให้ตอบสนองต่อสังคมไทยในยุคชีวิตวิถีใหม่ และพร้อมรองรับความท้าทายในอนาคต โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ
ไม่สนผลโพลเรตติ้งร่วงรั้งที่ 4
ต่อมาเวลา 14.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของประชาชนที่สนับสนุนเป็นนายกฯมาเป็นอันดับ 4 ว่า โพลก็คือโพลแล้วแต่ว่าใครจะทำเห็นทำมา 3-4 อันไม่ตรงกันสักอันใช้วิธีโทรศัพท์บ้างอะไรบ้าง แต่ฟังไว้และดูไว้แล้วกัน ต้องทำงานโดยประเมินจากการทำงาน และผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ประชาชนจะพอใจอย่างไรแล้วแต่ เพราะทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อคนจำนวนมากอยู่แล้วในทุกมิติ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ งานย่อมมีความยากง่ายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เพราะเราจำเป็นต้องดูแลคน 70 ล้านอย่างทั่วถึง นั่นคือความตั้งใจและเจตนารมณ์ของเรา แน่นอนการบริหารกับคนจำนวนมากต้องมีปัญหาอุปสรรค หรือต้องใช้หน่วยงานหลายหน่วยงาน เป็นเรื่องที่ต้องสังคายนาหรือบูรณาการให้ได้ 100%
บ่นทำงานจริงไม่ใช่พูดปากเปล่า
นายกฯกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่รัฐและขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน ถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้ทำหรือไม่ให้ทำในทุกเรื่องต้องฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งสิ้น ไม่ใช่พูดปากเปล่าแล้วทำได้เลย มันทำไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่เห็นชอบ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องให้คณะทำงานประเมินจากผลโพลดังกล่าวหรือไม่ว่า ทำไมเหตุผลที่ประชาชนยังไม่สนับสนุนให้เป็นนายกฯต่อคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ส่วนใหญ่มาจากในสื่อ ต้องไปเปิดดูก่อนแล้วกัน ตั้งแต่หน้า 1 ถึงหน้า 4 บางฉบับถึงหน้า 5 หน้า 6 ไม่มีอะไรดีสักอัน ก็มองให้เป็นธรรมหน่อยแล้วกัน ขอบคุณ”
เมื่อถามว่าได้กำหนดวันการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามก่อนเดินออกจากโพเดียม ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการรีแบรนด์ (ปรับโฉม) พรรคพลังประชารัฐหรือไม่โดยเฉพาะการตั้งพรรคสำรอง พล.อ.ประยุทธ์ โบกมือไม่ตอบ แล้วเดินขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที
“วิษณุ” แย้มเปิดเวทีซักฟอก 18 ก.ค.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสภาฯส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า รัฐบาลได้รับแล้วและได้บรรจุวาระเข้าหารือ ครม.ในวันที่ 28 มิ.ย.เพื่อพิจารณากันว่า ครม.จะพร้อมตั้งแต่วันที่เท่าไหร่เป็นต้นไป ส่วนจะกี่วันให้วิป 2 ฝ่ายตกลงกันเอง กรอบของรัฐบาลวางไว้ว่าจะเริ่มอภิปรายในวันที่ 18 ก.ค.ประมาณนั้น เพราะก่อนหน้านั้นมีวันหยุด
“อนุชา” ชี้ถล่ม 4 วันเวลายังเหลือ
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้ประสานงานวิปรัฐบาล กล่าวว่า วันที่ 28 มิ.ย.จะนำเรื่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อกำหนดวันอภิปราย ก่อนให้วิปสองฝ่ายหารือกันเคาะจำนวนวัน กรณีที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร.ในฐานะประธานวิปรัฐบาลระบุว่า 5 วันเยอะเกินไปนั้น จากการอภิปรายที่ผ่านมา 4 วันเยอะสุด แล้วไปลงมติวันที่ 5 แต่ยังใช้เวลาไม่หมด ขณะที่นายกฯยังไม่ได้สั่งการอะไร ต้องรอที่ประชุม ครม.กำหนดไทม์ไลน์
หยันข้อมูลไม่แน่นจะถูกน็อกเอง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่น้อยกว่า 4 วันว่า สุดท้ายฝ่ายค้านเผยวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ให้เห็นว่าการใส่ชื่อนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมากถึง 11 คน ไม่ใช่เพราะว่ามีข้อมูลหลักฐานการทุจริตที่ชัดเจนใดๆเลย แต่เพราะต้องการจะใช้เวลาอภิปรายให้ได้มากวันที่สุด ใช้เวทีนี้หาเสียงใช่หรือไม่ ขอให้ฝ่ายค้านใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เน้นเนื้อหามากกว่าจำนวนวัน ควรเสนอแนะให้เห็นข้อบกพร่องชัดเจนด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ใช่ใช้แต่วาทกรรมเสียดสีหวังหาเสียงเท่านั้น หลังอภิปรายจะยื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯและรัฐมนตรีบางคน ถ้ามีหมัดเด็ดจริงนำมาเปิดเผยต่อที่ประชุมสภาฯได้ รัฐบาลพร้อมชี้แจง มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้เด็ดขาดกับการทุจริตคอร์รัปชัน ข้อมูลถ้าเป็นเพียงแค่ข้อพิรุธที่ฝ่ายค้านเชื่อเอาเอง เมื่อรัฐบาลชี้แจงแล้วควรเปิดใจรับฟัง ไม่ใช่ยังคงหลับหูหลับตาอภิปรายต่อไป สุดท้ายฝ่ายค้านเองจะถูกหมัดเด็ดรัฐบาลน็อกกลางสภาฯ
“นิพนธ์” พร้อมแจงสัญญาโมฆะ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะอดีตนายก อบจ.สงขลา กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่าจะฟ้องนายนิพนธ์ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 โครงการรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ว่า ข้อเท็จจริง อบจ.สงขลาได้แจ้งต่อบริษัท พลวิศย์ เทคพลัส จำกัด ผู้ชนะการประกวดไปแล้วว่าสัญญาเป็นโมฆะ ต้องมาขอคืนหลักทรัพย์ แต่บริษัทไม่โต้แย้งอะไร ไม่มาขอคืนทรัพย์สินด้วย เมื่อสัญญาเป็นโมฆะกรรมตั้งแต่ต้น ตามมาตรา 150 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่มีผลผูกพันอะไร ไม่ต้องบอกเลิกสัญญา เพราะไม่มีผลผูกพันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทและบุคคลที่ร่วมฮั้วประมูลถูกดำเนินคดีหมดแล้ว ส่วนใหญ่หลบหนีออกนอกประเทศเกือบหมด อัยการเริ่มทยอยสั่งฟ้องไปแล้ว แสดงว่าเบื้องต้นผู้ร่วมฮั้วประมูลผิดจริง แค่รอศาลตัดสิน ถ้าไม่ผิดจะหลบหนีทำไม ยืนยันว่าคดีอาญาไม่กังวล ไม่น่ากลัวอะไร ชี้แจงต่อศาลได้ทุกประเด็น เตรียมทำข้อมูลข้อเท็จจริงมานานแล้ว ตั้งแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อน ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้น่าจะมีหยิบยกขึ้นมาอีก เป็นโอกาสดีจะได้ชี้แจงกับประชาชนอีกครั้ง
“ชวน” เชิญวิป 3 ฝ่ายถกข้อสรุป
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่า จะนัดวิป 3 ฝ่าย ประกอบไปด้วย ครม. วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน หารือกลางสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดกรอบวันเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าจะเป็นช่วงวันที่ 18 ก.ค.เป็นต้นไป ส่วนจะอภิปรายกี่วันนี้ต้องหารือกัน ส่วนคำร้องของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มีข้อสงสัยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 หรือไม่ ฝ่ายค้านได้ยืนยันว่าการลงนามทำถูกต้อง แม้จะมีการไปยื่นร้ององค์กรภายนอก หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ไม่ส่งผลต่อไทม์ไลน์การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะคำวินิจฉัยชี้ขาดอยู่ที่รัฐสภาว่าญัตตินั้นถูกต้องหรือไม่ กรณีนี้ไม่มีปัญหา ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาลเพื่อหารือวันอภิปรายแล้ว ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาแล้วเสร็จเร็วขึ้น หลังจากพิจารณามา 5 ครั้งแล้ว คาดว่าจะพิจารณาเสร็จวันที่ 1 ก.ค. จากนั้นจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง 2 ฉบับต่อไป
ห่วง ปชต.ไทยล้มลุกคลุกคลาน
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการเสวนาวิชาการในโอกาสครบรอบ 90 ปี รัฐสภาไทย โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา บรรยายพิเศษ “90 ปีรัฐสภาไทย การเดินทางและความหวัง” ตอนหนึ่งว่า ประชาธิปไตย 90 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ราบรื่น ล้มลุกคลุกคลานเปลี่ยนแปลงตลอด รัฐธรรมนูญปี 40 คิดว่าดีสุดก็มีปัญหาการเมืองแทรกแซง สิ่งสำคัญคือพฤติกรรมคนใช้รัฐธรรมนูญปี 40 เกิดวิกฤติ เพราะผู้บริหารเลือกปฏิบัติ ใช้วิธีนอกหลักนิติธรรม ที่เห็นชัดคือปัญหาภาคใต้ ไปใช้หลักนอกนิติธรรม นโยบายวันที่ 8 เม.ย.44 เป็นจุดเริ่มวิกฤติภาคใต้ เป็นนโยบายเก็บฆ่าทิ้งเดือนละ 20 คน บอกเป็นโจรกระจอกแล้วจัดการ ผู้เสียชีวิตถึงวันนี้ไม่น้อยกว่า 5-6 พันคน จนรัฐบาลต้องใช้เงินเป็นแสนล้านบาทแก้ปัญหาแต่ยังไม่จบ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองน่าเป็นห่วงเป็นธุรกิจการเมือง ต้องเอาทุนคืน เป็นที่มาทุจริตโกงกิน 90 ปี วินัยเรายังไม่ดี ต้องให้ความสำคัญเรื่องวินัย ช่วงเกิดวิกฤติตำแหน่งรัฐมนตรี นักการเมือง มากสุดคือปี 44 เป็นต้นมา ไม่มียุคใดมีรัฐมนตรีติดคุกเท่าช่วงนั้น เพราะหาผลประโยชน์ ไม่เชื่อหลักนิติธรรม อีก 10 ปีรัฐสภาไทยจะครบ 100 ปี ไม่อยากให้นักการเมืองติดคุกทุบสถิติที่ผ่านมาอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต
จวกรัฐประหารอุปสรรคสภาฯ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภาฯ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยยังเดินทางไม่ถึงเป้าหมาย ผิดหวังลึกๆในบทบาทรัฐสภาที่ควรเป็นสภาประชาชน เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ ทำเรื่องเป็นประโยชน์มากกว่านี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานของรัฐสภาคือ การปฏิวัติรัฐประหาร เพราะมีขุนศึกบวกนายทุน และอำนาจนิยมที่ชอบในอำนาจ วันนี้ยังไม่พ้นวังวนนี้ ต้องสร้างจิตสำนึกประชาธิปไตยให้ประชาชนว่าการปฏิวัติเป็นสิ่งชั่วร้าย ประชาธิปไตยที่กินได้ ไม่ได้เกิดจากรัฐประหาร อยากถามเวลาละเมิดอำนาจศาล ทำไมติดคุก แต่เวลาการทำปฏิวัติละเมิดอำนาจประชาชนทั้งประเทศ ฉีกรัฐธรรมนูญ ศาลกลับวินิจฉัยเป็นอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ฝากให้ศาลทบทวนแนวทางวินิจฉัยนี้ไม่เช่นนั้นจะเจอการรัฐประหารอีกหลายรอบ และอยากฝากรัฐบาลเรื่องกระทู้ถามสดที่วัดกึ๋นการทำงานรัฐบาล ถ้าทำงานไม่เก่งจะมาตอบไม่ได้ เพราะถามเดี๋ยวนั้น ตอบเดี๋ยวนั้น ต้องไม่มอบให้รัฐมนตรีมาตอบแทน นายกฯต้องฟังและเข้าใจเอง อย่าบอกงานเยอะ รัฐบาลต้องว่าง
ปลุก ส.ส.ฮึดสู้ฟ้องศาลล้มปฏิวัติ
นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาฯ กล่าวว่า ผิดหวัง 90 ปีของประชาชนบนเส้นทางประชา ธิปไตย อีก 10 ปีจะครบ 100 ปีรัฐสภา จะมีมาตรการกฎหมายป้องกันการทำรัฐประหารอย่างไร ทุกครั้งที่มีรัฐประหาร ส.ส.ที่มาจากประชาชนมีน้อยมากที่จะลุกขึ้นสู้กับรัฐประหาร ด้วยการไปฟ้องศาลว่า การยึดอำนาจผิดกฎหมาย อยากให้ผู้มาจากประชาชนทุกคนลุกขึ้นสู้กดดันศาล อย่าให้คนทำลายประชา ธิปไตยกลับมาสร้างประชาธิปไตยใหม่ เพื่อให้เส้นทางรัฐสภามีความสง่างาม 90 ปีการสร้างรัฐธรรม นูญใหม่นำมาซึ่งอำนาจนิยมฝังรากกดทับประชาชน จึงต้องขจัดความคิดนี้ไม่เช่นนั้น อีก 10 ปีก็แก้ไขไม่ได้ เพราะการยึดอำนาจมักด้อยค่าสภาฯ
“มาร์ค” บี้นายกฯสละเวลาตอบกระทู้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กล่าวว่า การรัฐประหารไม่ควรเป็นคำตอบให้เรื่องใดๆ ต้องมีวิถีแก้ปัญหา ถ้าถามคนทำรัฐประหารให้เหตุผล เช่น ทุจริต บ้านเมืองแตกแยก เรื่องสถาบัน จึงเป็นหน้าที่ทุกคนไม่ให้คนทำไปอ้างได้อีก สิ่งที่ต้องทำจากนี้คือยืนยันรัฐประหารไม่ใช่คำตอบ ไม่ทำตัวให้เป็นเงื่อนไข แนววินิจฉัยศาลต้องไม่รับรองการรัฐประหาร เราไม่มีวัฒนธรรมเหมือนประเทศประชา ธิปไตยที่ให้ฝ่ายบริหารเคารพฝ่ายนิติบัญญัติ สัปดาห์ที่แล้วเกิดวิวาทะนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ตำหนินายกฯไม่มาตอบกระทู้ นายกฯบอกว่าแรงไปหรือไม่ ขอบอกว่ารองประธานสภาฯพูดเบาเกินไป อยากให้นายกฯตระหนัก ไปดูประเทศปกครองระบบรัฐสภา ผู้นำประเทศต้องถืองานสภาฯโดยเฉพาะตอบกระทู้เป็นอันดับหนึ่ง ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่มีข้ออ้างมาตอบไม่ได้ ทราบอยู่แล้วกระทู้ถามสดเกิดขึ้นวัน เวลาใด ถ้าบริหารจัดเวลา 1-2 ชั่วโมงไม่ได้จะบริหารประเทศอย่างไร
บ่น ก.ม.จริยธรรมเมื่อไรจะศักดิ์สิทธิ์
“การตอบกระทู้ไม่ใช่เป็นเรื่องเทคนิคเหมือนที่นายกฯกล่าว แต่มาตอบให้เจ้าของประเทศทราบถึงหลักคิดบริหารประเทศ นักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่ากฎหมาย ความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งไม่ได้แปลว่าผิด แต่รักษากระบวนการทางการเมืองให้เดินต่อได้ รักษาศรัทธา แต่ของไทยมีแต่บอกให้ดำเนินการตามกฎหมาย หลงทางกระทั่งให้ศาลวินิจฉัยจริยธรรม ไม่มีที่ใดในโลกทำ อีกเรื่องคือประมวลกฎหมายจริยธรรมเมื่อไรจะศักดิ์สิทธิ์ นักการเมืองญี่ปุ่นลาออกจากรัฐมนตรี เมื่อนั่งหลับตอนแถลงข่าวช่วงบ่าย เพราะกินเหล้าตอนกลางวัน แต่รัฐสภาไทยมี ส.ส.ดื่มจนอาละวาด สอบ 2 ปียังบอกไม่ได้ว่าเมาหรือไม่ แบบนี้รักษาศรัทธาไม่ได้”
ฉะ “โหรวันชัย” เกาะกระแสตี พท.
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์แลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย พาดพิงถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า ขอขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ชี้แนะทางการเมืองให้ น.ส.แพทองธาร คนรุ่นใหม่ที่เปิดรับทุกความคิดเห็น แต่นายวันชัยไม่ควรวิจารณ์เพียง เพราะต้องการดิสเครดิตหรือเกาะกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทย ควรใช้ความเป็นอาวุโสพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ควรหยุดการกระทำที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ การที่พูดถึงการรัฐประหารว่าให้ น.ส.แพทองธารแบ่งให้ครอบครัวอื่นบ้าง เสมือนว่ามองการรัฐประหารเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้น และผูกขาดโดยคนใดคนหนึ่งหรือไม่ ไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศและเข้าสู่ตำแหน่งโดยได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชน ไม่สมควรต้องถูกรัฐประหารยึดอำนาจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนที่จะบอกว่าผู้นำประเทศสมควรไปต่อหรือไม่ คือประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น
“สมชัย” โต้ ส.ส.รัฐบาลหั่นงบฯลงทุน
ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพปชร. ในฐานะโฆษก กมธ.งบฯปี 66 ส่งหนังสือถึง ป.ป.ช. ตรวจสอบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม ส.ส.ที่เห็นชอบปรับลดงบรายจ่ายลงทุนปี 65 ต่ำกว่า 20% เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) ว่า เคยตั้งข้อสังเกต พ.ร.บ.งบฯ ปี 65 มี 2 จุดผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 61 คือ 1.ยอดงบลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของ พ.ร.บ.งบฯปีนั้น แต่งบลงทุนปี 65 อยู่ที่ร้อยละ 19.74 2.งบลงทุนต้องไม่น้อยกว่าเงินกู้ที่กู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ งบลงทุนปี 65 อยู่ที่ 611,000 ล้านบาท แต่ยอดเงินกู้อยู่ที่ 7 แสนล้านบาท เทียบกับงบฯปี 66 เห็นชัดว่ารัฐบาลทำงบลงทุนเกินกว่า 20% มียอดงบลงทุนมากกว่ายอดเงินกู้ หากย้อนไปดูการลงมติงบฯรายจ่ายปี 65 วาระ 2 ที่สภาฯลงมติเห็นชอบ 257 ต่อ 189 เสียงนั้น 257 เสียงเป็น ส.ส.รัฐบาลและงูเห่าฝ่ายค้าน จึงไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านที่ลงมติ 189 เสียง นายเรืองไกรบอก นพ.ชลน่านต้องรับผิดชอบอาจมองผิด ส.ส.ที่เห็นชอบเป็นของรัฐบาลทั้งหมด จากนั้น ส.ว.ยังลงมติเห็นชอบงบฯปี 65 ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 200 เสียง เป็นตัวเลขที่ฝ่ายค้านต้องนำไปยืนยันใครบ้างลงมติ พรรคเสรีรวมไทยจะนำไปเป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เฉ่ง “บิ๊กตู่” โกหกเงินลงทุนสูงกว่าเงินกู้
นายสมชัยกล่าวต่อว่า การทำผิดทั้ง 2 กรณีนั้น กรณีแรกรัฐบาลจะบอกว่าเป็นการดำเนินงานในขั้นสภาฯ แต่รัฐบาลในฐานะ ครม.เป็นผู้ทูลเกล้าฯกฎหมายต้องรับผิดชอบ และในชั้น กมธ. คนเป็นประธานคือ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง รัฐบาลเป็นเสียงข้างมากต้องรับผิดชอบเต็มที่ ปฏิเสธการรับผิดชอบไม่ได้ ส่วนกรณีที่ 2 ตัวเลขงบลงทุนต่ำกว่ายอดเงินกู้ 7 แสนล้านบาท ได้ถามกระทรวงการคลังว่าเหตุใดกำหนดตัวเลขต่ำกว่า 7 แสนล้านบาทได้ตั้งแต่ในชั้นการชี้แจงงบฯ ได้คำตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ชี้แจงจะมีงบลงทุนจากเงินก้อนอื่น เป็นงบลงทุนจากโครงการที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เมื่อมารวมกันแล้วจะมากกว่า 7 แสนล้านบาท แต่ตัวเลขที่ได้จากกระทรวงการคลัง พบโครงการที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ยังขาดอีก 7 หมื่นล้านบาท จึงเป็นความผิดที่รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์พูดคำโกหกคำโตกับสภาฯ
“สมคิด” ฟาด ปชต.เวอร์ชันแจกกล้วย
วันเดียวกัน ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “88 ปีธรรมศาสตร์กับสังคมไทย” เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา มธ.ครบรอบ 88 ปีว่า บ้านเมืองกำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น แต่ไม่เพียงพอจะทำให้ลูกหลานได้มาซึ่งอนาคตที่ดีกว่า แม้ชาว มธ.ต่อสู้มาตลอด 88 ปี คงไม่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเวอร์ชันแจกกล้วยเป็นหวีอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม่อายฟ้าดินอย่างที่เป็นข่าว ถูกใช้เพียงเป็นเกราะในการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง
ปลุกพลังรุ่นใหม่ช่วยฟื้นประเทศ
“ประชาธิปไตยถูกออกแบบให้สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมือง วันหนึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ได้ ประชาธิปไตยแบบนี้คนรุ่นใหม่รับไม่ได้ ก็พยายามต่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตยเป็นของปวงชน และขอให้เป็นกำลังสำคัญอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ขับเคลื่อน สร้างกระแส สร้างอนาคตที่ดีในมิติอื่นด้วย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ หนักสุดคือความไม่เท่าเทียมเหมือนระเบิดที่รอเวลาเท่านั้น” นายสมคิดกล่าว
กกต.อัปเดตเพิ่ม ส.ส.เขต ลต.ปี 66
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในการเลือกตั้งปี 2566 โดยคำนวณจากจำนวนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 โดยจะมีจำนวน ส.ส.เขต ทั่วประเทศ 400 คน โดยจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดที่มี ส.ส. 1 คน 4 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 2 คน 10 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 3 คน 19 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 4 คน 12 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 5 คน 7 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 6 คน 5 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 7 คน 4 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 8 คน 5 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 9 คน 4 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 10 คน 2 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 11 คน 2 จังหวัด จังหวัดที่มี ส.ส. 16 คน 1 จังหวัด และจังหวัดที่มี ส.ส. 33 คน 1 จังหวัด ทั้งนี้ จากจำนวน ส.ส.ดังกล่าวส่งผลให้ภาคกลางมี ส.ส. รวม 122 คน จากเดิม 106 คน ภาคเหนือ 39 คน จากเดิม 33 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ส.ส.132 คน จาก 116 คน ภาคตะวันออกมี ส.ส. 29 คน จากเดิม 26 คน ภาคตะวันตกมี ส.ส. 20 คน จากเดิม 19 คน และภาคใต้มี ส.ส. 58 คน จากเดิม 50 คน
กทม. เพิ่ม 3โคราช-จว.ใหญ่เพิ่ม 2 คน
จังหวัดที่มี ส.ส.เพิ่มขึ้น 3 คน 1 จังหวัดคือกรุงเทพฯ ส.ส.เพิ่มขึ้น 2 คน มี 5 จังหวัด คือนครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่ บุรีรัมย์ นนทบุรี ส่วนจังหวัดที่ ส.ส.เพิ่ม 1 คน 37 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เชียงราย ตรัง ตาก นครนายก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา พังงา เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ระยอง เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี และบึงกาฬ
“เฮ้ง” อาสาจัดโรดโชว์ชลบุรี 10 ก.ค.
นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรค พปชร.กล่าวว่า พรรคได้จัดแกนนำแบ่งพื้นที่ดูแลภาคและกิจกรรมลงพื้นที่ หัวหน้าพรรค มีแนวคิดจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐมนตรีพรรคที่กำกับดูแลผลงาน ส.ส.จัดแบ่งเป็น 10 ภาค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ส.ส.ชลบุรี ในฐานะ ผอ.พลังประชารัฐ ดูแลภาคกลางฝั่งตะวันออก แสดงเจตจำนงเป็นเจ้าภาพจัดเวทีแรกที่ จ.ชลบุรี วันที่ 10 ก.ค. เวลา 17.00 น. หน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี หัวหน้าจะร่วมงานด้วยยืนยันว่าเราไม่ได้เงียบ ยังดำเนินกิจกรรมพรรคเตรียมพร้อมเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ เชื่อว่าอีก 9 เดือนนับจากนี้ทุกพรรคจะตั้งหน้าทำภารกิจของพรรคและกระทรวงที่ดูแลเต็มที่ การประชาสัมพันธ์ผลงานพรรคที่น้อย เป็นคนละส่วนกับกระแสนิยมนายกฯที่ลดลงอยู่อันดับ 4 สนับสนุนให้เป็นนายกฯ อาจมีผลต่อความคิดประชาชนบ้าง แต่ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงทั้งหมด เชื่อว่านายกฯจะรับทราบโพลความนิยมและหาแนวทางดำเนินการต่อ เชื่อว่านายกฯมีความตั้งใจสูงในการปฏิบัติหน้าที่
การันตีมวลชนร่วมไม่ต่ำกว่าหมื่น
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในฐานะ ผอ.พรรค พปชร.กล่าวว่า จะจัดเวทีพบประชาชนชื่อว่า “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” เวทีแรกที่ศาลากลาง จ.ชลบุรีวันที่ 10 ก.ค.ประชาสัมพันธ์ผลงานพรรคตลอด 3 ปี จะใช้ช่วงวันหยุดจัดเวทีให้รัฐมนตรีและ ส.ส.ไปพบประชาชนทั้ง 10 เวที 10 ภูมิภาค แต่ละเวทีจะนำโดย พล.อ.ประวิตร ส่วนนายกฯจะไม่มาร่วมด้วย มีไฮไลต์ของตัวเอง จ.ชลบุรีเน้นการดูแลแรงงานทั้งระบบ ภาคอุตสาหกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดเวทีที่ จ.นครราชสีมา พูดถึงผลงานภาคเกษตร ภาคใต้ จัดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อาจพูดถึงนโยบายปลดล็อกพืชกระท่อม ที่เลือกชลบุรีที่แรกเพราะเป็นจังหวัดใหญ่ เลือกตั้งปี 62 พปชร.ได้ ส.ส.ถึง 5 คนจาก 8 คน ครั้งหน้าแบ่งเขตใหม่ทำให้มี ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน ผู้นำท้องถิ่น จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรค ชาวบ้านก็ชื่นชอบผลงานพรรค รวมถึงเป็นแฟนคลับนายกฯจำนวนมาก ไม่นับรวมจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ เบื้องต้นคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน
ศท.ขยับตั้งแม่ทัพคุมรายภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ว่า พรรค ศท.เตรียมนัดประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง เริ่มกระบวนการสรรหาสมาชิกลงสมัคร ส.ส. บางเขตได้ตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว และเตรียมตั้งคณะทำงานภาคลงพื้นที่ขับเคลื่อนการทำงานของพรรค เบื้องต้นให้ ส.ส.ในพื้นที่ของภาคนั้นๆเป็นตัวหลักรับผิดชอบ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรคจะดูภาพ รวมทุกภาค ภาคเหนือตอนบน นายจีระเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา ภาคเหนือตอนล่างนายไผ่ ลิกค์ ส.ส. กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรค ภาคอีสาน นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น ภาคกลาง นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อช่วยรับผิดชอบ จะสรุปชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงจะมีคนนอกมาเป็นสมาชิกช่วยดูแลด้วย รูปแบบลงพื้นที่จะเป็นกึ่งทางการ เน้นความคล่องตัว
วางคิวถก ก.ม.ลูกเลือกตั้ง 5-6 ก.ค.
นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า ในวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้จะประชุมวาระสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ส่วนวันที่ 1 ก.ค. จะประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เป็นครั้งที่ 5 คาดว่าจะเป็นนัดสุดท้าย เนื่องจากเหลือสาระร่างกฎหมายที่ต้องพิจารณารายมาตราอีกราว 50 มาตรา น่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ จะประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐ ธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2-3
“บิ๊กป้อม” แก้น้ำท่วมเมืองจันท์
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศาลากลาง จ.จันทบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยรับฟังรายงานสรุปภาพรวม ปี 61-65 การพัฒนาน้ำพื้นที่ จ.จันทบุรี 704 โครงการ มีพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 95,000 ไร่ 17,021 ครัวเรือน โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่ร่วมขับเคลื่อนความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการปฏิรูปแก้ปัญหาที่ดินและน้ำที่ยั่งยืนอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน มีน้ำกระจายใช้อย่างทั่วถึงเป็นธรรมทุกกลุ่ม โดยกำชับขอให้ สทนช. เร่งพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ 3 ลุ่มน้ำภาคตะวันออก และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่งให้เป็นไปตามแผนงาน ครอบคลุมทั้งการอุปโภค บริโภค พื้นที่การเกษตรสำคัญ โดยเฉพาะสวนผลไม้ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองสนับสนุนพื้นที่อีอีซี ลดปัญหาผลกระทบภัยแล้งและความต้องการน้ำที่มากขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
จากนั้น พล.อ.ประวิตรเดินทางไปที่โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี (คลองภักดีรำไพ) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่เขตเมือง ได้รับผลกระทบเสียหายจากน้ำท่วม และไปที่โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองหางแมว อ.แก่งหางแมว รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนด คาดว่าจะช่วยยกระดับการปลูกพืชผลไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญไปยังพื้นที่อีอีซี