“บิ๊กป้อม” ส่งกำลังใจจาก นายกฯ และประชาชนถึงทัพนักกีฬาที่เข้าแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ประเทศเวียดนาม เผย เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ปั้นนักกีฬาไทยสู่เวทีโลก
วันที่ 16 พ.ค. 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่ไทยส่งนักกีฬาทีมชาติเพื่อร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค. 2565 นับเป็นก้าวสำคัญในการเข้าร่วมโปรแกรมการแข่งขันที่สามารถพิสูจน์ความสำเร็จของนักกีฬาไทยในหลายประเภท สะท้อนความมุ่งมั่นของนักกีฬาและสมาคมกีฬา ที่เตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาทุกประเภท โดยภาครัฐให้ความสนใจ ส่งเสริมทั้งในด้านงบประมาณและการฝึกซ้อม เพื่อส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
“การแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 31 ผมขอให้กำลังใจนักกีฬาทุกสมาคมที่เข้าร่วมแข่งขัน โดยได้นำความปรารถนาดี กำลังใจจากนายกรัฐมนตรี และคนไทยทั้งประเทศที่ฝากมาให้แก่นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน และทุกประเภทกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ขอให้นักกีฬาทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจแข่งขันอย่างเต็มที่ และต่อสู้อย่างสุดความสามารถ คณะกรรมการโอลิมปิคฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาทุกประเภท พร้อมที่จะส่งเสริมศักยภาพของนักกีฬาไทยทุกคน นำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การกีฬามาเพิ่มสมรรถนะและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันกีฬาในทุกเภท ให้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด เพื่อศักดิ์ศรีของคนไทยและประเทศชาติ”
ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านกีฬาของไทย ได้วางแผนการขับเคลื่อนการสนับสนุนและส่งเสริมทั้งในระดับประเทศและสากล พัฒนาศักยภาพทางด้านการกีฬาในทุกระดับอายุให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ พร้อมผลักดันให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการดำเนินกิจกรรมกีฬาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำทางการกีฬาระดับเอเชีย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานนักกีฬาของไทยไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ
นอกจากนี้ การพัฒนาศักยภาพและการเข้าร่วมการแข่งขัน สมาคมกีฬาทุกประเภทต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการแข่งขันกีฬา ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ข้อบังคับจากองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักกีฬาไทยและประเทศ โดยระยะต่อไปจะมีการผลักดันศูนย์ฝึกกีฬาในแต่ละประเภท เพื่อการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทย โดยมีการนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การกีฬามาดูแลทัพนักกีฬาไทย เสริมสร้างสมรรถนะให้มีความแข็งแกร่งและเป็นไปตามหลักวิชาการ อีกทั้งมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยจัดการแข่งขันกีฬาระดับสากลในประเทศมากขึ้น เพราะจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ในปี 2565 กกท. และสมาคมได้วางแผนการบูรณาการใช้กลไกการแข่งขันกีฬาเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวควบคู่การพัฒนาศักยภาพการกีฬา แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ พร้อมขยายผลขับเคลื่อน BCG Model มาใช้ในการแข่งขันกีฬาทุกประเภท ขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม.